เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1056 เรื่องไม่ดีบินกระพือออกไป



บทที่1056 เรื่องไม่ดีบินกระพือออกไป

“เสี่ยวหมี่โต้ว….นี่เธอจะมาเกาะติดกับน้าเสี่ยวเหยียนเหรอ?”

เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ได้ไหมฮะ น้าเสียวเห ยียน?”

เขาได้คุยกับตาทวดของเขาทางด้านนั้นแล้วว่าเขาจะอยู่เป็น เพื่อนน้าเสี่ยวเหยียนสักช่วงหนึ่งก่อน พอถึงเวลาค่อยกลับไปอยู่ เป็นเพื่อน ตาทวด

ยูฉือจินไม่ได้กลับประเทศมาเป็นเวลานานมากแล้ว เนื่องจาก ช่วงนี้อยู่กับลูกสาวของเขา นั่นก็คือสั่งอาน

ไม่มีเหลนมาอยู่ด้วย แต่ก็ยังมีลูกสาว แม้ว่าลูกสาวของเขา

คนนี้จะมีท่าทางขึงขังและทำตัวไม่ดีกับเขาอยู่บ้าง แต่

สถานการณ์นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉือจีนมีความสุข

“ได้อยู่แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วอยากอยู่กับน้าเสี่ยวเหยียนที่นี่นาน เท่าไหร่ก็ได้”

จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ช่วยยกกระเป๋าสัมภาระให้เขาและพา เสี่ยวหมี่โต้วขึ้นไปข้างบน

เธอบังเอิญพบกับเพื่อนบ้านอย่างป้าจางที่ชอบทำตัววุ่นวาย เหมือนไม่มีอะไรทํา

“อัยหยา เสี่ยวเหยียน ลูกชายเพื่อนของเธอมาหาเธออีกแล้วเหรอเนี่ย?”

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าโดยอัตโนมัติและยิ้มตีมึน “ป้าจาง”

“สวัสดีครับ ป้าจาง”

ป้าจางกวาดสายมองไปทั่วใบหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วเหมือนตัว พังพอน ในที่สุดสายตาของเธอก็มองไปที่กระเป๋าสัมภาระใบเล็ก ใบนั้นที่อยู่ในมือเสี่ยวเหยียน

“นี่คือ?”

เสี่ยวเหยียนยิ้มเกร็งๆแล้วซ่อนกระเป๋าสัมภาระไว้ข้างหลังเธอ “ของเล็กๆน้อยๆน่ะค่ะ ป้าจาง ป้าหวังกำลังรอคุณอยู่ชั้นล่างแน่ะ ทำไมยังไม่รีบไปเต้นที่สวนส่วนกลางล่ะคะ?”

ป้าจางมองเธอด้วยสีหน้าไม่อยากจะบรรยาย เธอพึมพำไม่กี่ ประโยคแล้วเดินออกไป

ตอนที่เข้ามา เสี่ยวหมี่โต้วยังคงกังวลเล็กน้อย

“น้าเสี่ยวเหยียน ป้าจางคนนั้นจะพูดถึงน้าเสี่ยวเหยียนไม่ดี หรือเปล่า?”

“เธอจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับน้าได้?” เธอไม่สามารถพูดจาก ขาวกลายเป็นดำได้หรอก จะพูดเรื่องโกหกให้เป็นเรื่องจริงนั้น หรือ? นอกจากนี้เธอ โจวเสี่ยวเหยียนก็ไม่ใช่คนที่จะแคร์สายตา คนอื่นอยู่แล้ว ถ้าเธอเป็นคนแคร์เรื่องพวกนี้ เธอคงไม่มีทาง กลายมาเป็นเพื่อนสนิทหานคู่จื่อได้ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่อต้าน หานมู่จื่อหรอก
เสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่กับที่และแหย่นิ้วชี้สองนิ้วเข้าหากัน จากนั้น ก็พูดเบาๆว่า “น้าเสี่ยวเหยียน ถ้างั้น…ผมจะกลับไปดีหรือ เปล่า?”

เสี่ยวเหยียนได้ยินก็นิ่งไปสักพัก จากนั้นก็พูดว่า “เธอพูดอะไร เนี่ย? นี่เธอกำลังแคร์คำพูดของคนอื่นอย่างงั้นเหรอ? เธออยู่ที่นี่ แหละ คนอื่นจะพูดอะไรก็ปล่อยให้เขาพูดไป น้าเสี่ยวเหยียนของ เธอไม่สนใจอยู่แล้ว เธอจะสนใจไปทำไม?”

พอพูดเสร็จ เสี่ยวเหยียนก็ลากเขาเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็ หยิบเสื้อผ้าให้เขา

“เอาล่ะ รีบไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเสี่ยวหมี่โต้ วก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลกับน้าแล้วนะ รออยู่บ้านนี่แหละ ดูทีวี แล้วค่อยเข้านอนก็ได้”

เสี่ยวหมี่โต้วที่ถูกจัดแจงอย่างชัดเจน “.….” เขาไม่อยากดูทีวี แล้วก็ไม่อยากเข้านอนเร็วขนาดนั้น

สิ่งดีๆไม่ออกไป แต่สิ่งไม่ดีมักจะแพร่กระจายไปหลายพัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอิจฉาริษยาหรือเป็นเพราะเรื่องอื่นกัน

แน่

ข่าวลือที่เสี่ยวเหยียนพาเด็กคนหนึ่งกลับมาอยู่ที่บ้านได้บิน กระพือไปทั่วทั้งที่พักเก่าราวกับติดปีก
พ่อแม่ของเธอย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว และ ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน หลายคนจึงเป็นคนรู้จัก

แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับบางคน แต่ก็ยังต้องปั้นหน้า ยิ้ม พอเจอกันบนท้องถนนก็ส่งยิ้มเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย จากนั้นก็เริ่มคุยโม้โอ้อวดและเข้าสู่การเกทับกัน

หลังจากแสร้งยิ้มทักทายกันเสร็จแล้วก็กลับบ้าน

เนื่องจากรู้จักกันมานาน ทุกคนย่อมรู้ไปถึงว่าครอบครัวใครมี กี่คน มีลูกสาวกี่คน มีลูกชายกี่คน ลูกชายลูกสาวทำอะไรบ้างก็ดี บ้างก็เลว ล้วนถูกนำมาพูดถึง

ดีก็จับมือ เลวก็เหยียบซ้ำ

นี่แทบจะเป็นหัวข้อซุบซิบที่หลายคนสนทนากันในช่วงบ่าย ดังนั้น ใช้เวลาได้ไม่นานข่าวที่เกี่ยวเหยียนพาเด็กคนหนึ่งกลับ มาอยู่ที่บ้านจึงเหมือนติดปีกบินออกไปทั่ว พอข่าวโหมกลับมา อีกครั้ง เนื้อหาก็เปลี่ยนไปแล้ว

เสี่ยวเหยียนไปต่างประเทศห้าปีและผลสุดท้ายกลับถูกทอดทิ้ง ตอนนี้ล้มลุกคลุกคลานกลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับลูกติด

ตอนที่หลัวหุยเหม่ยนข่าวนี้มาเล่าให้เสี่ยวเหยียนฟัง การ แสดงออกของเสี่ยวเหยียนก็มีเพียงเครื่องหมายคำถามสีดำอยู่ บนหน้า

ถูกทิ้ง? พาลูกติดกลับมาคนหนึ่ง???
ถ้าคุณชายเยได้ยินข่าวนี้คาดว่าคงโมโหจนเป็นลมไปแล้ว โอ้ ไม่นะ คือจินได้ยินข่าวนี้ก็คงกระทืบเท้าด้วยความโมโห พอถึง ตอนนั้นทั้งเมืองเปยคงได้สั่นสะเทือน

เหลนสุดที่รักของตัวเองถูกเรียกว่าลูกติด

แม้แต่เสี่ยวเหยียนที่ได้ฟังก็อยากจะหัวเราะและอยากจะมีคน สักหน่อย

“เดิมทีป้าจางคิดอยากจะแนะนำคู่ให้แก แต่พอตอนนี้เธอเห็น แกมีลูกติดมาแบบนี้แล้ว เธอก็เลยไม่กล้าแนะนำให้เพราะกลัวว่า แกจะโดนปฏิเสธ ”

หลัวหุ้ยเหม่ยไม่รู้อารมณ์ของเสี่ยวเหยียน ในตอนนี้ เธอจึงพูด เติมเชื้อเพลิงอยู่ข้างๆ

“แม่! เสี่ยวหมี่โต้วไม่ใช่ลูกติด แม่รู้ไหม!”

หลัวหุยเหมียพยักหน้าไม่เห็นด้วย “แม่รู้ แม่รู้ แต่ทุกคนไม่รู้ไง ก็แกพาเด็กคนหนึ่งมาทิ้งไว้ที่บ้านแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่รู้ว่า รูปร่างหน้าตาของแกไม่สามารถคลอดเด็กที่หน้าดีแบบนี้ออกมา ได้ ถึงฉันจะเป็นแม่ของแก ฉันก็ยังแอบสงสัยว่าแกเป็นคนคลอด เด็กคนนี้เองหรือไม่”

เสี่ยวเหยียน “.…”

ให้ตายเถอะ เธออยากชนเต้าหู้สักก้อนให้ตายไปซะเลย

“แม่เชื่อแก แต่คนอื่นไม่เชื่อ แล้วอีกอย่างคนที่พูดพวกนั้นก็ไม่ ได้สนใจว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นลูกชายแกหรือไม่ พวกเธอไม่สนหรอกว่าความจริงคืออะไร พวกเธอสนใจแค่ว่าแกเป็นคนพาก ลับมาที่บ้าน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็เงียบไป

ใช่แล้ว คนพวกนั้นไม่สนอยู่แล้วว่าความจริงคืออะไร แม้เธอ จะบอกความจริงให้พวกเธอได้รับรู้ก็ตาม พวกเธอก็ไม่ยอมเชื่อ พวกเธอเลือกที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อ จากนั้นก็ปลอบใจ และรังแกกันเองว่านั่นคือลูกของเสี่ยวเหยียน จากนั้นก็เอาไป บอกคนอื่นว่าเสี่ยวเหยียนมีลูกติดกลับมา

พอคิดแล้วเสี่ยวเหยียนก็เหนื่อยใจ

เธอคิดเอาไว้แล้วว่าทุกคนคงเอาไปซุบซิบนินทา แต่ก็ไม่คิดว่า มันจะไร้สาระแบบนี้

“ตอนนี้แกจะทำยังไง? หรือจะให้เขาพักอยู่ที่นี่ต่อไป?”

“แม่ แม่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? เสี่ยวหมี่โต้วก็เป็น แค่เด็กคนหนึ่ง เขาไม่เข้าใจหรอก ถ้าหนูจะส่งเขากลับเพราะคำ พูดพวกนี้ เขาก็ต้องเสียใจมากไม่ใช่เหรอคะ?”

หลัวหุยเหมียตบปากตัวเองและพยักหน้าเห็นด้วย “แม่ก็คิด แบบนั้น ถึงอย่างไรความเป็นธรรมก็ขึ้นอยู่กับใจคน งั้นเราปล่อย มันไปตามน้ำ ปล่อยให้คนพวกนั้นพูดไร้สาระไปเถอะ”

“แม่คะ แม่ไม่แคร์เหรอ?”

“ฉันจะแคร์ทําไม? ถึงอย่างไรแกก็ไม่ได้รีบร้อนแต่งงานเสีย หน่อย ฉันจะไปเดือดร้อนอะไร? แล้วอีกอย่างตอนนี้ข่าวก็คงบินกระพือไปถึงสวรรค์ชั้นเก้าแล้วมั้ง ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ?

ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้ข่าวลือเหล่านั้นจะไม่น่าฟัง แต่คำ พูดพวกนี้ก็สามารถช่วยลดความวุ่นวายของเสี่ยวเหยียนไปได้ เยอะ

ถ้าทุกคนคิดว่าเสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกของเธอและคิดว่าเธอโจว เสี่ยวเหยียนพาลูกติดกลับมา ก็จะช่วยเธอขจัดคนที่มีความคิด อยากจะเกี่ยวดองกับเธอได้แล้ว แบบนี้เธอก็โล่งใจเช่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็ยักไหล่ “ก็ดี ให้พวกเธอพูดไป

เถอะ หนูไม่เป็นไรอยู่แล้ว”

“เอ๊ะ” หลัวหุยเหม่ยพูดขึ้นมาว่า “สองวันก่อนฉันยังคุยกับพ่อ แกถึงเรื่องนี้อยู่เลยว่าแกอาจจะไม่ได้แต่งงานออกไปตลอดชีวิต ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้จริงๆ

เสี่ยวเหยียน “ถึงอย่างไรหนูก็หาเงินเลี้ยงตัวเองได้ การ แต่งงานก็ไม่ใช่ทางเลือกจําเป็นสำหรับคนเราเสียหน่อย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ