เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 960 ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรก็ได้



บทที่ 960 ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรก็ได้

มู่จื่ออดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงมองเด็กน้อย แววตาของเธอเต็ม ไปด้วยความสงสัย

เด็กคนนี้ไปเรียนมาจากไหนกันแน่ ทำไมอายุแค่นี้ถึงชอบคุย เรื่องผู้ใหญ่ แถมเมื่อคืนเธอเพิ่งสงสัยอยู่เลยว่าเซียวซูอาจจะชอบ เสี่ยวเหยียน ทำไมเสี่ยวหมี่โต้วถึงทำเหมือนรู้มาก่อนเธออย่างไร อย่างนั้น

ไม่นาน ภายใต้สายตาคาดคั้นของมู่จื่อ เสี่ยวหมี่โต้วรีบพูด ออกมา

“พ่อเป็นคนบอกผม

เรื่องจริงที่เสี่ยวหมี่โต้วหักหลังพ่อตัวเองอีกแล้ว

“พ่อบอกหนูเหรอ” มู่จือ

“ใช่ครับ พ่อเป็นคนบอกครับ แล้วที่พ่อบอกเป็นเรื่องจริงหรือ เปล่าครับ”

มู่จื่อขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ ลูกชายของตัวเอง แต่สิ่งที่เธอคิดถึงก็คือพวกผู้ชายก็ชอบคุย ซุบซิบหรอ แม้แต่เรื่องนี้ก็

“อย่าไปฟังพ่อพูดไร้สาระ เดี๋ยวแม่จะจัดการพ่อ ไม่ต้องเอาสิ่งที่พ่อพูดไปคิด อีกอย่างเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่ควรจะถามมากนะ ทางที่ดีอย่าไปพูดเรื่องนี้กับน้าชาย น้าเสี่ยวเหยียนแล้วก็ลุงเขียว ด้วย ไม่งั้นพวกเขาจะรู้สึกลำบากใจ เข้าใจไหม

“ครับ” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้วครับ” จากนั้น เขาก็ไม่น่าจะเชื่อฟังอีก

เพียงครู่หนึ่งสองแม่ลูกเดินกลับห้องด้วยความคิดที่แตกต่าง

เสี่ยวเหยียนไข้ลดแล้ว ตอนนี้นอกจากอาการมึนและหนัก ศีรษะ เธอก็ไม่รู้ว่ามีส่วนไหนผิดปกติอีก อีกทั้งเธอยังไม่รู้เรื่องที่ เกิดขึ้นตอนที่เธอเมา แค่คิดว่าเป็นอาการปวดหัวจากเมาค้าง

เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเอามือยกแขนเสื้อขึ้น

แล้วเตรียมทำอาหาร

ตอนที่เซียวซูเข้ามา เธอกำลังใช้มือล้างข้าวอยู่

มือขาวนุ่มชุ่มอยู่ในน้ำเย็น

เซียวเห็นภาพนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้นทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไป

“อาการของเธอยังไม่หายดีเลย ทำไมถึงมาทำอะไรแบบนี้

เขาเข้ามาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง ทำให้เสี่ยวเหยียนตกใจ เธอ เงยหน้ามองเขา “เซียวซู

เธอประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเซียวจะมา เธอคิดถึงคำที่เขาพูดเมื่อครู่แล้วพูดออกมาว่า “นายเข้ามาได้ยังไง แล้วที่นายพูดเมื่อกี้ อาการของฉันยังไม่ได้หายดีอะไร ฉันป่วย ตอนไหน

ยิ่งพูดยิ่งโกรธ เธอพูดด้วยความหงุดหงิด “พูดมั่วซั่ว นายว่า ฉันป่วยเหรอ ถึงเมื่อวานนายจะเลี้ยงข้าวฉัน แต่อย่าคิดว่าจะพูด อะไรก็ได้นะ”

เซียวซู

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเสี่ยวเหยียน เซียวซูรู้สึกว่าเธอคงจะเป็น ไข้จนเบลอ เขาก้าวเข้าไปหาเธอแล้วยื่นมือออกไปแตะหน้าผาก ขาวของหญิงสาว

การกระทําเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา

เสี่ยวเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย เธอคิดว่าเซียวจะ

ยกมือตีเธอ ยังคิดในใจอยู่เลยว่าเขาโหดร้ายอย่างนี้ตั้งแต่ เมื่อไร พูดออกมาสองสามค่าก็จะทำร้ายคนแล้ว จากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอทำอะไรเชื่องช้า

ไปหมด ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น

เธอไม่แม้แต่จะหลบ

ตอนที่มือเย็นของเซียวซู่ทาบลงมาบนหน้าผากของเธอ เสี่ยว เหยียนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะตั้งสติได้

เธอเงยหน้าขึ้นถามเขา
“นายทําอะไร”

เซียวซูไม่ได้ซักมือกลับมา เพราะจะวัดอุณหภูมิของเธอ

เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เพราะตื่นเช้าและไม่ได้ทานอะไร ทำให้มือของเขาเย็น เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่ามันเย็นเล็กน้อย จึงถอย หลังไปตามสัญชาตญาณ แล้วพูดว่า “เพราะมือขอนายเย็น นาย จึงจะวัดอุณหภูมิ นายนี่มัน…

เธอไม่ทันพูดจบ เหมือนเซียวซูจะไม่พอใจที่เธอถอยหลัง เขา ก้าวเข้าไปแล้วเอามือจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ แล้วโน้มตัวลง เอาหน้าผากของตัวเองทาบกับหน้าผากของเธอ

เสี่ยวเหยียบเบิกตาโพลง ในมือยังถือกะละมังล้างข้าวอยู่ เธอ ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม

เธอมองเซียวซูที่อยู่ใกล้ด้วยความตกใจ ลมหายใจของทั้งคู่

รดใส่กัน เธอเห็นทุกรูขุมขนบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

ถึงแม้เธอจะรู้จักกับเซียวซูมาเป็นเวลานาน เธอเคยเข้าใจผิด ว่าเซียวซูชอบเธอ

แต่เมื่อเธอพูดออกไป เซียวซูกลับปฏิเสธ แถมยังดูเหมือนไม่ ได้ชอบเธอจริงๆ อีกด้วย เพราะว่าใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เขา เมื่อ เขาปฏิเสธเธอก็ไม่ได้ยินดียินร้ายและไม่ได้ใส่ใจ

แต่ทว่าตอนนี้มันหมายความว่าอะไร ทำไมถึงแสดงออกมา เช่นนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเหยียนอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้ เธอรู้สึกเพียงแค่เขินและเกร็งไปหมด ปากและขนตาของเธอสั่นระริก สั่น จนพูดติดๆ ขัดๆ ไปหมด

“นะ นะ นายจะทำอะไร

เซียวซูไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากจะวัดอุณหภูมิบนหน้าผาก ของเสี่ยวเหยียนอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าอุณหภูมิบนหน้า ผากของเธอไม่ได้แตกต่างจากเขามากนัก จึงถอนหายใจอย่าง โล่งอกออกมา

น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เมื่อครู่ยังคิดว่าเธอเบลอ

ตอนที่เซียวซูกำลังจะผละออก ก็พบว่าเสี่ยวเหยียนเบิกตาโต มองเขาอยู่ เซียวซูอึ้งไป เพราะเมื่อครู่เขาผลีผลามจนเกินไปจน ทำให้ทำอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้เขาตั้งสติได้แล้ว จึงรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองไม่

เหมาะสม

ตอนที่เสี่ยวเหยียนถามเขาว่าจะทำอะไร เซียวซูรู้สึกร้อนที่ใบหู และถอยออกมาโดยเร็ว

“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ

เสี่ยวเหยียนเบิกตาโต หมายความว่ายังไง

“เมื่อคืนเธอเป็นไข้ ฉันแค่อยากวัดอุณหภูมิของเธอดูว่าเป็นยัง

ไงบ้าง”

วัดอุณหภูมิ
“หลอก ใครอยู่เหรอ วัดอุณหภูมิต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ไหม นายจะใช้โอกาสนี้มาเอาเปรียบฉันใช่ไหม

หลังจากที่เซียวซูผละออกไป เสี่ยวเหยียนก็เริ่มไม่เกร็งแล้ว เมื่อกี้เธอตกใจแทบตาย เธอเกือบคิดว่าเดี๋ยวจะ

เธอไม่อยากคิดต่อไปอีก เพราะมันน่าอายมาก

“ไม่ใช่!” เซียวซูพูดปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เริ่มแดง “ฉันไม่ได้จะ เอาเปรียบเธอ เมื่อกี้ฉันแค่เอามือวัดอุณหภูมิ แต่เธอถอยหนี ฉัน ก็เลย…

“ไม่ต้องปฏิเสธ ถึงจะถอยหนีนายก็ยังใช้มือวัดได้ ถ้าไม่ได้ นายถามฉันก็ได้ นายอยากใช้โอกาสนี้มาเอาเปรียบฉัน”

เซียวซูโดนเสี่ยวเหยียนว่าจนลุกลี้ลุกลนหน้าดำหน้าแดง หูกับ

หน้าของเขาแดงไปหมด

เมื่อเห็นท่าทางของเซียวซู เสี่ยวเหยียนตลกจนอดไม่ไหว เธอ หรี่ตาแล้วเดินเข้าไปไกลเขา

“ฉันเพิ่งเคยเห็นผู้ชายเขินขนาดนี้ หน้าแดงขนาดนี้กำลังคิด

เรื่องไม่ดีอะไรอยู่ใช่ไหม” เซียวซูคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักพูดแทะโลม หน้าของเขายิ่งแดง

เข้าไปอีก

“ฉัน…

“โอเค นายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจหมดแล้ว”
เธอเข้าใจอะไร เซียวซูรีบร้อนเพื่อที่จะอธิบาย อันที่จริงเขา กังวลว่าการกระทำของตัวเองจะกระทบต่อเสี่ยวเหยียนมาก เธอ อาจจะเข้าใจว่าเขาเป็นคนที่ไม่จริงจังและไม่เอาไหน

แต่ถ้าเขาอธิบายไป ดูเหมือนเสี่ยวเหยียนจะไม่ฟัง เขาเงียบ อยู่พักใหญ่จึงพูดออกมา

“ฉันไม่ใช่คนที่อะไรก็ได้นะ

เสี่ยวเหยียนยักไหล่อย่างไม่แคร์ “อืม ฉันรู้แล้ว

เซียวซู

เห็นใบหน้าที่ไม่ใส่ใจอะไรของเสี่ยวเหยียน เซียวซูก็นึกถึง เรื่องเมื่อคืนที่เธอร้องไห้เพราะผู้ชายคนอื่น

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ สายไปแล้วงั้นเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ