เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1265 ตอนนี้เขามีความสุขมาก



บทที่ 1265 ตอนนี้เขามีความสุขมาก

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาจากไหนไม่รู้ อีกทั้งบทสนทนาที่หล่อน พูดคุยกับพนักงานต้อนรับ เขาก็ได้ยินหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยิน ว่าคุณลุงจะไปเจอกับผู้หญิงคนนั้น เขาจึงต้องเพิ่มความ ระมัดระวังมากขึ้น20เท่า จะต้องไปกับหม่ามีให้ได้ เพื่อจับตา มองคุณลุง

ไม่ว่ายังไง เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอะไร แต่น้าเสี่ยวเหยียน จะต้องเป็นน้าสะใภ้อนาคตของเขาอย่างแน่นอน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เสี่ยวหมี่โต้วจะไม่หัวดื้อขนาดนี้ แต่เป็นเพราะ

ตั้งแต่เสี่ยวหมี่โต้วรู้ว่าเสี่ยวเหยียนได้มีความรักสมปรารถนา

เขาจึงยอมรับน้าสะใภ้คนนี้ทันที

สองพ่อลูกต่างมีความกังวลอยู่ภายในใจ มีเพียงเสี่ยวโต้วห ยาที่ยิ้มอย่างไร้เดียงสาอยู่ในอ้อมอกของเยโมเงิน จากนั้นเยโม เซินก็ชี้ไปที่หน้าหล่อน พูดกับหานคู่จื่อว่า “ดูสิ เดี๋ยวโต้วหยาก็ อยากออกไปด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่

อยากจะไปด้วยก็ไปสิ คิดว่าฉันพูดโกหกหรือไง? หล่อนขี้เกียจ จะสนใจสองพ่อลูกนี้แล้ว จากนั้นจึงหยิบมือถือออกมาส่ง ข้อความหาสวีเย็นหวั่น
หล่อนจองโรงแรมไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสวีเย็น หวั่น ดังนั้นสถานที่รับประทานอาหารจึงจองไว้ที่ชั้นล่างของ โรงแรม ซึ่งอยู่ใกล้กันมาก หากหล่อนและหานชิงไปถึง สวีเย็น หวั่นค่อยลงลิฟต์มาก็ยังทัน

แต่หาน จื่อพักอยู่ที่วิลล่าให่เจียง ซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อนข้าง ไกล ดังนั้นจึงต้องออกเดินทางล่วงหน้า

ตลอดทางที่เดินทางไปเสี่ยวโต้วหยาพูดจอแจ สักพักก็ยก กำปั้นขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ต่อมาก็เล่นกับเสี่ยวหมี่โต้วอ ย่างมีความสุข

เพราะมีเด็กน้อยที่ร่าเริงมีความสุขเช่นนี้ บรรยากาศภายใน รถจึงเปลี่ยนไปทันที

จากนั้นก็มาถึงโรงแรมอย่างไม่รู้ตัว

ตอนที่หาน จื่อหยิบมือถือออกมากำลังจะส่งข้อความหาส เย็นหวั่น แต่กลับสังเกตเห็นว่ามีเงาที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่หน้าประตู

นั้นคือสวี่เย็นหวั่น

คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะลงมาก่อนเวลา

เมื่อเห็นหานมู่จื่อ สวี่เย็นหวั่นก็ยิ้มหวานให้ และเดินตรงมาหา หล่อน

“มู่จื่อ เธอมาแล้วเหรอ”

หานมู่จื่อมองหล่อนด้วยความประหลาดใจ “ฉันบอกว่า รอให้พวกเราถึงแล้วเธอค่อยลงมาไม่ใช่เหรอ? นี่ลงมาก่อน คงต้อง รอนานมากใช่ไหม?

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวี่เย็นหวั่นรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที พูดด้วย น้ำเสียงนอบน้อม: “ไม่นานค่ะ ฉันเพิ่งลงมา เธอก็มาถึงพอดี

อันที่จริงสวี่เย็นหวั่นมารอที่นี่กว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

ตั้งแต่ตอนที่หานมอบอกว่าได้เตรียมการให้พวกเขาได้เจอ กันเรียบร้อยแล้ว สวี่เย็นหวั่นก็รู้สึกตื่นเต้นมาก หล่อนไม่เจออดีต คนที่เคยสนิทมานานหลายปีมากแล้ว ตอนที่ยังเป็นเด็ก หล่อน โตมาพร้อมกับหานซิง คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาจะขาดการติดต่อกัน ไปเลย

ช่างน่ารู้สึกเสียดายเหลือเกิน

ดังนั้นสวีเย็นหวั่นจึงลงมารออยู่ตลอด เพราะเกรงว่าตัวเองจะ พลาดโอกาสที่จะได้เจอมิตรสหายเก่า

หาน จื่อก็คาดเดาว่าหล่อนมารออยู่ที่นี่นานแล้ว นานเท่าไหร่ นั้นหล่อนไม่สามารถแน่ใจได้ แต่น่าจะประมาณสิบนาทีขึ้นไป ดู จากสีหน้าและแววตาอันมุ่งมั่นลึกซึ้งของหล่อน เห็นได้ชัดว่า หล่อนเฝ้ารอการเจอกันครั้งนี้เป็นอย่างมาก

เมื่อคิดถึงตอนนี้ หาน จื่อเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา กำลัง คิดว่าจะโทรเรียกเสี่ยวเหยียนมาดีหรือไม่?

ไม่สิ

พวกเขาแค่เจอกัน อีกอย่างวันนั้นหล่อนพูดกับพนักงานต้อนรับว่า ทั้งสองเคยหมั้นกันตอนเป็นเด็ก นั่นก็เป็นแค่เรื่องตอน เด็กเฉยๆ ตอนนี้พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เรื่องตอนเด็ก จะเกี่ยวกับตอนนี้ได้อย่างไร?

ผู้ใหญ่ควรมีความคิดเป็นของตัวเอง

คิดได้เช่นนั้น หานมู่จื่อจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา จากนั้นโทรหา หานชิง หานซึ่งยังอยู่ระหว่างทาง ห่างจากที่นี่ประมาณสิบนาที จากนั้นหาน จื่อจึงพาสเย็นหวั่นไปนั่งที่ห้องวีไอพีที่จองไว้ก่อน แล้ว

ตอนที่สวีเย็นหวั่นเดินตามหลังหล่อน ก็เห็นผู้ใหญ่และเด็กตัว น้อยอยู่ด้านข้าง

ไม่สิ ในอ้อมอกของผู้ใหญ่อุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งไว้

เมื่อเห็นหล่อนจ้องมองจนเหม่อลอย หานมู่จื่อจึงยิ้มด้วยความ เคอะเขิน พูดอธิบาย: “พี่เย็นหวั่น แนะนำให้รู้จักกันหน่อยนะคะ นี่คือสามีและลูกๆของฉัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวี่เย็นหวั่นเบิกตาโตเป็นประกายขึ้นมาทันที ทำท่าทางตกใจตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็กลับมาทำตัวปกติ หล่อนยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้น: “ก็จริงนะ ผ่านมานานหลายปี ขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยที่ถูกอุ้มไว้ในอ้อมอกเหมือน ตอนนั้นแล้ว ควรจะแต่งงานมีลูกได้แล้ว”

ระหว่างที่หล่อนกำลังพูด สายตาก็เหลือบไปมองหาน อกับเย่ ไม่เซิน แววตายังแฝงไปด้วยความปลื้มใจอีกด้วย ราวกับ เป็นผู้ใหญ่มองดูลูกหลาน
หานมู่จื่อไม่รู้ตัวเองต้องรู้สึกยังไง เพราะดูเหมือนว่าหล่อนก็ มีอายุที่ไล่เลี่ยกับตัวเอง ห่างกันแค่ไม่กี่ปี แต่กลับใช้สายตาที่ เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูมองตัวเองเช่นนี้

ทําให้รู้สึกสับสนเหลือเกิน

ในขณะเดียวกันนั้นสวี่เย็นหวั่นถามบางอย่างขึ้นมาลอยๆ “เธอแต่งงานมีลูกแล้ว แล้วพี่ชายของเธอล่ะ? ผ่านไปนานหลาย ปีขนาดนี้แล้ว เขาก็คงมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์แบบแล้วใช่ไหม?”

หานคู่จื่อตกใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าหล่อนจะเป็นฝ่ายถาม

เรื่องนี้

แต่หาน จื่อก็ลองคิดดูดีๆอีกครั้ง จากชื่อเสียงอันโด่งดังของ หานซึ่งในเมืองนี้ ถ้าอยากรู้ว่าเขายังโสดหรือไม่ ก็ไม่ถือเป็น เรื่องยากอะไร แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับถามคำถามเช่นนี้ออกมา แสดงให้เห็นว่าหล่อนไม่ได้โง่

เพราะคำถามนี้ดูเผินๆ เหมือนเป็นการถามขึ้นมาลอยๆไม่ได้ ตั้งใจ แต่ในความเป็นจริงคือการสืบถาม ถ้าหาน จื่อไม่ได้ คิดมาก นี่ก็คงเป็นการถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป

น่าเสียดายที่การมีตัวตนอยู่ของเสี่ยวเหยียนทำให้หล่อนอด

ไม่ได้ที่จะคิดมาก

หล่อนยิ้มเล็กน้อย และตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ “พี่ชายฉันเหรอ? ตอนนี้เขามีความสุขมาก มีแฟนแล้วจะไม่มีความสุขได้ยังไงล่ะ?
ยังไงก็ตามสิ่งที่หล่อนพูดไปก็คือความจริง ไม่ว่าสวีเย็นหวั่น ได้ฟังแล้วจะคิดยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหล่อน เพราะหล่อนกับส เย็นหวั่นไม่ได้สนิทสนมกัน ดังนั้นหล่อนไม่อยากอธิบายอะไรให้ สวี่เย็นหวั่นฟังมากมาย

ผู้หญิงสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีเย่ไม่ เซินและเสี่ยวหมี่โต้วที่นั่งสบตามองกันอยู่ มองหน้ากันไปมา ต่างก็คิดอยู่ภายในใจว่า ผู้หญิงช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ไม่นานนักพวกเขาก็เข้าไปในห้องวีไอพีที่จองไว้ เพราะหานซึ่ง ใกล้มาถึงแล้ว หลังจากหานคู่จื่อนั่งลงจึงเรียกพนักงานให้เตรียม เสิร์ฟอาหาร

หานมู่จื่อวางแผนจะนั่งกับสวี่เย็นหวั่น แต่หล่อนเพิ่งจะนั่งลง เย่ โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วก็มานั่งประกบซ้ายขวาของหล่อนทันที ล้อมรอบตัวหล่อนไว้

หานผู่จื่อ: ”

สวี่เย็นหวั่นไม่ได้รู้สึกอะไร มองดูภาพตรงหน้าด้วยหน้าตายิ้ม แย้ม จากนั้นก็เลือกนั่งตรงที่นั่งฝั่งตรงข้าม

หล่อนเป็นคนมีไหวพริบดี ถึงแม้เย่ โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วไม่ นั่งข้างหานชิง สวีเย็นหวั่นก็ไม่มีทางที่จะไปนั่งข้างหล่อน ท่ามกลางครอบครัวทั้งสี่คนแน่นอน

หล่อนรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ทั้งยังพูดชมอีกด้วย

“ครอบครัวของพวกเธอน่ารักกันจังเลย”
หานอยิ้มและพยักหน้าลง และมองออกว่าสวี่เย็นหวั่นเป็น คนที่มีการศึกษาสูง แม้ว่าหล่อนรู้สึกว่าเสี่ยวเหยียนก็เป็นคนเก่ง มาก แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าเสี่ยวเหยียนเห็นผู้หญิงเช่นนี้ หล่อน คงขาดความมั่นใจในตัวเองไปทันที

ตอนนี้หานคู่จื่อได้แต่รู้สึกโชคดีภายในใจ เพราะสวีเย็นหวั่น มาปรากฏตัวสายไปแล้ว

ไม่ใช่สิ คนที่ฟ้าลิขิตมาแล้วจะปรากฏขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ที่สุด มาช้าหรือมาเร็วจะไปต่างอะไรกัน ระหว่างหล่อนกับเย่ไม่เซ็ นก็ห่างกันห้าปี เพราะทั้งสองต่างมีความรู้สึกรักและชอบเหมือน กัน ปล่อยวางความรักที่มีให้กันไม่ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะผ่านไป ห้าปี แต่ก็ไม่เคยมีใครมาแทรกแซงระหว่างกันได้เลย

ดังนั้น แม้ว่าสวีเย็นหวั่นจะมาก่อน ก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปได้ นิสัยของคนอย่างหานชิง แน่ใจแล้วก็คือแน่ใจ

ในที่สุดหลังจากคิดไตร่ตรองดีแล้ว หาน จื่อก็รู้สึกสบายใจขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ