เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1079 เธอหายใจไม่ถูก



บทที่1079 เธอหายใจไม่ถูก

วันที่ต่อมา

หานซึ่งเพิ่งจะตื่นนอน ก็ได้รับข้อความจากหานคู่จื่อ

เห็นเนื้อหาข้อความ หานซึ่งก็ได้ตะลึงไปแวบนึง จากนั้นก็ได้ ตอบไปด้วยความโล่งใจ

{เดินทางปลอดภัย มีเรื่องอะไรก็โทรหาพี่ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ไป ล้างหน้าแปรงฟันสวมเสื้อผ้ากินข้าว เช้าเข้าทำงานเหมือนเคย

ชีวิตของเขา ก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่เคย เปลี่ยนไปเลย ข้างกายแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีผู้หญิงอื่นเข้ามา วุ่นวายกับชีวิตของเขา

นอกจากช่วงหลายปีนั้นที่ได้ออกตามหาน้องสาวกลับมา หาน ชิงมักจะบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ได้ใช้เวลาพัก ผ่อนของตัวเองทั้งนั้น ในตอนที่จะต้องทำงานก็ไม่มีตกเลยสักนิด

ทางอีกด้านนึงนั้น หานคู่จื่อกับคนอื่นๆก็ได้เดินทางมาถึง ชานเมือง เพราะว่ารีบมากันตอนค่ำ คืนนั้นก็เลยพักโรงแรมกัน จากนั้นทุกคนก็ต่างพักผ่อนกัน พักผ่อนกันเสร็จก็ค่อยไปไหว้พระ ที่วัดภูเขาหลิงหยุน
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนนอนกันบนรถไปสองชั่วโมง แต่ เพราะว่าท่านอนไม่ถูกก็เลยปวดเอวปวดหลังกัน พอเจอที่นอนทั้ง สองคนก็ได้พร้อมใจกันนอนไปในทันที

วันต่อมาทุกคนก็นอนกันจนถึงประมาณสิบโมงก็ตื่นขึ้นมารวม ตัวกัน

ในตอนที่กินข้าวกัน เซียวซูก็ได้อธิบายให้กับทั้งสองคน

“ผมได้สอบถามมาแล้ว ได้ยินว่าภูเขาหลิงหยุนศักดิ์สิทธิ์มาก ดังนั้นแล้วคนทั่วประเทศแต่ละที่แต่ละถิ่นก็เลยมากราบไหว้กัน เยอะมาก และผมก็ได้ยินมาว่ายังมีคนที่ฝันเป็นจริงมาแก้บนกัน เยอะเลย”

เสี่ยวเหยียนฟังแล้วก็เชื่อเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา

“แก้บน? หมายถึงความปรารถนาเป็นจริงใช่มั้ย? ก็เลยกลับ มาเพื่อแก้บนเป็นเฉพาะ?”

เซียวซูพยักหน้า “เป็นอย่างนั้น

เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างออกมาอย่างประหลาดใจ “จริงหรอ? ฉันนึกว่า….ทุกคนขอเพื่อความสบายใจกันเท่านั้น”

เซียวซูยิ้มออกมาจางๆ ความจริงเรื่องแบบนี้ใครจะพูดเอาแน่ เอานอนได้? หลังจากที่ขอแล้วความปรารถนาจะเป็นจริง ไม่แน่ ว่าเป็นเพราะตัวเองอยากได้มากๆ ก็เลยพยายามมากขึ้น

ถึงยังไงบนโลกนี้ มันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆอยู่แล้ว
ขออะไรได้อย่างนั้น ก็ยากมากอยู่ดี

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ภายในใจของเสี่ยวเหยียนก็สั่น เหมือนตีกลองรัวขึ้นมา

ถ้าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ งั้นเธอ…ก็สามารถฝันเป็นจริงได้ใช่มั้ย? คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็รีบก้มหน้าลงกินข้าวทันที

“คุณนายน้อย เดี๋ยวพวกเรากินกันเสร็จแล้ว ก็เรียกรถจากที่ หน้าประตูไป ได้ข่าวว่าที่ภูเขาหลิงหยุนตรงนั้นเขาซ่อมถนนกัน ขับรถไปได้ถึงแค่ตรงสันเขา แต่ผมได้ยินคนที่ไปขอบางคนก็ บอกว่าถ้าเดินจากบันไดขั้นแรกของภูเขาหลิงหยุนไปจนถึงขั้น สุดท้าย สามารถแสดงความเชื่อมั่นศรัทธาออกมาได้ ความเป็น ไปได้ที่ความปรารถนาจะเป็นจริงก็จะมีมากขึ้น”

ไม่รอให้หาน จื่อพูดตอบออกไป เสี่ยวเหยียนก็รีบเงยหน้าขึ้น มาตอบทันที

“งั้นพวกเราก็เดินกันไปตั้งแต่ขั้นแรกกันเลย!!

เซียวซู “…”

เขาเหลือบตามองเธอ เอ่ยเตือนสติออกมา “คุณนายน้อยเป็น คนท้องนะครับ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนหน้าหงอยออกมา “จริงสิ ถ้า เริ่มเดินตั้งแต่บันไดขั้นแรก ร่างกายของมู่จื่อคงไม่ไหวเอาได้

“ขอโทษนะผู่จื่อ เมื่อกี้นี้ฉันคิดไม่ถึง
แต่อย่างไรก็ตามหาน จื่อเองก็ได้เอาคำพูดนั้นของเซียว มา เก็บไว้ในใจ เลิกสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง

ไหว้พระขอพรเรื่องนี้ ไม่ต้องสนก่อนว่าผลมันจะเป็นยังไง แต่ ตอนไหว้พระต้องตั้งจิตใจให้มั่นคงจริงๆ และไม่อาจมีความรู้สึก ของการไม่เคารพศรัทธาออกมาได้ คุณไม่เชื่อได้ แต่เรื่องการเข้า เมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนั้นมันเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจ

ก็เหมือนกับหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีระเบียบประเพณีเฉพาะของตัว เอง คุณเข้าหมู่บ้านไปก็ต้องรักษาธรรมเนียมของพวกเขา ถ้าคุณ ดึงดันที่จะทำลายประเพณีอันเก่าแก่หรือว่าไม่รักษาธรรมเนียม ของเขา ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้านจากพวกเขาได้ง่ายๆ

การไหว้พระขอพรความจริงแล้วก็เหมือนกับเรื่องนี้ ต่างก็ต้อง เคารพกันให้มาก ถ้ามาทำท่าทีที่ไม่รักษาธรรมเนียมปฏิบัติ เหยียดหยาม อย่างนั้นแล้วสู้ไม่มาไม่ดีกว่าหรอ เมื่อคิดถึงตรงนี้ แล้ว หานมอก็เอ่ยออกไป

“พวกเราเริ่มเดินตั้งแต่บันไดขั้นแรกกันเถอะ”

“มู่จื่อ?”

เสี่ยวเหยียนแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย “เมื่อกี้นี้เธอบอกว่า…

“อืม ตั้งใจมาขนาดนี้แล้ว งั้นก็แสดงความตั้งใจจริงกันเถอะ ขั้นบันไดพวกนั้นก็ไม่นับว่ายาวเท่าไหร่นัก เดินขึ้นไปก็ไม่อะไรอยู่ แล้ว”
“งั้นเอาแบบนี้นะ ตัวฉันไม่ได้อะไรอยู่แล้ว พวกเธอก็อย่ากังวล แทนฉันไปเลย มีปัญหาอะไรฉันจะบอกกับพวกเธอล่วงหน้าเอง

“เอาเถอะ งั้นถึงตอนนั้นแล้วถ้ารู้สึกไม่สบายขึ้นมาล่ะก็ ต้อง หยุดพักนะ”

“อืม”

ทั้งสามคนกินข้าวกันแล้ว ก็มุ่งหน้ากันไปภูเขาหลิงหยุน เมื่อถึงที่หมายก็ได้พบว่าคนที่มาจุดธูปเสี่ยงเซียมซีมีเยอะมาก จริงๆ ถึงขนาดที่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยทีเดียว

เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกมาเบาๆ “ชาวต่างชาติ พวกนั้นตอนเสี่ยงเซียมซีพูดเป็นภาษาอังกฤษกันหรือเปล่า? ถ้า ภาษาอังกฤษ เธอว่าท่านเทพของเราจะฟังรู้เรื่องหรอ?”

“เหอะ ภาษาจีนของเขาก็คงคล่องอยู่ล่ะมั้ง?

“ไปกันเถอะ”

หานจื่อไม่มีความคิดที่จะไปสนใจคนอื่นที่พักกันอยู่ ก็ได้เดิน ก้าวเข้าไปข้างหน้าก่อน

ภูเขาหลิงหยุนมองจากภายนอกแล้ว มีต้นไม้เขียวขจีล้อมรอบ มองจากด้านล่างแล้วก็มองเห็นภาพบนภูเขาได้ไม่ชัดเจนนักว่า เป็นยังไง ว่ากันว่าตอนสมัยโบราณภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่มีชื่อเสียง สูงชัน อยากขึ้นไปสักทีนึงก็ไม่ง่ายเลยทีเดียว พอไม่ ระวังก็จะก้าวตกเหวไปได้
ต่อมาในภายหลังก็เกิดขึ้นตามยุคสมัย ภูเขาหลิงหยุนมีขั้น บันไดหินมากมาย การก่อสร้างในสมัยนั้นใช้เวลานานมากกว่า จะเสร็จ ต่อจากนั้นบนภูเขาก็ได้สร้างวัดขึ้นมา เพราะว่าศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ก็เลยมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็มีคนต่างถิ่นเข้ามาสัก การะกันมากมาย

หลังจากนั้นอีกก็มีพ่อค้ารายย่อยมากมายเล็งเห็นโอกาสทาง ธุรกิจ ก็ได้มาเปิดร้านขายธูป ร้านเครื่องดื่มเพื่ออำนวยความ สะดวกให้กับผู้ที่มาแสวงบุญตรงบริเวณสันเขากัน

แรกเริ่มก็เป็นที่ที่หลายคนมาจุดธูปขอพรกัน ต่อจากนั้น ภูเขา หลิงหยุนก็ได้กลายเป็นจุดชมวิวอันเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง และก็ยังมี นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันอย่างคับคั่ง เป้าหมายของแต่ละ คนไม่เหมือนกัน ทางที่เดินก็เลยไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา อย่างเช่น ขั้นบันได ในการขึ้นเขาแรกเริ่มก็มีเพียงทางเดียว แต่พอเดินไปแล้ว ก็ได้แยกทางเดินเล็กๆไปอีกหลายทาง แต่ไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหน ก็ล้วนแล้วสามารถขึ้นไปถึง ยอดเขาได้ทั้งนั้น

หาน จื่อและคนอื่นๆก็ไม่ได้คิดให้เหนื่อยว่าจะเลือกไปทาง ไหน ก็เลยเดินไปตามยถากรรม

เพราะว่าทางเดินพวกนี้เพียงแค่เพื่อสะดวกต่อคนเดินทาง เพื่อ หลีกเลี่ยงไม่ให้เบียดกันแน่นไป ก็เลยแบ่งบันไดทางเดินออกมา อีกหลายทาง
ยิ่งเดินไปข้างหน้า คนระหว่างทางก็ยิ่งน้อยลง

ลมหายใจของหาน จื่อก็เพิ่งจะหอบขึ้นมาบ้างแล้ว ก็ได้ยิน เสี่ยวเหยียนเอ่ยออกมาอย่างกระหืดกระหอบ “ฉันออกกำลังกาย น้อยไปใช่มั้ยเนี่ย? ทำไมเพิ่งจะเดินมาได้สักพักนึงเอง ฉันก็รู้สึก ว่าฉันดูเหนื่อยมากเลยนะเนี่ย?”

เขียวมองเสี่ยวเหยียน พบว่าเธอหายใจหอบแรงมากจริงๆ ก็ เลยหยุดเพื่อสอนเธอ

“เธอหายใจไม่ถูก ต้องทําอย่างนี้… จากนั้นเซียวซูก็ได้สาธิตให้เสี่ยวเหยียนด้วยตัวเอง หาน จื่อ เองก็ได้ชะลอฝีเท้าลงเช่นเดียวกัน

ภายใต้การสอนของเซียวซู การหายใจของเสี่ยวเหยียน

คล่องขึ้นไม่น้อย แต่เธอก็ยังงุนงงอยู่บ้าง “ปกติไม่ใช่ฉันไม่เดิน

เท้าหรอกนะ แต่ก็ใช่ว่าจะลำบากถึงขนาดนี้เลยนะ

หาน จื่อมองไปรอบๆ จากนั้นก็พูดอธิบายออกไป

“ปกติเธอทางที่เธอเดินเป็นพื้นราบ ตอนนี้เธอเดินขึ้นบันไดที ละขั้นๆ ทุกก้าวต่างก็ต้องใช้แรงทั้งนั้น ตอนนี้เพิ่งจะเดินขึ้นมา เท่าไหร่เอง อย่างนี้แล้วเธอจะขึ้นเขาไปได้มั้ย?”

เธอพูดออกมาอย่างสงบนิ่ง เหมือนกับว่ามองไม่ออกเลยว่า เหนื่อยไม่มีผิด เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาทันที

“ไม่ยุติธรรมเลยนะมู่จื่อ เมื่อก่อนพวกเราก็อยู่ด้วยกันเป็น ประจำ ทำไมเธอถึงมีท่าทางเหมือนกับว่าไม่เหนื่อยเลยสักนิดล่ะ? ถ้าฉันขึ้นเขาไปไม่ได้ งั้นคนท้องอย่างเธอจะไม่ลำบากกว่า ฉันอีกหรอ?”

ได้ยินอย่างนั้น หานมอก็ยิ้มจางๆออกมา

เธอกับเสี่ยวเหยียนต่างกัน เสี่ยวเหยียนในตอนแรกนั้นเพราะ ว่ามีพลังเหลือล้น ก็เลยวิ่งเหยาะๆอยู่บ่อยครั้ง ไม่ก็ก้าวหลาย ก้าวให้เป็นแบบก้าวเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะหยุดรอพวกเธออยู่เป็น ครั้งคราว แต่ก็กินแรงเร็ว ฟื้นฟูได้ช้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ