เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่7 ดูเหมือนว่าเธอจะท้องแล้ว



บทที่7 ดูเหมือนว่าเธอจะท้องแล้ว

ณ โรงพยาบาล

เสิ่นเฉียว ไปกดรับบัตรคิวเพื่อต่อคิวพบหมอ เมื่อถึงคิวตรวจไข้ของเธอ เธอก็เล่าอาการป่วย ของเธอให้กับหมอทั้งหมด สายตาที่หมอจ้อง มองเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป

“ช่วงนี้คุณรู้สึกง่วงนอนมั้ย?”

เสิ่นเฉียวพยักหน้า

“ตอนเช้าเมื่อแปรงฟันรู้สึกคลื่นไส้อยาก อาเจียนมั้ย?”

เสิ่นเฉียว พยักหน้าอีก

“บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองปัสสาวะบ่อยรึเปล่า?”

เมื่อเสิ่นเฉียว โดนถามคำถามนี้เธอก็อึ้งเล็ก น้อย เธอนั่งนึกไปสักพักจึงพยักหน้าอีกครั้ง

“ว่าแต่ อันนี้มันเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของ ฉันยังไงหรอคะคุณหมอ?”

หมอจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เอือมระอา แล้วพูด “ประจำเดือนไม่ได้มานานเท่าไหร่แล้ว”

เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวก็เริ่มทำท่านับ “น่าจะ ประมาณหนึ่งเดือนแล้วค่ะ…”
เมื่อเธอพูดจบ ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไร ออก สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนไป

หมอยิ้ม “ช่วงนี้มีเพศสัมพันธ์รึเปล่า? สังเกต ตัวเองให้เยอะๆ หมอยังไม่ให้ยานะ ไปกดบัตรคิว ใหม่เพื่อตรวจดูสักหน่อยเถอะ”

เสิ่นเฉียวเดินออกมาจากโรงพยาบาลเหมือน คนที่จิตวิญญาณล่องลอย

เธอไม่กล้าที่จะไปกดบัตรคิวใหม่ แต่เธอไป

ซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยาแทน หลังจากที่

เธอกลับมาถึงตระกูลเย่ เธอก็ขังตัวเองอยู่ใน

ห้องน้ำ

เธอรอผลอย่างกังวลใจ เมื่อเสิ่นเฉียว เห็นที่ ตรวจครรภ์ขึ้นมาเป็นสองขีด สีหน้าของเธอที่ เดิมที่ดูย่ำแย่เพราะเธอนั้นไม่สบาย แต่ในตอนนี้ สีหน้าของเธอกลับย่ำแย่ลงไปอีก

เธอก้มหน้าลงไปมองดูท้องน้อยที่แบนราบ ของเธอ เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เหตุการณ์ในตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างปุบปับ เธอไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมา ก่อน เธอกลัวมากจนรีบหนีกลับบ้านไป พอหลัง จากกลับมาถึงบ้านมาก็โดนบังคับให้แต่งงานใหม่ อีก เธอเสียใจมากจนลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วลืมกิน ยาคุมฉุกเฉินป้องกันเอาไว้อีกด้วย
ตอนนี้ ในท้องของเธอมีชีวิตน้อยๆอยู่หนึ่ง

ชีวิต

ไม่นะ!

เสิ่นเฉียว เอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ เธอยัง คงรู้สึกอึ้งและไม่อยากจะเชื่อ

ไม่ได้นะ เธอจะคิดไปเองไม่ได้

ไม่แน่ว่าที่ตรวจครรภ์อันนี้ผลอาจจะไม่ตรง เธอควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ชัดเจน

เมื่อนึกถึงจุดนี้แล้ว เธอก็เก็บที่ตรวจครรภ์ แล้วโยนทิ้งลงไปในถังขยะ เธอลุกขึ้นมายืนแล้ว เดินออกจากห้องน้ำ

อาจจะเป็นเพราะเธอนั้นตั้งท้อง ดังนั้นเสิ่น เฉียว รู้จักรู้สึกผิดและกังวลใจเป็นอย่างมาก หลัง จากที่เดินออกมาเธอก็มองออกไปรอบๆทิศอย่าง ระแวดระวัง กลัวว่าอยู่ๆเย่โม่เซิน จะปรากฏตัวอยู่ ต่อหน้าเธอ

โชคดีที่ทั้งวันเย่โม่เซินยังไม่ได้กลับมา

เมื่อตกดึก เสิ่นเฉียวเริ่มระมัดระวังตัวเอง เธอ รีบอาบน้ำแล้วลากกระเป๋าสัมภาระมาอยู่หน้า ประตู คราวนี้เธอเอาเก้าอี้เล็กๆมาด้วย

เมื่อเยโม่เซินกลับมาถึงบ้าน เขาก็มองเห็น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าประตูกำลังนอนหลับอย่างสะลึมสะลือ

ช่วยไม่ได้

เป็นเพราะว่าหมอยังไม่ได้สั่งยาแก้หวัดให้กับ เธอ อีกทั้งเธอรู้สึกกังวลว่าเธออาจจะท้องจริงๆ ดังนั้นตลอดทั้งวันเธอดื่มแค่น้ำร้อนอย่างเดียว

ร่างกายของเธอเริ่มไม่สบาย แต่ก็ไม่ได้กิน ยาอะไร ไม่ได้นอนพักผ่อนดีดี ทำให้อากาศหวัด ของเธอหนักขึ้นไปอีก

เยโม่เซินจ้องมองไปที่ร่างเล็กๆร่างนั้น เธออยู่ตรงนี้ทั้งวันอย่างนั้นหรอ?

เขารู้ได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้ทั้งวัน เธอ เปลี่ยนชุดเสื้อผ้าแล้ว อีกทั้งอาบน้ำทำความ สะอาดตัวเองเรียบร้อย ดูก็รู้ว่าเธออาศัยจังหวะที่ เขาไม่อยู่บ้านแอบเข้าไปนอนพักผ่อนในห้อง จากนั้นก่อนที่เขาจะกลับมารีบย้ายตัวเองมาที่ หน้าประตู

ที่ถือว่าเธอยังรู้จักประเมินตัวเองเป็น

“คุณชายเย? ” เซียวซู่หันมาเรียกเขา “จะให้

ผม..”

“ปล่อยเธอไป”

“อืม”
เซียวซู่ทำได้เพียงเข็น เย่โม่เซินเข้าไปใน ห้อง เสียงประตูดังขึ้นมา ทำให้เสิ่นเฉียวสะดุ้ง ตกใจจนตื่นขึ้นมา

ปวดหัวไปหมด

ง่วงนอนจังเลย..

เสิ่นเฉียว เอามือขึ้นมาบิดตรงบริเวณคิ้วของ เธอ จากนั้นลุกขึ้นมาเดินลงบันได

เธอเดินไปที่ห้องครัวเทน้ำร้อนแล้วดื่ม ดื่มไป ได้เล็กน้อยเธอก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้ง เธอ ตกใจรีบวางแก้วลงแล้วเดินออกจากห้องครัว

“ปู่เชื่อในความสามารถของหลาน ดังนั้นเรื่อง นี้ให้หลานไปจัดการ ปู่เชื่อใจหลานนะ”

“ได้ครับ คุณปู่”

หลังจากที่เสิ่นเฉียว เดินออกมาจากห้องครัว แล้ว เธอก็พบเจอกับนายท่านเย่และเย่หลิ่นหาน กำลังพูดคุยกันอยู่

ทั้งสองหันมามองเธอ แววตาของนายท่านเย่ แลดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “เสิ่นโย่ว?

เสิ่นเฉียว สะดุ้งตกใจแล้วยืนตัวตรง พยัก หน้าตอบด้วยความตกใจ

“เธอไม่อยู่ในห้องดูแลโม่เซิน เธอวิ่งลงมาชั้น ล่างมาทำอะไรอย่างนั้นหรอ?”
“เออ…” เสิ่นเฉียวกำลังเปิดปากพูดยัง ไม่ทันได้ตอบเย่หลิ่นหานก็พูดแทนเธอ “พูดถึง เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ผมได้ยินจากคนรับใช้เล่าว่า เมื่อวานน้องสะใภ้โดนไล่ให้ไปนอนอยู่ตรงหน้า ประตู สีหน้าดูแย่ลงขนาดนี้ โดนทำร้ายอะไรรี เปล่า?”

“อะไรนะ?” สีหน้าของนายท่านเย่เปลี่ยนไป ทันที “นอนอยู่หน้าประตูนี่มันเกิดเรื่องอะไร ขึ้น?”

สมองของเสิ่นเฉียวว่างเปล่าทันที เธอกัดริม ฝีปากล่างแน่น

จบกัน

ทำไมเย่หลิ่นหานถึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับ นายท่านเย? ถ้าหากว่าเย่โม่เซินโดนนายท่านเย่ สั่งสอนขึ้นมา เขาจะโกรธแค้นเธอแล้วเอาความ จริงเรื่องตัวตนของเธอมาเปิดเผยรึเปล่า?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวรีบอธิบายแก้ตัว แทนเขา “นายท่าน หนูไม่เป็นไรจริงๆค่ะ เมื่อวาน หนูแค่เหนื่อยมากไปหน่อย ดังนั้นหนูเลยเป็นลม ล้มหมดสติอยู่ที่หน้าประตู ไม่มีใครเข้ามาเห็น ต่อ มาหนูฟื้นขึ้นมาก็เดินเข้าไปในห้องเองค่ะ”

ถึงแม้ว่าดวงตาของ นายท่านเย่จะขุ่นมัว แต่ ก็ดูดุร้ายน่าเกรงขาม ราวกับว่าสามารถมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

นายท่านเยถอนหายใจออกมาแล้วพูด “เด็ก น้อย หนูไม่ต้องพูดปกป้องเขาหรอก นิสัยของโม่ เซินเป็นยังไง ปู่คนนี้รู้จักเขาดี การที่ให้หนูมา แต่งงานแล้วเข้ามาอยู่กับเขา มันก็ทำให้หนูต้อง เจอเรื่องลำบากใจไม่น้อย”

เสิ่นเฉียวฟังปู่พูดจนจบ เธอรู้สึกประหลาดใจ จนเงยหน้าขึ้นมา

เธอนึกว่านายท่านเย่จะเป็นคนเข้มงวด ไม่ เข้าใจความรู้สึกของใคร แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่า เขาจะคิดเพื่อถึงความรู้สึกของเธอด้วย?

“ไปกันเถอะ ปู่จะพาหนูไปเจอกับโม่เซิน”

เมื่อพูดจบ นายท่านเย่เดินพยุงไม้เท้าขึ้นไป ชั้นบน สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที เธอรีบ พุ่งตัวไปขวางทาง “นายท่าน อย่าเลยค่ะ!”

นายท่านเย่หยุดฝีเท้าตัวเอง “อย่า? เธอ อยากจะนอนนอกห้องให้พวกคนรับใช้นินทาเล่น

ไปตลอดอย่างงั้นหรอ?”

เย่หลิ่นหาน เดินมาข้างหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว ครับ ไม่ใช่เพียงแค่โดนคนรับใช้เอาไปพูดเล่า เป็นเรื่องตลกอย่างเดียว คุณจะนอนอยู่หน้า ประตูไปตลอดไม่ได้ ร่างกายของคุณจะทนไม่ ไหวนะครับ”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแล้วส่ายหัว “หนูไม่ เป็นไรจริงๆค่ะ เมื่อคืนหนูแค่เป็นลมล้มไปโดย ไม่รู้สึกตัว คืนนี้หนูจะเข้าไปนอนค่ะ คุณปู่ไม่ต้อง กังวลความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนนะคะ หนู แต่งเข้ามาบ้านนี้แล้ว หนูจะดูแลเขาให้ดีที่สุดค่ะ”

เมื่อฟังจบ นายท่านเย่เงียบไปสักพัก เขาไม่

พูดอะไรสักคำแล้วหมุนตัวเดินออกไป หลังจากที่คุณปู่เดินออกไปแล้ว เย่หลิ่นหาน จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เอือมระอา

“น้องสะใภ้ครับ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย

ล่ะ?”

เสิ่นเฉียว เหลือบตาไปมองเขา “ฉันไม่เป็นไร

จริงๆค่ะ”

ะ เมื่อพูดจบ เธอก็รีบเดินขึ้นชั้นบน

ถึงแม้ว่า เย่โม่เซินจะมีปัญหาที่ขา แต่หน้าตา ของเขาหล่อเหลาและดูสง่า อีกทั้งเป็นคนทำงาน เก่ง มีความสามารถ ดังนั้นถึงเขาจะนั่งอยู่บนรถ เข็น แต่ก็ทำให้ผู้คนต่างก็ต้องยอมรับในตัวเขา

แต่ทว่าข้างกายเขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมา พัวพันด้วย การแต่งงานครั้งนี้คืองานแต่งที่นาย ท่านเย่เป็นคนกำหนดจัดการขึ้นมาแล้วบังคับให้ เขาแต่งงาน เขาไม่แม้แต่จะปรากฏตัวออกมา ดัง นั้นเรื่องนี้ต่างก็เป็นเรื่องที่เหล่าคนรับใช้ของตระกูลเย่นั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ พวกเขารู้ว่าคุณนายน้อย สองที่พึ่งแต่งเข้าบ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีใครให้ความ สนใจ และแน่นอนเธอก็ไม่อาจจะเลี่ยงการตก เป็นขี้ปากของเหล่าคนรับใช้ได้

เมื่อเสิ่นเฉียวเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เธอก็ เจอกับคนรับใช้หลายคนเดินเฉียดไหล่ผ่านตัว เธอไป

หนึ่งในคนรับใช้ตั้งใจแกล้งชนไหล่ของเธอ ทำให้เธอกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว โชคดีที่ เธอจับราวบันไดเอาไว้ทำให้เธอไม่ร่วงลงไป

“เธอ…”

“ฉันขอโทษด้วยนะคุณนายน้อยสอง เมื่อ ตะกี้ฉันมองไม่เห็นคุณ มองไกลๆนึกว่าเป็นคนใช้ คนอื่น ขอโทษจริงๆนะ ต้องการให้ฉันช่วย ประคองมั้ยคะ?”

ถึงแม้เธอจะพูดเช่นนี้ แต่ท่าทีที่เธอพูดกลับดู หยิ่งผยองและไม่มีท่าทีจะเดินเข้ามาช่วย ประคองเธอแม้แต่น้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ