เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 699 เริ่มรังเกียจผมแล้ว



บทที่ 699 เริ่มรังเกียจผมแล้ว

สองแม่ลูกซุกตัวดูแหวนเพชรกันอยู่ใต้ผ้าห่ม

“สวยมั้ย?”

ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้าขึ้นมานั้น ก็สบเข้ากับแววตา ของความคาดหวังและความมุ่งหวังของหาน จื่อเข้าพอดี ริม ฝีปากชมพูก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่ จริงใจ และได้ออกมาจากใจจริงๆ

เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับหม่ามีของเขามาหลายปี ถึงแม้ว่าหม่นี้จะ ยิ้มให้เขาเป็นประจำ แต่รอยยิ้มเมื่อตอนนั้นมันต่างไปจากตอนนี้

ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เข้าใจมากมายอะไรนักก็ตาม

ดังนั้นแล้วคำว่าไม่ชอบที่ติดอยู่ตรงปากก็ได้ถูกเสี่ยวหมี่โต้วก ลืนมันกลับไปอย่างนั้น จากนั้นเขาก็โวยวายออกมาอีกประโยค

บึง

“หม่ามี พอใจง่ายเกินไปแล้วนะ

พอใจง่ายไปมั้ย?

หานคู่จื่อกลับไม่คิดอย่างนั้น ขอเพียงแค่เย่ไม่เป็นใจ นั่นมัน

ก็เพียงพอแล้วล่ะ

“เด็กโง่ คนที่หม่ามีของลูกแต่งด้วยเขาเป็นคนนะ ไม่ใช่อย่าง

อื่นเสียหน่อย”
“แต่ เมื่อก่อนหม่ามีต้องเจอกับความเสียใจนะ

หาหมอนิ่งคิดอยู่นาน คิดว่าเด็กน้อยยังไม่ค่อยเข้าใจความ รู้สึกของผู้ใหญ่นัก ทำเพียงบีบจมูกเล็กของเขาเบาๆ “สรุปเลยก็ คือยังมีหลายเรื่องที่ตอนนี้หม่ามีพูดกับลูกยังไง ลูกก็ไม่อาจ เข้าใจมันได้ ลูกจำเอาไว้เพียงว่าหม่ามียินยอมพร้อมใจก็เพียง พอแล้ว”

“อ้อ งั้นก็เอาเถอะ หม่ามี…ถ้าหม่ามีต้องเจอกับความไม่เป็น ธรรม จะต้องบอกเสี่ยวหมี่โต้วนะครับ เสี่ยวหมี่โต้วจะจัดการคน ไม่ดีให้เอง!”

ในตอนที่เย่ ไม่เซ็นเตรียมที่จะเข้าไปในห้องนั้น ก็ได้ยินคำพูด นั้นเข้าพอดี ดังนั้นจึงทำให้ฝีเท้าเขาต้องหยุดชะงักลง จากนั้นก็ ถอยออกไปหยุดอยู่ที่ตรงมุมผนังที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องด้วย ความห่อเหี่ยวใจแบบสุดๆแทน

เด็กนั่นคิดต่อต้านเขา…

ความรู้สึกนี้มันช่างฝังลึกมากจริงๆ

หาน จื่อพักอยู่ที่วิลล่าไม่เจียงอยู่สองวัน ไม่ไปบริษัท ในแต่ละ วันถ้าไม่กินก็นอน ในตอนที่ส่งกระจกก็ได้พบว่าหน้าของตน เหมือนว่าจะกลมขึ้นมากเลยทีเดียว

เธอบีบจับเนื้อตรงส่วนเอวของเธอ ก็เริ่มรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา
ต้องลดน้ำหนักหรือเปล่า?

ในตอนที่กำลังคิดกลุ้มอยู่นั้น ก็มีสายของท่านซึ่งโทรเข้ามา

“พี่?” หานมอแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังกระวนกระวาย ใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในตอนที่ทานซึ่งเป็นฝ่ายโทรมาหาเธอเอง นั้น มักจะมีความรู้สึกว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

อันที่จริงเมื่อหลายวันก่อนเธอเพิ่งกลับบ้านไปขอทะเบียนบ้าน จากเขา แต่หานซึ่งไม่ให้เธอ

น้ำเสียงเรียบนิ่งของทานซึ่งดังออกมาจากโทรศัพท์

“หลายวันมานี้ น้องอยู่กับเย่โม่เซ็นตลอด?”

หาหมอพยายามที่จะแยกแยะอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นของหาน ซึ่งอย่างหนัก คิดอยู่สักพักแต่กลับพบว่าตนแยกไม่ออกว่าตกลง แล้วตอนนี้ทานซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันแน่…

จะว่าเขากำลังโกรธ แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าจิตใจของเขาสงบ

สุดๆเช่นกัน

แต่ถ้าจะบอกว่าเขาดูสงบนิ่งล่ะก็ มันก็ยังรู้สึกดูผิดปกติขึ้นมา

ตามหลักแล้วก็ไม่ควรจะสงบนิ่งและเฉยชาขนาดนี้นี่นา

หาน อยอมรับออกไปตามตรง

“น้องชอบมันขนาดนั้น? ห้าปีก็ยังลืมไม่ลง ขาดมันไม่ได้เลย? ”
หาหมอ

“” ฉัน..”

“คิดให้ดี แล้วค่อยตอบ ”

หานมู่จื่อสูดหายใจลึกๆ แม้แต่คิดก็ยังไม่ต้องคิด เอ่ยออกไป ทันที “พี่คะ ถ้าลืมได้ ก็คงลืมไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ฉันได้คบ กับเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่อธิบายอย่างอื่นได้ดีที่สุด ฉันคิดว่าฉัน คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากมายแล้วมั้งคะ

แม้จะมีโทรศัพท์เป็นตัวคั่นกลางเอาไว้ แต่หาน จื่อแทบจะ สามารถรับรู้ได้ความสนใจของหานซึ่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น ไป ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันจะทำให้พี่ชายของเธอต้องเสียใจ แต่…เรื่องพวกนี้มันกำลังจะพัฒนามากขึ้น จึงต้องรีบบอกออกไป โดยเร็ว

ถ้าให้ยืดเยื้อต่อไป ก็รังแต่จะทำให้ท่านซึ่งหมายจะเข้า ควบคุมความคิด เพราะคิดว่ายังสามารถพูดโน้มน้าวเธอได้อีก เพียงเท่านั้น

เป็นอย่างที่คิดเพราะหลังจากที่เธอพูดจบปลายสายก็ได้เงียบ ไปทันที

หานคู่จื่อเองก็ไม่ได้ร้อนใจอะไรขึ้นมา ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ได้ วางสายไป เธอก็จะอยู่รอด้วยจิตใจสงบ

ไม่รู้ว่าได้ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหานซิงก็ได้เอ่ยพูดออก มาเสียที น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกปลงไร้ซึ่งทางเลือก
“วางแผนจะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่?

หานผู่จื่อ “พี่??”

เธอคิดว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไป?

ทานชิงถามเธอว่าจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่? นี่หมายความว่า เขาเห็นด้วยแล้วใช่มั้ย?

“ทำไม?” หานซิงเอ่ยออกมา “ไม่มีงานแต่ง

“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ” หานมู่จื่อรีบปฏิเสธออกไปทันที “ฉันได้ยินเย่ไม่ เงินบอกว่าจะจัดงานแต่งงานในเดือนหน้า ฉันเพียงแค่…ค่อน ข้างจะตกใจนิดหน่อยค่ะ ที่พี่ต้องรับออกมาเร็วอย่างนี้

“ทำไงได้ล่ะ? น้องเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่นะ ถ้าน้องขาด เขาไม่ได้จริงๆ จะให้พี่ปล่อยให้น้องทนเหงาไปตลอดชีวิตหรือ ไง?” คำพูดนั้นของเย่ ไม่เป็นได้เตือนสติคนเป็นพี่ชายอย่างเขา ได้จริงๆ เขาอยู่คนเดียวมานานจนเคยชินไปแล้ว ดึงนั้นก็เลย สามารถอยู่อย่างเดียวดายไปได้อีกนาน

แต่น้องสาวของเขาไม่เหมือนกัน

เธอเคยลิ้มลองรสชาติของความรักมาก่อน ทั้งยังลืมคนคนนั้น ไม่ได้ ถ้าชีวิตนี้ให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว หรือให้เธอ แต่งงานกับคนที่เธอไม่ชอบนั้น นั่นจะไม่เป็นการทำให้เธอต้อง ทรมานใจแย่หรือไงกัน?

หากต้องทรมานใจไปตลอดชีวิต สู้…ให้เธอได้ลองเดิมพันกับ มันสักหน่อยยังดีเสียกว่า
ในครั้งนี้เย่ ไม่เขิน ได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างของตนมาเป็นเครื่อง รับประกัน เขาในฐานะที่เป็นพี่ชายผู้นี้นั้น…ก็ยินดีที่จะให้โอกาส เขาอีกสักครั้ง

จู่ๆพานมอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง ใจ แสบจมูกจนแทบจะร้องไห้ออกมา เธอไม่คิดเลยว่าท่านซึ่งจะ ตอบรับออกมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ถ้าจะว่ากันให้ชัดนั่นก็คือ ล้วนแต่จะเป็นเพราะความรักพะเน้าพะนอต่อเธอทั้งนั้น

“พี่คะ…ขอบคุณนะคะ” เธอกัดริมฝีปาก เก็บกลั้นความรู้สึก เศร้าที่ก่อขึ้นมาตรงกลางอก เอ่ยขอบคุณท่านซึ่งออกไปอย่าง ยากล่ามาก

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาจากปลายสาย ผสมปะปนเข้ากับน้ำเสียงของความสนใจ ส่วนน้ำเสียงการพูด เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู

“น้องน่ะ เป็นคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของ ตระกูลหานของเรา แต่งไปแล้วถ้าเกิดได้รับความไม่เป็นธรรมขึ้น มาเมื่อไหร่ ตระกูลหานจะคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังน้องเสมอ ไม่ ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ตาม เข้าใจมั้ย?”

“ค่ะ!” หานมู่จื่อพยักหน้าตอบรับไปอย่างหนักแน่น “ฉันทราบ แล้วค่ะพี่!”

“จะต้องเตรียมเข้าประชุมแล้ว วางสายก่อนนะ ถ้าเลือกฤกษ์ แต่งงานได้แล้วก็อย่าลืมบอกพี่ด้วย

หานมู่จื่อตอบตกลงออกไป หลังจากที่เอ่ยมาหานซึ่งจบกวางสายไป

เธอมองตัวเองในกระจก น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ อยู่ สุดท้ายเธอก็กลั้นมันเอาไว้ไม่ได้ แต่เพียงไม่นาน หานมอก็ได้ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาบน

ใบหน้าออกไป จากนั้นก็ยกยิ้มให้กับตัวเองในกระจก

พี่ชายของเธอ…ตกลงยอมให้เธอคบหากับเย่ไม่เป็นแล้ว

การได้รับคำอวยพรจากเขา นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรที่จะมี ความสุขที่สุดแล้ว!

หลังจากที่ท่านซึ่งตอบตกลงเรื่องงานแต่งงานของพวกเขาทั้ง สองคนแล้วนั้น หานมู่จื่อได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ถึงแม้ว่า หานซึ่งจะรับปากออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมมอบทะเบียนบ้าน ให้ บอกว่าให้เธอและเยโม่เซ็นแต่งงานกันให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยให้ทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสกันอีกที

หาน จื่อไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรก็ได้รับปาก ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องการจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ใช่เรื่องที่ จะต้องรีบร้อน

แต่เย่ไม่เซินก็เริ่มยุ่งเสียจนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย

เดิมทีก็แค่ไม่เจอกันเพียงสองสามวัน แต่ช่วงหลังๆมานั้นถึง ขนาดที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
หาน จื่อเกิดกลุ้มใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอนึกถึงเรื่องงาน แต่งงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่เป็นคนจัดเตรียมแล้วนั้น จึงต้อง เก็บกลั้นมันไปอีกครั้ง

สถานที่จัดงานแต่งงานได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าจะจัดที่ต่าง ประเทศ เย่ไม่เซ็นจึงมักจะต้องไปดูสถานที่จริงด้วยตัวเองอยู่ บ่อยๆ ดังนั้นจึงจําต้องนั่งเครื่องบินไป แต่เพื่อที่จะรีบกลับมาอยู่ เป็นเพื่อนมู่จื่อนั้นก็เลยต้องอดหลับอดนอนติดๆกันเป็นสิบๆ ชั่วโมงอยู่บ่อยๆ

ต่อจากนั้นมา หานมอก็พบว่ารอบๆ ดวงตาของเขานั้นบวม คล้ำขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เลยเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

“ถ้าคุณจัดการแบบนี้ต่อไป ฉันเกรงว่าเมื่อถึงวันงานคุณจะมา

เป็นเจ้าบ่าวไม่ไหวเอาได้นะคะ”

พูดจบ เธอก็จิ้มลงบนรอยคล้ำรอบดวงตาของเยโม่เซินเบาๆ อีกทั้งคางที่เริ่มมีหนวดเคราผุดออกมา “ดูสิว่าคุณอยู่ในสภาพ แบบไหนแล้ว…

เย่ไม่เป็นได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วออกไปเล็ก น้อย “ทำไม นี่ยังไม่ทันได้แต่งงานกัน ก็เริ่มรังเกียจผมขึ้นมาแล้ว หรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ