เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1039 เรื่องสมคบที่ลับลมคมใน



บทที่ 1039 เรื่องสมคบที่ลับลมคมใน

พูดให้น่าเกลียดหน่อย ก็คือพึ่งตัวเองมีร้านอยู่ในทำเลที่ดี จึง เรื่องราคาอย่างโลภมาก

หลัวหุ้ยเหม่ยรู้มาโดยตลอดว่า ทำเลที่ดีนั้น ค่าเช่าก็จะไม่ถูก ก่อนที่จะมา เธอก็ได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว แพงกว่าอีกหน่อย เธอกับ ตาจางก็สามารถสมทบให้ได้ ยังไงก็สนองความ ปรารถนาที่อยากจะเปิดร้านอาหารของลูกสาวก่อน สามารถใช้ ชีวิตได้ก็พอ

แต่ตอนนี้ ค่าเช่าแพงมากขนาดนี้ ต่อไปลูกสาวของเธอ จะไม่ ทํางานหนัก โดยเสียเปล่าหรือ?

เป็นกรณีตัวอย่างที่ทำงานมาก กำไรน้อย

นายหน้าได้ยินคำพูดของหลัวหุ้ยเหม่ยแล้ว ก็รู้สึกลำบากใจ เหมือนกัน เขายื่นมือออกมาเกาหัวของตัวเอง มองไปทางเสี่ยว เหยียน “ต้องขออภัยจริงๆ ถ้าพวกคุณรู้สึกว่าไม่พอใจกับร้านนี้ ฉันยังสามารถพาพวกคุณไปดูที่อื่นได้ เป็นอย่างไร?

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างน่ารัก “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณ ช่วยแนะนําให้ฉันหน่อย

หลังจากนั้น นายหน้าก็พาเสี่ยวเหยียนและหลัวหุ้ยเหมยไปอีก หลายร้าน ในระหว่างนี้ทั้งหมด เสี่ยวเหยียนก็มีท่าที่อ่อนโยน น่าคบหา แต่สีหน้าของ หลัวหุ้ยเหม่ย ก็ดูจะไม่พอใจแล้ว
ตอนที่กลับไป นายหน้ายังขอโทษอย่างรู้สึกผิด

“ต้องขอโทษจริงๆ วันนี้เกรงว่าคงจะเลือกไม่ได้ร้านที่เหมาะ สมกับพวกคุณแล้ว อย่างนี้แล้วกัน เราให้ช่องทางการติดต่อกัน ไว้ ต่อไปถ้ามีร้านที่เหมาะสม ฉันจะติดต่อพวกคุณ ดีไหม?”

“ดีเลย”

ดังนั้นเสี่ยวเหยียนกับอีกฝ่าย จึงให้ช่องทางติดต่อกันและกัน หลังจากที่นายหน้าจากไป หลัวหุยเหม่ย ถึงได้พูดอย่างไม่พอใจ ว่า “ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ เห็นได้ชัดว่าร้านค้าที่แนะนำใน ภายหลัง ล้วนไม่ค่อยดีเลย แค่ร้านแรกที่ดูดีหน่อย แต่ที่นั่นค่า เช่าแพงขนาดนั้น เธอยังตามเขาไปดูอีก เสียเวลา”

เมื่อได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็มองหลัวหุ้ยเหม่ยอย่างจนใจ แล้วพูด ปลอบ “แม่ ไม่ว่าจะยังไง วันนี้คนเขาก็วิ่งกับเรามาทั้งวันแล้ว แต่ เขาได้รับเงินไหม? แนะนำให้พวกเราไม่สำเร็จ เขาไม่ได้ค่า คอมมิชชั่นเลยสักนิด ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เงินแบบนี้ เขายัง ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เราก็ไม่เสียมารยาทไม่ได้ อีกอย่างฉันเห็นว่า หน้าร้านที่เขาแนะนำในภายหลัง ก็ถือได้ว่าเป็นการแนะนำอย่าง จริงใจ ส่วนร้านราเม็งนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับเขา เขาเป็นแค่คนกลาง เท่านั้น ไม่ใช่คนที่กำหนดราคาเสียหน่อย

ต่อให้อยากจะโกงพวกเรา ก็ไม่ใช่เขาที่อยากจะโกงพวกเรา แน่นอน ถ้าเขาอยากจะโกงพวกเราจริงๆ ก็จะหลอกล่อให้เราไป เซ็นสัญญาแล้ว ยังไงเมื่อถึงเวลานั้น ได้เซ็นสัญญาแล้ว ยังจะมา สนใจว่าพวกเราเป็นยังไงทำไม?”
ถูกลูกสาวของตัวเองให้คำแนะนำแบบนี้ ทันใดนั้นหลังย เหม่ยก็รู้สึกว่า เธอพูดได้สมเหตุสมผล “ถ้าอย่างนั้นคือแม่ได้ เข้าใจผิดคนเขาแล้ว หนูพูดอย่างนี้เข้า แม่ก็รู้สึกละอายแล้ว ต้อง โทรหาเขาเพื่อขอโทษไหม?”

เสี่ยวเหยียนยิ้มปลอบ “ขอโทษคงไม่จำเป็น แต่ครั้งหน้าได้พบ กันอีก ท่าทีของคุณดีหน่อยก็พอ ต่อไปก็อย่าอารมณ์เสียกับคน อื่นเรื่อยเปื่อย”

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็พบว่า หลัวหุ้ยเหม่ย จ้องมองเธออย่างจริงจัง โดยไม่พูดอะไรสักคำ

น่าจะเป็นเพราะว่า สายตาของเธอจดจ่อมากเกินไป จนทำให้ เสี่ยวเหยียนโดนเธอมองจนรู้สึกกลัวเล็กน้อย กะพริบตาอย่าง อึดอัด “ แม่ แม่มองฉันแบบนี้ทำไม? หรือว่าเมื่อกี้ฉันพูดอะไรผิด หรือ?”

“ไม่ใช่” หลัวหุ้ยเหม่ยส่ายหัว จากนั้นสีหน้าก็กลายเป็นจริงจัง “แม่แค่คิดว่า หนูกลับมาคราวนี้ โตแล้ว รู้เดียงสาแล้ว”

หลัวหุ้ยเหม่ย “เมื่อก่อนแม่หวังอยากจะให้หนูเติบโตรู้เรื่อง เร็วๆ ตอนนี้ได้เห็นหนูกลายเป็นแบบนี้จริงๆ แม่กลับรู้สึกทุกข์ใจ มาก”

โตขึ้น ที่จริงเป็นสิ่งที่ขมขื่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง ของจิตใจ
ตอนที่ลูกสาวยังไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอหวังว่าลูกสาวจะ เติบโตขึ้นรู้เรื่องโดยเร็ว ตอนนี้เห็นเธอเชื่อฟังเช่นนี้ หลัวหุ้ยเหม่ ยก็เริ่มรู้สึกปวดใจกับสิ่งที่เธอเคยผ่านมา

ดูเหมือนว่าหัวใจของเหยียนเหยียน ในครั้งนี้ จะบาดเจ็บอย่าง หนัก

“แม่ อย่างคิดไปเรื่อยเลย” เสี่ยวเหยียนเดินไปข้างหน้า ควงแขนของหลัวหุ้ยเหม่ย ไว้ พูดเสียงเบา “เรากลับบ้านก่อนดี กว่า ถ้ายังไม่กลับไป ตอนเที่ยงพ่อจะไม่มีอาหารทานแล้ว”

เมื่อเสี่ยวเหยียนพูดถึงอย่างนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยถึงนึกได้ว่า ใน โรงพยาบาลยังมีตาแก่คนหนึ่ง รอพวกเธออยู่นะ

จึงพยักหน้า แล้วกลับบ้านไปทำอาหารกับเสี่ยวเหยียนด้วยกัน

เวลาผ่านไปรวดเร็ว ผ่านไปอีกสามวัน

เสี่ยวเหยียนวิ่งไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลอย่าง เงียบๆ ช่วงเวลาว่างก็ดูร้านค้าทางออนไลน์ บริเวณรอบข้าง มีดี อยู่แค่ร้านเดียว แต่เสียดายที่เธอซื้อไม่ไหวและเช่าไม่ไหว ดังนั้น เสี่ยวเหยียนยังได้วางแผนว่า หรือไม่ก็หาหน้าร้านที่ไกลหน่อย ก็ได้ ถึงเวลานั้น ก็ซื้อจักรยานหรือรถจักรยานไฟฟ้า ขับขี่ไปมา ก็ได้แล้ว

ช่วงแรกก็จะต้องเหนื่อยลำบากหน่อย มันจะง่ายขนาดนี้ได้ อย่างไร?
แต่คิดไม่ถึงว่า เช้าวันนี้ตอนที่เธอกำลังจะตื่นนอนไปที่ซูเปอร์ มาร์เก็ต เรื่องกลับมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี นายหน้าได้โทร หาเธอ ถามเธอว่ามีเวลาว่างไหม บอกว่าเขาได้คุยกับเจ้าของ ร้านแล้ว ค่าเช่ายังสามารถลดลงได้

เสี่ยวเหยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย วันนั้นบอกว่าสามแสน ที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? ยังสามารถลดได้อีก?

ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงถามว่า “โดยประมาณแล้วสามารถลด ถึงเท่าไหร่ล่ะ?”

นายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ปีหนึ่งคิดค่าเช่าแค่แสนเดียว” ค่าเช่าแสนเดียว?

เสี่ยวเหยียนคิดว่าตัวเองได้ยินผิดแล้ว ไม่เช่นนั้น ทำไมถึงลด

ลงสองแสน ในทันทีได้อย่างไร? ทันใดนั้น เสี่ยวเหยียน ก็รู้สึกว่า

เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างนี้ เธอเม้มริมฝีปาก ถามตรงๆ “เป็นไปไม่

ได้ที่จะลดลงมากขนาดนี้ในครั้งเดียว อีกฝ่ายมีเงื่อนไขอย่างอื่น

ใช่ไหม?”

“ก็รู้ว่าไม่สามารถปิดบังคุณจางได้ คุณจางฉลาดจริงๆ อีกฝ่าย

เสนอเงื่อนไขอย่างอื่นจริงๆ แต่เงื่อนไขที่ชัดเจนคืออะไร ฉันยัง

ไม่รู้ ต้องรอหลังจากที่ได้เจอกันแล้วถึงจะรู้ ฉันจึงโทรหาคุณ

อยากจะถามคุณจางว่า มีเวลาว่างเมื่อไหร่ที่จะสามารถพบกัน

ได้?”

จางเสี่ยวเหยียนยกมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกา “ว่างตอนนี้เลย ถ้า อย่างนั้นฉันจะไปหานะ เจอกันค่อยพูดกันอีกที”
“ได้ครับ คุณจาง”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เสี่ยวเหยียนก็เก็บของออกจากบ้าน ตอนที่สวมรองเท้าอยู่โถงทางเดิน หลัวหุยเหม่ยก็เดินอ้อมเข้า มา นั่งข้างๆเธอ โดยตรง

“เมื่อกี้ฉันได้ยินหนูคุยโทรศัพท์กับคนอื่น หนูจะออกไปหรือเห ยียนเหยียน?”

“อืม นายหน้าโทรหาฉัน บอกว่าอีกฝ่ายยอมลดค่าเช่า แต่ว่ามี เงื่อนไข ต้องเข้าไปคุยถึงจะรู้

เงื่อนไข?” หลัวหุยเหม่ยถามขึ้นอัตโนมัติ “เงื่อนไขอะไร? คง ไม่ใช่เรื่องสมคบที่ลับลมคมในนะ?”

เสี่ยวเหยียน “แม่………เป็นไปไม่ได้”

“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? วันนั้นหนูไม่เห็นท่าทีของนายหน้าหรือ พูดอย่างแน่วแน่ขนาดนั้น ทำไมสามวันต่อมา ก็บอกว่าสามารถ ลดค่าเช่าได้แล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนี้ หนูรอก่อน แม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปด้วยกันกับหนูถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ระหว่างเราก็ยังสามารถดูแลกันได้”

หลังจากพูดจบ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ลุกขึ้น แล้วกลับไปเปลี่ยน เสื้อผ้าที่ห้องอย่างรีบร้อน เพราะเธอจะตามไปด้วยกัน เสี่ยวเหยี ยนก็ไม่สามารถบอกได้ว่า จะไม่พาเธอไปด้วย จึงทำได้เพียงนั่ง รอเธออยู่ที่เดิมอย่างจนใจ

อันที่จริงเธอก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะอีกฝ่ายดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นคนไม่ดี ร้านราเม็งตกแต่งได้สวยงามขนาดนั้น ในความสง่า งามที่มีระดับแล้ว ยังมีอารมณ์ของสาวน้อยด้วย

เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่า ตัวเองน่าจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว แต่

ก็ยังไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ วันนี้ความจริงก็น่าจะได้รับการเปิด

เผยแล้ว

สองแม่ลูกแต่งตัวเสร็จ ออกจากบ้านพร้อมกัน

ตอนที่พวกเธอมาถึงที่นัดหมาย นายหน้าได้รออยู่ที่นั่นตั้งนาน แล้ว ได้เห็นจางเสี่ยวเหยียนกับหลัวหุยเหมียตั้งแต่ไกล ก็มา ต้อนรับอย่างกระตือรือร้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ