เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 868 เกี่ยวอะไรกับฉัน



บทที่ 868 เกี่ยวอะไรกับฉัน

หลังจากวางสาย หานมู่จื่อนั่งอยู่บนเตียงสักพัก สุดท้ายก็นอนลง ไปและห่มผ้า

หล่อนพลิกตัวไปอีกด้าน มองออกไปดูวิวกลางคืนนอก

หน้าต่างท่ามกลางความเงียบสงัด

หล่อนไม่หวังให้เยโม่เห็นต้องขัดแย้งจนเกิดปากเสียงกับคุณ ตาเพราะหล่อน ดังนั้นเมื่อเห็นคุณลุงยืนขอร้องให้เขากลับไป อย่างจนปัญญาที่หน้าประตูตอนนั้น

หานคู่จื่อก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา

แต่ตอนนี้ หล่อนกลับรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนเร็วเกินไป ตวนเส อยากเจอเขา ทำไมใช้เหตุผลง่ายขนาดนี้?

เมื่อมาคิดดูดีๆ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป ที่บ้าน ฉือถ้าตวนเสว่คิดร้ายอะไรขึ้นมาก็คงหนีไม่พ้นสายตาของ ฉือจินแล้ว นอกเสียจาก… ฉือจีนก็ช่วยหล่อนด้วย

คิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อลุกขึ้นมานั่ง

รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างมาก แต่ดึกขนาดนี้แล้ว ถ้าจะออก ไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็คงก่อเรื่องวุ่นวายให้เย่ไม่เป็นอีก

หล่อนไม่ลืมคำพูดที่เย่ ไม่เซินพูดไว้ก่อนออกไป รอผมกลับมา

กังวลไป ก็ต้องเชื่อใจเขาถูกไหม?
เขาบอกให้รอเขากลับมา เขาก็ต้องกลับมา

หานมู่จื่อพูดปลอบใจตัวเองไม่หยุด จากนั้นทิ้งตัวลงนอนอีก ครั้ง เวลาเดินผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า หาน จื่อกลับไม่รู้สึกง่วง เลย กลับมีชีวิตมีชีวามากกว่าเดิม ในมือมือถือไว้แน่น

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ มือถือก็สั่นขึ้นมา

หาน จื่อเปิดอ่านดู เป็นข้อความที่ส่งมาจากเฉียวซื้อ “พี่สะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมถึงบ้านฉือแล้ว ตอนนี้กำลัง สังเกตการณ์ ถ้ามีอะไรผิดปกติผมจะรีบเข้าไปช่วยถือทันที!

หานมู่จื่อทำได้เพียงตอบขอบคุณเขากลับไป จากนั้นกำมือถือ ไว้ เฝ้ารอต่อไป

บ้านยฉือ

คนแก่กับคนหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากัน คนรับใช้ยกน้ำชาสองแก้ว มาเสิร์ฟ วางไว้ด้านหน้าของเม่โม่เป็นและฉือจิน

แต่ทั้งสองไม่มีท่าทีขยับไปไหน สายตาของฉือจีนจ้องมองไป ที่หลานชายตรงหน้า ความโกรธภายในแววตาปะทุออกมาอย่าง ชัดเจน

เย่โม่เซินเม้มปาก หยิบชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ “คุณตาดื่มชาให้ ใจเย็นลงหน่อยดีไหมครับ?”

“ใจเย็น? หึ นายคิดว่าความโกรธของฉันมันหายง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เมื่อพูดจบ ยูฉือจินหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม จากนั้นวางลงไป เต็มแรง เสียงกระทบระหว่างแก้วกับโต๊ะดังกังวานกึกก้อง เผชิญหน้ากับยูฉือจินเช่นนี้ เยโมเงินกลับรู้สึกผ่อนคลาย

สบายใจ เขาบูชาหน้าระรื่น

ฉือจินมองหลานชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่สบอารมณ์ ถูกท่าที่ไม่สนใจทำตัวตามสบายของเขาจุดไฟความโกรธขึ้นมา คุณปู่ยกไม้เท้าขึ้นมาจะตีลงไปบนตัวเขา เมื่อหยูโปที่ยืนอยู่ด้าน ข้างเห็นเช่นนั้น จึงรีบเข้าไปห้าม

“คุณปู่ อย่าโมโหเลยครับ อย่าใช้ความรุนแรง!!

“หยูโป นายปล่อยฉัน! ให้ฉันได้สั่งสอนไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่ ยอมเชื่อฟังดีๆ”

ฉือจินโมโหมาก เย่ ไม่เซ็นเงยหน้ามอง นัยน์ตาสีดำของเขา เผชิญหน้าสบตาแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของเขา จากนั้นยิ้มขึ้น

“คุณตาอยากหาทายาทสืบทอดมาเป็นหุ่นเชิดเหรอครับ?”

ได้ยินเช่นนั้น ฉือจินตกตะลึงไปทันที “นายหมายความว่ายัง ไงกัน?”

“หรือว่าไม่ใช่?” เย่ไม่เป็นหัวเราะเยาะ “ขนาดชีวิตของผมยัง มาบงการควบคุมแทน นั่นก็หมายความว่าอยากใช้ผมเป็นหุ่น เชิดไม่ใช่เหรอครับ คุณตา คุณคือคุณตาของผม ดังนั้นผมจึงเคารพคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมเป็นหุ่นเชิดให้นะ ครับ”

“แก ไอ้เด็กเวร! นายรู้บ้างรึเปล่าว่านายทําร้ายจิตใจของเสียว เสวีมากขนาดไหน นายรู้บ้างรึเปล่าว่าเมื่อครู่ที่หล่อนกลับมาส ภาพเป็นยังไง? หล่อนจริงใจกับนายมากขนาดนี้ นายไม่รู้สึก อะไรบ้างเลยเหรอ?” เฉือจินโกรธจนตาเบิกกว้าง ถอยล้มลงไป ด้านหลัง จากนั้นหยู โปจึงเข้ามาประคอง

คำพูดตำหนิลอยเข้าไปในหูของเย่ไม่เป็น กลับทำให้เขาข มาก: “ผมทําร้ายจิตใจหล่อน? ผมไม่เคยแสดงท่าที่ความรู้สึกต่อ หน้าหล่อน และถึงแม้ว่าหล่อนจะรู้สึกเสียใจ ได้รับผลกระทบทาง จิตใจอย่างมาก ยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของหล่อน เกี่ยวอะไรกับผม ด้วย?”

ยูฉือจิน: “….”

ตกตะลึงไปสักพักฉือจีนพูดตะคอกว่าเขา: “ดูสินายพูดบ้า อะไรออกมา นายไม่ได้ทำหรือให้ความหวังอะไรหล่อน หล่อนจะ หลงใหลนายขนาดนี้ได้ยังไง?

ไม่ต้องพูดถึงเย่โม่เซิน ขนาดหยูโปที่อยู่ด้านข้างยังฟังไม่เข้าหู เลย

เพราะการกระทำของคุณชายเงินทุกคนเห็นพ้องต้องกันดี เขา ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย ขนาดตอนที่เขาป่วยได้รับบาดเจ็บ ตวนมู่เสว่คอยมาดูแลเขาบ่อยๆ เขาแค่ให้เกียรติหล่อนตาม มารยาท แต่ไม่มีการส่งสายตาสื่อความหมายอื่นให้หล่อนเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะไปยั่วหรือให้ความหวังตวนเสาได้ อย่างไร?

หากคิดว่าเป็นการจีบจริงๆ นั่นก็คงพูดได้เพียงว่าเขาหล่อและ

มีเสน่ห์มากเกินไปจนทำให้สวนเสาหลงใหล

แต่ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานในตอนนี้ หยูโปก็ไม่กล้าพูด เรื่องพวกนี้ออกมา

“ถ้าคุณตาบอกว่าผมจีบหล่อน คุณตาเรียกหล่อนออกมาคุย เลยดีกว่าว่าผมจีบหล่อนยังไง

ยูฉือจิน: “ไอ้สารเลว! เพื่อผู้หญิงที่นายเพิ่งจะรู้จักไม่นาน นายกล้าเถียงคุณตาขนาดนี้เลยเหรอ?”

เมื่อค่าเขาจบ ดูเหมือนฉือจนเหนื่อยมาก ยื่นมือขึ้นมาจับ หน้าอกของตัวเอง บอกเป็นนัยให้หยูโปประคองเขาไปนั่งบน โซฟา พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

“เสี่ยวเสว่เป็นเด็กน่ารัก พูดรู้เรื่อง แม้ว่านายจะไม่ได้คิดอะไร ด้วย หล่อนก็ไม่ได้เกลียดนาย เมื่อครู่ยังบอกฉันว่า ขอเพียงแค่ ได้เจอนาย ไม่ต้องแต่งงานกันแล้วก็ได้ หล่อนจิตใจดีมีเมตตา ขนาดนี้ ถ้านายไม่ไปขอโทษหล่อน นายจะสบายใจได้งั้นเหรอ?”

ขอโทษ?

เย่ไม่เป็นหัวเราะ พึมพำน้ำเสียงเยาะเย้ยในลำคอ เขามีอะไร ต้องขอโทษ? แต่ในเมื่อวันนี้มาแล้ว เขาก็ต้องคุยกับหล่อนให้รู้เรื่องกันไปเลย

เมื่อคิดถึงตอนนี้ เย่ไม่เซ็นวางแก้วน้ำชา ในมือลง ลุกขึ้นยืน

ได้ งั้นผมจะไปคุยกับหล่อนให้รู้เรื่อง ถ้าหล่อนไม่มาพัวพัน อะไรกับผมแล้ว หวังว่าคุณตา…จะไม่บังคับผมอีก

เมื่อพูดจบ เย่โม่เป็นก็กลับหลังหัน มองคนรับใช้ด้วยสีหน้า

เย็นชา: “นําทางไปหน่อย

คนเสิร์ฟ ชาตกตะลึง จากนั้นพยักหน้าลงและพาเย่ไม่เชิ นขึ้นไปด้านบน

ขณะที่กำลังเดินไป คนใช้รู้สึกกลัวขึ้นมา เดินนำหน้าเขาด้วย ความไม่มั่นใจ ราวกับว่าคนที่เดินตามหลังหล่อนไม่ใช่คน แต่ เป็นเหมือนปีศาจดูดเลือด

กระทั่งเดินไปถึงหน้าประตู คนใช้หยุดเดิน “คะ…คุณชาย

เป็น…คุณตวนอยู่ด้านในค่ะ

เมื่อพูดจบ หล่อนก็เดินเข้าไปเคาะประตู: “คุณหนูตวน อาบ น้ำเสร็จแล้วยังคะ?”

เงียบไปครู่หนึ่ง ประตูก็ถูกเปิดออก ตวนเสวยืนตาแดงก่ำอยู่ ตรงนั้น

“พี่เซิน…” เมื่อเห็นเย่ไม่เป็น ตวนเสบู่สายตาเป็นประกาย ทันที อยากจะเดินเข้าไป แต่คิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงยืนอยู่ที่เดิม หล่อนเหลือบมองคนรับใช้ “เธอออกไปก่อน ฉันมีเรื่องต้องคุย กับพี่เซิน”
คนรับใช้จึงเดินออกไป

เย่ไม่เป็นไม่คิดอะไรมาก มองใบหน้าหล่อนด้วยสายตาเย็นชา

“คุณหนูตวนม” ริมฝีปากอันเรียวบางของเขาเผยอขึ้น น้ำเสียง เยือกเย็นเล็กน้อย “ตอนที่ผมป่วย คุณดูแลผม ผมรู้สึกซาบซึ้ง และขอบคุณมาก แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลใน การแต่งงาน อีกอย่าง ตอนนั้น ที่ผมป่วยอยู่ ดูเหมือนว่าผมไม่ได้ ขอร้องให้คุณมาดูแลใช่ไหม?”

พูดแบบนี้ ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่เป็นคำพูดที่ตรงมาก บ้านฉือมีคนรับใช้เยอะขนาดนั้น เป็นเพราะหล่อนสมัครใจ อยากมาดูแลเขาเอง เพื่อใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ