เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่270 ด้วยชีวิต



บทที่270 ด้วยชีวิต
แท้จริงแล้วเธอต้องการจะพูดอะไรนั้น ในใจเขารู้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นด้วยเลย เส้นเฉียวจ้องมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันต้องการไปจากที่นี่ ฉันต้องการหย่ากับคุณ”
ค.
60
ดวงตาของเปโม่เซินหดตัวลงเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากของเขาโค้งงอ และรอยยิ้มก็ดูชั่วร้ายเล็กน้อย “ฉันรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงอยากเธอจะคิดยังไง ฉัน จะบอกเธอตรง ๆ เลยก็แล้วกันว่า เป็นไปไม่ได้”
“ต่อให้เธอตาย ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนของเปโม่เซิน” “ต่อไปเธออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนอีก”
ได้ยินเช่นนั้น เส้นเฉียวอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างแน่น “เยโม่เซิน คุณ ใช้อะไรมาตัดสิน? ฉันไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่!”
“งั้นก็มาดูกันว่าเธอจะออกไปจากที่นี่ได้ไหม” เสียงเยือกเย็นของเยโม่ เซินดังมาจากที่ไกล ๆ ด้านหลังเธอ เส้นเฉียวไม่สนใจเขา เขาคิดว่าตัวเองจะ หลงทางอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่นี้เหรอไง? เธอไม่หลงหรอกเธอเดินออกไปเอง ก็ได้
เดินวนจบสุดท้ายเธอก็พบว่าจุดชมวิวนี้ใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้ เพราะมีสิ่ง ปลูกสร้างมากมาย ดังนั้นเงินเฉียวหาทางออกเจอแล้วทางหนึ่งเมื่อออกไปก็ เจอทางออกอีกทางหนึ่ง
สุดท้ายเธอเดินจนเหนื่อยหยุดพักหายใจบนโขดหิน
ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่เธอก็เดินแบบนี้มาเป็นเวลานานและ เหงื่อออก เส้นเฉียวยื่นมือออกมาพัดโบกที่คอ ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่าง ได้ ยื่นมือลูบที่คอของตัวเอง
มันเจ็บเล็กน้อยอีกทั้งยังชา ๆ คอเธอเป็นอะไร? เสียดายที่ตัวเธอมองไม่เห็น ดังนั้นจึงทําได้เพียงดึงมือกลับ นั่งพักอยู่ครู่หนึ่งเสิ่นเฉียวก็เริ่มหาทางออกใหม่อีกครั้ง สุดท้ายเธอก็พบกับสาวใช้คนก่อนหน้านี้ที่หัวมุม “เธอเอง”
สาวใช้คนนั้นเห็นเธอก็ดีใจเช่นกัน เธอเดินเข้ามาด้วยสีหน้าชื่นมื่น “คุณ คะ คุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?”
เส้นเฉียวส่ายหน้า: “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ทําไมคะ?”
“เมื่อครู่สีหน้าคุณไม่ค่อยดี ฉันยังเข้าใจผิดคิดว่าคุณไม่สบาย ตอนนี้ คุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ? จะให้คุณหมอมาตรวจไหมคะ?” เธอพูดด้วย สีหน้าที่จริงใจและเป็นห่วงเงินเฉียวมาก เส้นเฉียวรู้สึกอบอุ่นใจจากนั้นก็ส่าย หัว “ไม่ต้องหาหมอหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันมีอีกเรื่องอยากให้คุณช่วย”
“คุณบอกมาเลยค่ะ! มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วย! ฉันจะช่วยค่ะ!” สาวใช้พูดจบ แล้วส่งสายตามองไปที่คอของเธอ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
เอาใจใส่ดีจริง ๆ… เส้นเฉียวคิดว่านี่คงจะเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของเปโม่เซินสินะ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงสิ่งนี้ เสิ่นเฉียวเม้มปากแล้วพูดขึ้น: “ทางออกจากที่นี่อยู่ที่ไหน? คุณพาฉันไปดูหน่อยได้ไหม?”
สาวใช้ไม่ได้คิดมากอะไร เธอคิดว่าเยโม่เซ็นเป็นคนพาเส้นเฉียวมาเอง ทั้งคู่คงจะต้องเป็นคู่กันอยู่แล้ว เพราะหลายปีที่ผ่านมาเธอคือผู้หญิงคนแรกที่ เยโม่เซินพากลับมา ตอนนี้สาวใช้ในวิลล่าต่างพากันพูดว่าเสิ่นเฉียวคือว่าที่ คุณนายของที่นี่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงอยากจะเอาใจเธออยู่แล้ว
ดังนั้นตอนนี้เสิ่นเฉียวเป็นฝ่ายเปิดปากขอร้องเธอ สาวใช้ก็อดไม่ได้ที่จะ แสดงให้เห็นและรีบพูดทันที: “ฉันพาคุณไปค่ะ”
“ขอบคุณนะ” เสิ่นเฉียวยิ้มให้เธอ ในใจคิดว่าเปโม่เซินไม่ให้เธอไปคิดว่า ตัวเธอคงหาทางออกไม่เจอ แต่กลับไม่รู้ว่าสาวใช้เหล่านี้มีโอกาสจะช่วยตัวเธอ ออกไปได้
เส้นเฉียวเดินตามสาวใช้คนนั้นเดินไปที่ทางออก สาวใช้คุ้นเคยกับที่นี่ เป็นอย่างดี ดูแล้วคงเป็นคนเก่าคนแก่ทํางานที่นี่มานาน เธอเดินไปถึงหน้า ประตูใหญ่ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
หลังจากที่เดินออกมาแล้ว เส้นเฉียวรู้สึกโล่งไม่น้อย
มองดูประตูใหญ่ที่ใกล้แค่เอื้อม เธอคิด…เพียงแค่เดินผ่านประตูนั้นไป เธอก็จะออกจากโลกของเยโม่เซินโดยสิ้นเชิงแล้ว
เสิ่นเฉียวสูดหายใจหันหน้ากลับไปมอง จากนั้นเธอจึงก้าวเท้าเดินไปที่ ประตูใหญ่
ใครจะรู้เมื่อเธอเดินไปถึงประตู ก็ถูกคนขวางทางเอาไว้
“พวกคุณจะทําอะไร?” สาวใช้พูดด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ: “พวกเราจะออก ไป”
หนึ่งในนั้นมองไปที่สาวใช้และพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “คุณชายเย่ สั่งไว้ ห้ามทุกคนออกไปข้างนอก”
สาวใช้เบิกตาโพลง: “อะไรนะ? นี่เป็นคําสั่งตอนไหน? เมื่อเช้ายังดี ๆ อยู่ เลยนี่? ทําไมจู่ ๆ…”
“นี่เป็นคําสั่งที่เพิ่งสั่งมา จูหยุน เธอพาคุณนายน้อยกลับไปก่อนเถอะ”
จหยุน คือสาวใช้ที่อยู่กับเงินเฉียว เมื่อเธอได้ยินสรรพนามว่าคุณนาย น้อยก็แปลกใจเล็กน้อย “คะ..คุณนายน้อย? คุณกําลังจะบอกว่า….”
พูดจบ เธอมองไปที่เส้นเฉียวด้วยสายตาหวาดวิตกและอ้าปากค้าง พูด อะไรไม่ออกอยู่นาน
เส้นเฉียวคิดจะใช้โอกาสที่พวกเขากําลังคุยกันและเดินออกไปจากอีก ฝั่ง แต่ใครจะคิดว่าจะมีอีกสองคนมาขวางเธอไว้
“คุณนายน้อย คุณชายเย็บอกแล้ว คุณออกไปจากประตูนี้ไม่ได้” เส้นเฉียวตกตะลึงอยู่ตรงนั้นและมองฝ่ายตรงข้าม ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงคําพูดของเปโม่เซินที่เขาพูดกับเธอก่อนเขาจะไป “งั้นก็มาดูกันว่าเธอจะออกไปจากที่นี่ได้ไหม”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนเป็นซีดขาว ตัวของเธอก้าวไปข้างหลังโดยไม่ ได้ตั้งตัวจนเกือบล้มลง
โชคดีที่ จูหยุน รีบเข้ามาพยุงเธอไว้ได้ทัน “คุณนายน้อยไม่เป็นไรนะ คะ?”
ที่จริง…ที่เขาบอกว่าออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องหลงทาง แต่เขาออกคําสั่งกับคนเฝ้าประตูเตรียมไว้เรื่องที่เธอจะออกจากที่นี่ไป ไม่ว่า อย่างไรก็ห้ามอนุญาตให้เธอออกจากที่นี่
หีเสียก็เพียงแต่ว่าเธอเข้าใจว่าเพียงแค่เธอหาคนนําทางได้ก็สามารถ ออกไปจากที่นี่ได้อย่างสบายใจแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เพียงรอให้เธอเดินเข้ามาติด กับอย่างโง่เขลา จากนั้นก็จับตัวเธอกลับไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็พูดอะไรไม่ออกสักคํา เธอหลับตาและตัวสั่น ไปหมด
“ทําไม? นี่มันการจองจํา!” สุดท้ายเธออดกลั้นต่อร่างกายที่สั่นเทาและ ระเบิดคําพูดออกมา
ยามเฝ้าประตูหลายคนเห็นใบหน้าเธอซีดขาวและโกรธจนปากสั่นจึงไม่ กล้าพูดอะไร พวกเขาก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าว
“หลีกไป” เสิ่นเฉียวเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งและมองพวกเขาด้วยสายตา เย็นชา: “วันนี้ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่”
“ขอโทษครับคุณนายน้อย นี่เป็นคําสั่งของคุณชายเย่ ต่อให้พวกเราต้อง ตาย ก็คงไม่สามารถปล่อยให้คุณออกไปได้”
“ใช่เหรอ?” เสิ่นเฉียวยิ้มหน้าซีด: “ถ้าหากฉันจะแลกด้วยชีวิตล่ะ? พวก คุณก็จะไม่ปล่อยฉันไปเหรอ?”
หลายคนที่อยู่ตรงนั้นได้ฟังแล้วก็ต้องตกใจกลัวจนหันไปมองหน้ากัน “คุณนายน้อยครับ คุณอย่าทําให้เราลําบากใจเลยครับ พวกเรามอบชีวิตให้ คุณชายเยู่แล้ว ถ้าหากคุณออกไป งั้นพวกเรา…ก็คงตายกันหมด”
จูหยุน ที่ได้ยินสิ่งนี้ก็กลัวจนเหงื่อตก “พวกนายพูดอะไรกันเนี่ย? คิดจะขู่ คุณนายน้อยรีไง? คุณนายน้อยคะ วันนี้พวกเราอย่าเพิ่งออกไปเลยนะคะ ฉัน พยุงคุณกลับไปพักก่อนดีกว่า”
เส้นเฉียวหันไปมองคนเหล่านั้นด้วยใบหน้าซีดเซียว พวกเขาพูดด้วย สีหน้าท่าที่ที่จริงใจ ราวกับว่าเปโม่เซินได้กําหนดชีวิตพวกเขาไว้จริง ๆ และเงิน เฉียวเธอจะต้องดูคนเหล่านี้ตายจริง ๆ เหรอ?
เป็นอย่างที่คิด
ถือว่าเปโม่เซินรู้จักเธอดี และรู้สึกว่าเธอจะทนไม่ได้ดังนั้นจึงจะอยู่ที่นี่ ต่อไป
“เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจฉันดีเหรอ? วันนี้ฉันจะต้องออกไปให้ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ