เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1327 ซับซ้อนขนาดนี้



บทที่ 1327 ซับซ้อนขนาดนี้

เดิมทีใจของสวีเย็นหวั่นก็ขมขื่นมากอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ไป จึงยิ่งทำให้รู้สึกทุกข์ใจมากขึ้น เพราะความหมายที่แฝงอยู่ในคำ พูดของหานชิงล้วนแล้วพูดถึงแต่เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง สองตระกูล ไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างทั้งสอง คนแม้แต่น้อย

เธอยังคิดเตาอีกว่า ที่เขามานั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นเพราะเธอแช่ส เมื่อคิดถึงตอนนี้ มุมปากของสวีเย็นหวั่นก็เผยรอยยิ้มอัน ขมขื่นออกมา

“ถ้าฉันไม่ใช่แซส ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนตระกูลสวี นายจะไม่ แม้แต่มองฉันเลยใช่ไหม?”

หานซึง: “.……….

“นี่ก็คือเหตุผลที่ฉันไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากนาย ตระกูล สวีก็คือตระกูลสวี่ แม้ว่าตระกูลสกับตระกูลหานจะมีความ สัมพันธ์อันดีต่อกัน นั่นก็เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากพ่อของฉัน ทำให้ตระกูลสวีและพวกนายตระกูลหานเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ซึ่งไม่ เกี่ยวอะไรกับฉัน ถ้าพูดแบบนี้ ฉันสามารถทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมา บ้างได้ไหม? ทำให้คุณเพิกเฉยไม่สนใจฉันได้ไหม?”

หานซึ่งมองเธอด้วยสายตาทอดถอนใจ คงคิดไม่ถึงว่าคำพูด พวกนี้จะออกมาจากปากของสวีเย็นหวั่น
นั่นสิ เธอเป็นถึงลูกสาวคนโตของตระกูลสวี มีการศึกษาและ มารยาทที่ดี พูดอะไรก็มีสัมมาคารวะ ไม่มีทางไม่คิดไตร่ตรองให้ ดีก่อน แต่วันนี้กลับมาพูดเหวี่ยงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสอง ตระกูลชัดเจนขนาดนี้

ผ่านไปสักพัก หานซึ่งจึงเริ่มพูดขึ้นใหม่ “ถ้าเธออยากพูดแบบ นี้ ก็ถือว่าเป็นการบังคับให้ฉันพูดเตือนเธอว่า ตอนเด็กๆ พวกเรา โตมาด้วยกันงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาของสวี่เย็นหวั่นแดงขึ้นมาทันที พูด ภายในใจว่า: “นายไม่รู้เหรอว่าเราโตมาด้วยกัน?”

“ตระกูลสวี่กับตระกูลหานมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด เธอกับฉันโตมาด้วยกัน เธอยังเด็กกว่าฉันด้วย ตอนนี้ไม่มีตระกูล สวี่แล้ว งั้นฉันก็เป็นพี่ชายของเธอ พี่ชาย!!”

แทนตัวเองแบบนี้ทำให้สวีเย็นหวั่นเจ็บปวดใจเหลือเกิน! เธอ รักเขามาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ แต่กลับได้มาแค่พี่ชาย? ใคร อยากเป็นน้องสาวของเขาล่ะ?

สวี่เย็นหวั่นรู้สึกว่าเขาไม่พูดเสียยังดีกว่า

เมื่อคิดถึงตอนนี้ สวี่เย็นหวั่นหลับตาลง: “โอเค นายไม่ต้องพูด แล้ว ฉันไม่ขอรับการช่วยเหลือจากนาย วันนี้คนที่ส่งฉันมาโรง พยาบาลก็คือแฟนของนายใช่ไหม? ฝากขอบคุณเธอให้ด้วยนะ ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอ ถ้ามีโอกาส ฉันจะชดใช้คืนแน่นอน”

เธอไม่อยากติดหนี้บุญคุณ ยิ่งไปกว่านั้นคนนี้ยังเป็นแฟนของ หาน งอีกด้วย
เมื่อพูดถึงเสี่ยวเหยียนขึ้นมา สีหน้าของหานซิงก็อ่อนโยนขึ้น มาทันที กระแอมเล็กน้อย: “ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ค่อยคงที่ เท่าไหร่ ช่วงนี้ยังไม่ต้องไปที่บริษัท ผมจะบอกทางแผนกให้คุณ ลาหยุดแบบจ่ายเงินให้

สวีเย็นหวั่นเงยหน้าขึ้น ปฏิเสธเขาทันที “ไม่ ฉันไม่ต้องการ อะไรพวกนี้ ฉันทำงานได้

หยุดแบบได้เงินเดือน? เธอไม่อยากได้หรอก! “หานชิง ฉันไม่ต้องการความสงสารเหล่านี้ นายเข้าใจไหม?”

“นี่ไม่ใช่ความสงสาร

หานชิงลุกขึ้นยืน ร่างอันสูงใหญ่เหยียดตัวตรงขึ้น น้ำเสียงเย็น ชาเนิบนิ่ง: “ตอนนี้เธอเป็นพนักงานของบริษัทตระกูลหาน เป็น เพราะเธอทํางานหนักจนเป็นลมไปแบบนี้ บริษัทมีอำนาจที่ สามารถรับผิดชอบแทนเธอทั้งหมด บริษัทตระกูลหานมีความรับ ผิดชอบต่อหน้าที่”

สวีเย็นหวั่น:

ก็อกๆ

ขณะนั้นมีคนมาเคาะประตูพอดี

“ประธานหาน”

คือซูจิ๋ว เมื่อเธอได้รับสายจากหานชิงจึงรีบตามมาทันที

“เลขาซู หน้าที่ของคุณในช่วงสองสามวันนี้คือจับตาดูเธอไว้ดูแลเธอ อย่าให้หนีไปไหน” หานซึ่งพูดสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซูจิ๋วรับคำสั่งเสร็จก็เลิกคิ้วขึ้น ตอบกลับ: “รับทราบค่ะประธาน หาน ฉันจะดูแลคุณสให้ดีค่ะ

เมื่อพูดจบ ซูจิ๋วก็หันไปมองสวี่เย็นหวั่น เผยอปากขึ้นเล็กน้อย “สวัสดีค่ะคุณสวี ฉันชื่อซูจิ๋วเป็นเลขาของประธานหานค่ะ”

สวี่เย็นหวั่น: ”

นี่เขาส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเอง?

แล้วเขาล่ะ?

หลังจากที่หานชิงกำชับสั่งเรียบร้อย ก็ออกไป ซูจิ๋วช่วยปิด ประตูให้ และเหลือบมองดูสีหน้าท่าทางของสวีเย็นหวั่น หลัง จากกลอกตามองไปมาก็พูดขึ้น: “คุณสวี่ต้องการดื่มน้ำไหมคะ?”

“ไม่เป็นไร” สวี่เย็นหวั่นปฏิเสธเธอ จากนั้นถามขึ้น “ประธาน หานของพวกเธอล่ะ?”

ในที่สุดก็ถามขึ้นมา ซูจิ๋วคิด และยิ้มตอบกลับ: “แฟนของ ประธานหานรออยู่ด้านนอก เขาคงไปส่งแฟนกลับบ้านค่ะ”

ไปส่งแฟนกลับบ้าน สวีเย็นหวั่นหรี่สายตาลงด้วยความประหลาดใจ

ที่แท้เมื่อครู่เขาไม่ได้ไล่ให้แฟนของเขากลับไป เพียงแค่ให้เธอ รออยู่ข้างนอก ตอนนี้เขาไปส่งเธอกลับบ้านแล้ว จากนั้นก็ส่ง เลขามาเฝ้าตัวเองแทน
ระหว่างคนสองคน ปฏิบัติต่างกันเช่นนี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าผล สุดท้ายเป็นเช่นไร

แต่เธอกลับยังตกอยู่ในภวังค์ที่ไม่เป็นความจริง

สวี่เย็นหวั่นหลับตาลง เจ็บปวดใจเหลือเกิน เธอโง่มาก… โง่มากจริงๆ เขามีแฟนอยู่แล้ว เธอยังคิดถึงเรื่อง ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นอีก

ในห้องคนไข้เงียบสงบลง ไม่มีใครพูดอะไรอีก

เสี่ยวเหยียนรออยู่ด้านนอกสักพัก หานซึ่งก็ออกมา

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก เสี่ยวเหยียนจึงถามขึ้น ด้วยความสงสัย: เพื่อนของคุณโอเคดีไหม?”

หานซิงเห็นเสี่ยวเหยียน ใส่เสื้อมาแค่ชั้นเดียว จึงปลดกระดุม

เสื้อสูทของตัวเองออก จากนั้นถอดและคลุมทับ ให้เสี่ยวเหยียน

“ใส่ชุดมาแค่นี้? ไม่หนาวเหรอ?”

เมื่อชุดคลุมถูกสวมลงบนตัว ไออุ่นก็ปกคลุมไปทั้งตัวของเสียว เหยียน เสี่ยวเหยียนตกใจตะลึงเล็กน้อย จากนั้นพูดขึ้น: “ไม่ หนาวค่ะ ฉันวิ่งมาตลอดทางเลย ร้อนมากเลยเนี่ย”

อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะโอ้อวดความดี เพียงแค่อยากพูด อธิบายว่าตัวเองไม่หนาว จึงรีบพูดออกมา หลังจากที่พูดจบ เสี่ยวเหยียนจึงเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองพูดอะไรไป จึงรีบพูด อธิบาย: “ฉันไม่ได้เจตนาจะพูดโอ้อวดนะ ฉันเพียงแค่อยากบอก…

เจ้าเด็กโง่ แล้ว คุณอยากพูดอะไรได้

จ้า” ของเสี่ยวเหยียนพองโตด้วยเธอค่อยซบลงบนไหล่ของหานชิง จากนั้นจับมือเขา ไป ด้านหน้าพร้อมกัน

“ผู้หญิงคน….รู้จักเธอได้ยังไงล่ะสุดท้ายความ

แม้พยายามอดทนไว้แล้ว แต่ยังเก็บความสงสัยไว้อยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้หญิง อย่างตอนที่เห็นเธอ เป็นลม เหมือนหน้าของหานยังร้อนใจมาก

ถือเป็นครั้งเห็นหานเป็นแบบนี้

เธอคิดเขาคนเย็นชามาโดยตลอด คิดไม่ถึงจะโอกาสได้เห็นภาพนี้ นั้นหานซึ่งพยาบาล และไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้

ระหว่างเสี่ยวเหยียนเพิ่งเธอชื่อสวี่เย็นหวั่น

แต่เธอไม่รู้จักคนและไม่สามารถคาดเดาว่า ทั้งสองได้ความสัมพันธ์กันแบบ เจ้านายลูกน้องธรรมดาทั่วไป

ดังนั้นตอนนี้จึงถามเขาไปแบบนั้น
แต่หานซิงคงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มให้ “ทำไมล่ะ ซึ่ง เหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนหน้าแดงขึ้นมาทันที “ฉันจึง ที่ไหนกันล่ะ แค่ถามว่าเธอเป็นใครเท่านั้น…

“ไม่ งจริงเหรอ?”

“ไม่หึงจริงๆ…

“เมื่อก่อนตระกูลสวกับตระกูลหานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มาก เพียงแต่ไม่นานมานี้ เธอเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ จาก นั้นผมจึงรู้ว่า ตระกูลสวี่กำลังตกอยู่ในความลำบาก พ่อแม่ของ เธอเสียชีวิตหมดแล้ว แต่เธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากผม

เมื่อพูดถึงเรื่องที่พ่อแม่ของเธอจากไปหมดแล้ว เสี่ยวเหยียน ตกใจตะลึงขึ้นมาทันที “ไม่ ไม่ใช่รึเปล่า…

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? เรื่องราวของอีกฝ่ายทำไมถึงซับซ้อน ขนาดนี้นะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ