เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1191เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน



บทที่1191เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน

น่าเวทนาที่ประธานใหญ่เย่ของพวกเราไม่เคยจัดการเรื่องแบบนี้ มาก่อน ก็เลยยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที่เนิ่นนาน จนตอนที่เสี่ยว โต้วหยาส่งเสียงร้องไห้ออกมาถึงได้ดึงให้สติที่ล่องลอยไปไกล สุดปลายเมฆของเขากลับมา

เขาวางเสียวโต้วหยาลงบนเบาะนุ่มที่อยู่ด้านข้าง แล้วกล่อม เธอเบาๆไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรต่อไม่ถูก

หานคู่จื่อหมกตัวอยู่ในผ้าห่ม ไม่รู้ว่าควรจะช่วยดีหรือไม่ แต่ พอครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจไม่ช่วย ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น ให้เขาลองทำด้วยตัวเองต่อไปจะได้ดูแลลูกสาวของตัวเองได้

ดังนั้นหาน จื่อก็เลยหลบอยู่ในผ้าห่มแล้วทำเป็นแกล้งตาย ส่วนเย่ โม่เซินก็วิ่งวุ่นอยู่คนเดียวตรงนั้น

ตอนแรกนั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าควรทำอย่างไร แต่ว่าเขาเคยเข้า ชั้นเรียนมาแล้ว ก็เลยค่อยๆเริ่มตามขั้นตอน แล้วก็เริ่มจัดการให้ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้จริงๆ

เพียงแต่ว่า ใช้เวลาไปมาก อีกอย่าง……..หลังจากจัดการกับ เสี่ยวโต้วหยาเสร็จ เขาก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว ขนาดปีกจมูกทั้งสอง ข้างก็ยังมีเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ดๆ

เขาเตรียมจะยกมือขึ้นไปเช็ด แต่กลับพบว่ามีกลิ่นประหลาด ลอยมาจากปลายนิ้วของเขา มุมปากอดไม่ได้ที่จะกระตุกทีหนึ่งเยโมเงินเก็บกวาดข้าวของให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปล้างมือและ เปลี่ยนเสื้อผ้า

ตอนที่เขาออกมาอีกครั้ง ก็พบว่าหานมู่จื่อได้อุ้มเสียวโต้วหยา ไปนอนข้างๆตัวเองเสียแล้ว เย่ไม่เป็นก้าวเท้าเดินไปทางนั้น อย่างมั่นคง แล้วหยุดลงข้างๆเตียง

คนสองคนที่อยู่บนเตียงนั้นลมหายใจคงที่ หลับอย่างสงบ พอ มองดูแบบนี้แล้ว เย่โม่เซินก็พบว่าทั้งสองคนนั้นหน้าคล้ายกัน มาก

ว่ากันว่าลูกสาวนั้นตอนเด็กจะคล้ายพ่อ พอโตขึ้นจะคล้ายแม่ ขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เสียวโต้วหยากลับเหมือนหาน จื่อมาก ขนาดนี้แล้ว

ตอนนี้หัวใจอันเยือกแข็งของเปโม่เป็นค่อยๆอ่อนโยนขึ้น เขา นั่งลงข้างเตียง แล้วมองดูคนสองคนที่อยู่เป็นยอดดวงใจ ก่อนจะ ค่อยๆนอนลงข้างๆหานคู่จื่อ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตค่อยๆไหลเข้ามาในหัว หา นมจื่อของเขาต้องทนทุกข์มามาก แล้วยังมีเรื่องที่เลวร้ายที่ตัว เขาเคยทําไว้ด้วย

ต่อจากนี้ เขาจะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อปกป้องดูเลเธอและ ลูกสาวสุดที่รักของตัวเองให้ดีที่สุด

น่าเวทนาเสี่ยวหมี่โต้วในตอนนี้ ที่ไม่รู้ว่าถูกพ่อเลวๆของตัว เองกีดกันออกไปเสียแล้ว แล้วต่อไปก็ยังต้องใช้ชีวิตแบบที่ถูก เห็นลูกสาวสำคัญกว่าลูกชายไปอีกนาน แต่ต่อมาเสี่ยวหมี่โต้วก็กลายเป็นเหมือนพ่อของเขา พ่อของเขานั้นเป็นจอมมารคลั่ง ภรรยา และจอมมารคลั่งลูกสาว

ส่วนตัวเขานั้น ก็เป็นจอมมารคลั่งมารดา และจอมมารคลั่ง น้องสาว พอเขากับพ่อต้องเผชิญหน้ากันก็เอาแต่กัดกันไม่หยุด จนสะเก็ดไฟปะทุ

แน่นอน ว่านั้นเป็นเรื่องของวันข้างหน้า

ตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วผู้น่าสงสารนั้นกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ ในห้องตัวเองอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

เพราะหาน จื่อคลอดลูกคนที่สองออกมาแล้ว พอหลัวหุ้ยเหม่ ยทราบข่าวก็อดถอนหายใจไม่ได้

“ดูมู่จื่อเขาสิ อายุมากกว่าลูกไม่กี่ปีสินะ นี่ก็ลูกคนที่สองแล้ว ที่

สำคัญก็คือเสี่ยวหมี่โต้วตอนนี้ก็โตขนาดนี้แล้ว

เสี่ยวเหยียน ……. คุณแม่คะ คุณแม่อยากจะพูดอะไรกันแน่”

หลัวหุ้ยเหม่ยชำเลืองมองเธอ “แล้วลูกคิดว่าไงล่ะ ชาวบ้านเขา พยายามขนาดนั้น แล้วตัวลูกเองก็ควรพยายามบ้างไม่ใช่หรือ

พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะยกมือยอมแพ้

“ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ หนูเพิ่งจะมีความรัก แม่ก็รู้นี่คะ หรือว่าจะ ให้หนูแต่งแบบสายฟ้าแลบกัน

แต่งแบบสายฟ้าแลบ ?
พอได้ยินคำใหม่แบบนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ยกยิ้มที่มุมปาก “ถ้าอีก ฝ่ายเป็นคนที่เชื่อถือได้ จะแต่งแบบสายฟ้าแลบก็ได้ไม่ใช่หรือ

“…” เสี่ยวเหยียนถึงกับอึ้ง เธอคิดว่าจากนิสัยของหวย เหม่ยแล้ว จะต้องให้เธอค่อยๆดูไปก่อน ถึงแม้เธอเองก็อยาก แต่งเหมือนกัน แต่ว่าเธอกับหานซึ่งกว่าจะได้ลงเอยกันนั้นไม่ง่าย เลย เธอยังไม่รู้เลยว่าหานซึ่งจะอยู่กับเธอไปตลอดหรือไม่ ตอนนี้ เขาอยู่กับเธออาจจะเพื่อลองดูเท่านั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้สึก เสียใจภายหลังเข้าสักวันก็เป็นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกหดหูขึ้นมา

“เหยียนเหยียนลูกคิดดูนะ ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ดี จะแต่งเร็ว หรือแต่งช้าก็ไม่ต่างอะไรใช่ไหม แบบนั้นรีบแต่งเพื่อมัดตัวชาย คนนั้นไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ

เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ

“ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว ถ้าไม่ได้มีความรู้สึกแม่คิดว่าการ แต่งงานจะผูกมัดใครได้กัน ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เหมือนกัน ถ้า ให้หนูแต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบ หนูก็คงอยู่ต่อไปไม่ได้เหมือน กัน”

ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่สามีเป็นใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และไม่ใช่ ยุคที่ความบริสุทธิ์คือสิ่งสำคัญที่สุดอีกแล้ว ตอนนี้ชายหญิงต่าง เท่าเทียม คนสองคนสามารถก้าวเข้าเรือนหอด้วยกัน และ สามารถแยกทางกันได้เมื่อความรู้สึกแตกหักแล้ว

การคิดจะใช้การแต่งงานหรือลูกมาผูกมัดผู้ชายคนหนึ่ง เป็นวิธีการที่งี่เง่ามาก

“ที่ลูกพูดก็ถูก แต่แม่ว่าเด็กคนนั้นมีใจให้ลูกมากนะ แล้วก็เป็น พี่ชายของมู่จื่อด้วย รู้หัวนอนปลายเท้า แล้วบวกกับที่ลูกชอบ ขนาดนั้น ตัวลูกเองก็ต้องเร่งมือเข้านะ ยังไงซะ แม่ก็เห็นว่าอายุ ของเขาก็ไม่น้อยแล้ว ถึงแม้ลูกจะยังเด็ก แต่เขา…….

พอพูดถึงตรงนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็หยุดลงครู่หนึ่ง อาจจะเป็น เพราะรู้สึกว่าพูดออกมาตรงๆคงไม่ดีนัก ก็เลยเขยิบเข้าไปใกล้ ลูกสาวแล้วกระซิบข้างหูเธอเบาๆ

ประโยคนั้นทําให้ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนที่เดิมทีซีดเผือดมีสี แดงระเรื่อขึ้น ก่อนจะผลักหลัวหุยเหม่ยออกไป “คุณแม่คะ คุณ แม่พูดเรื่องเหลวไหลอะไรน่ะ

หลังจากหลัวหุยเหม่ยถูกผลักออกแล้ว ก็อดหัวเราะออกมาไม่ ได้ แววตาเป็นประกาย “หรือแม่พูดไม่ถูกกัน อย่าเกรงใจไปเลย ยังไงก็เป็นแม่ลูกกัน คุยเรื่องแบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร แม่ก็แค่เป็น ห่วงความสุขในอนาคตของลูกเท่านั้นเอง”

พอพูดถึงประโยคสุดท้าย หลัวหุ้ยเหม่ยก็จงใจเน้นเสียงให้ชัด ขึ้น

เสี่ยวเหยียนหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอคิดไม่ถึงเลยว่า แม่ของตัวเองจะเป็นคนเปิดกว้างขนาดนี้

“หยุดพูดได้แล้วค่ะ หนูไม่อยากฟัง

พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทันที จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำ มองดูตัวเองในกระจกที่หน้าแดงเพราะความ เขินอาย เธอเปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้น้ำตบหน้าตัวเองเบาๆ หวังจะลด ความร้อนที่ขึ้นมาบนหน้า

แต่ไม่นานนัก เสี่ยวเหยียนก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่หลัวหุ้ยเหม่ ยพูดกับเธอเมื่อครู่อย่างจริงจัง

แต่งงาน……

ให้หานซิงแต่งงานกับเธอ เรื่องแบบนี้เธอไม่เคยกล้าคิดมา ก่อนเลยจริงๆ

ถึงแม่ในใจลึกๆเธอก็แอบหวังแบบนั้น เพราะว่านอกจากหาน ซิงแล้วเธอก็รักคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว นอกจากแต่งงานกับหานซิง เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

แต่ว่าหานซิงเขาไม่ใช่ เขาไม่เหมือนกับตัวเธอ

สําหรับเธอต้องเป็นเขาเท่านั้น แต่หานซิงนั้นไม่ใช่

ตอนนี้เขาคบกับเธอ ถึงแม้ว่าหลังจากที่ทั้งสองคบกันแล้วหาน ซึ่งจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน เริ่มเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น คนที่ หนักแน่นพออยู่ต่อหน้าเธอก็เริ่มขี้อ้อนขึ้น แต่เขาก็ยังหนักแน่น กว่าเสี่ยวเหยียนอยู่ คอยควบคุมทุกอย่าง

ถ้าหากวันไหนต้องแยกจากกัน ก็คงมาจากคำพูดประโยค เดียวของเขาเท่านั้น

ส่วนเสี่ยวเหยียนถึงตอนนั้นก็คงตกอยู่ในสภาวะสั่นคลอนที่สุด
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าตัวเองรักเขามากไป ส่วน ความรู้สึกที่เขามอบให้เธอนั้นน้อยนิดนัก

เฮ้อ ที่จริงก็ไม่ถูก

ถ้าความรู้สึกที่เขามอบให้เธอนั้นน้อยนิดจริง ทำไมต้องยอม เสียสละธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านเพื่อเธอกัน พอคิดแบบนี้แล้ว จุดยืนของเธอก็ไม่ได้ต่ำต้อยขนาดนั้นเลยนี่นา

พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็จับแก้มตัวเอง แล้วเผยรอยยิ้ม พึงพอใจออกมา

เธออย่าคิดมากไปกว่านี้เลยดีกว่า กว่าทั้งสองคนจะเดินมาถึง จุดนี้กันได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอแค่ต้องค่อยๆพัฒนาความ สัมพันธ์กับเขาต่อไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการแต่งงานปล่อยให้มัน เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ