เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 969 คุณทำเกินไปแล้ว



บทที่ 969 คุณทำเกินไปแล้ว

ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง

เสี่ยวเหยียนรีบพยักหน้า จากนั้นเธอยิ้มหวานให้กับเซียวซู แล้วพูดว่า “นายที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยได้สมกับตำแหน่งจริงๆนะ คำนึงถึงคุณชายเยู่แล้วก็คุณนายน้อยด้วย ถ้าคุณชายเย่รู้ต้อง ปลื้มใจแน่ๆ เมื่อถึงตอนนั้นนายต้องได้โบนัสปลายปีแน่นอน”

โบนัสปลายปี…

เซียวซูยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อาจจะเป็นอย่างนั้น ต้อง รบกวนเธอพูดชมฉันต่อหน้าคุณนายน้อยด้วยล่ะ

“อ๋อ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากได้โบนัสสินะ” เสี่ยวเหยียนพูด

เหมือนจับได้ “แต่ว่านี่ก็เพิ่งผ่านมาไม่ใช่เหรอ”

“คุณชายเยความจำเสื่อมแล้ว ปีนี้ยังไม่จ่ายเงินเดือนให้ฉัน เลย”

“ฉันเข้าใจแล้ว” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าหงิกๆ “นายวางใจ เถอะ ฉันจะพูดชมนายต่อหน้าจอเอง แล้วให้จื่อไปกระซิบเรื่อง นายให้เขาฟัง”

เซียวซูมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน จากนั้นจึงมองไปยังเสื้อ โค้ต

“แล้วเธอจะใส่เสื้อโค้ตได้หรือยัง”
ตอนแรกกะว่าจะคืนเสื้อให้เขา แต่เมื่อคิดว่าเขียวอยากให้ เธอช่วยเขา ก็แค่พูดชมเขาไม่กี่คำไม่เปลืองแรงอะไรหรอก แต่

ถ้าเธอไม่ตอบรับ เขาอาจจะคิดว่าเธอไม่ช่วยเขา คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนจึงใส่เสื้อด้วยความสบายใจ

จากนั้นเธอยังตบบ่าของเซียวซู “โอเค นายวางใจเถอะ ขอบใจนะ ฉันจะพูดชมนายแน่ๆ

” เจสันที่ยืนอยู่อีกด้าน

คนที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างเจสัน อดไม่ได้ที่จะ เบ้ปาก

ยังมีคนทำแบบนี้อีกเหรอเนี่ย เจสันเพิ่งเคยเห็นคนจีบสาวจน เป็นแบบนี้ครั้งแรกเลย อีกอย่างเขารู้จักกับเซียวซูมานาน ดังนั้น เมื่อเสี่ยวเหยียนเดินออกไป เจสันจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแล้ว พูดด้วยเสียงทุ้ม “อย่าว่าฉันไม่เตือนนะ แต่ถ้านายยังจีบผู้หญิง แบบนี้ ยังไงก็จีบไม่ติดหรอก”

” เซียวซู

“เมื่อกี้ฉันสังเกตดูแล้ว พวกนายคงจะเป็นรักสามเส้าสินะ”

เซียวใจเต้น เขาหรี่ตามองเจสัน

“นายชอบเธอ เธอชอบเขา”

“หุบปาก ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” เซียวซูพูดอย่างหงุดหงิด เห็นท่าทีของเขา เจสันจึงหัวเราะออกมา “ตอนแรกฉันคิดว่าโมเงินจะหลงผู้หญิงจนหัวปักหัวป่า คิดไม่ถึงว่านายก็เหมือนกัน อย่าบอกนะว่านี่มันมาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ความรู้สึกของ พวกนายมัดรวมกันอยู่เหรอ”

“โอเค โอเค ฉันก็แค่แหย่เล่น แต่อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ การ จีบสาวน่ะทำแบบนายไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นการที่อีกฝ่ายไม่มี ความรู้สึกให้นายสักนิด ถ้านายไม่สารภาพความรู้สึกของตัวเอง อีกฝ่ายจะโดนคนอื่นแย่งไปไม่ช้าก็เร็ว

เซียวซู่ขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเหยียนดังขึ้นมา “พวก นายคุยอะไรกันอยู่

เพราะเสียงของเจสันเบามาก จึงทำให้คนที่ยืนอยู่ไกลๆ อย่าง เสี่ยวเหยียนได้ยินเพียงเสียงพึมพำ ฟังอะไรไม่ออกสักนิดว่าเขา พูดอะไร แต่ทว่าเซียวซูรีบพูดอธิบายราวกับโดนเหยียบหาง อย่างไรอย่างนั้น “ไม่มีอะไร ปรึกษากันนิดหน่อยนะ”

เจสันกลับยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “คุยเรื่องความรักกับพี่น้อง นิดหน่อยน่ะ ถามวิธีจีบสาว

เซียวซู

เสี่ยวเหยียนมองเซียวอย่างประหลาดใจ คนดื้อๆ อย่างเขา เนี่ยนะจะจีบสาว

แต่ทว่าเธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วลอบมองคนที่เอาแต่เงียบไม่ พูดอะไรอย่างหานชิง

แม้ว่าเขาจะออกมาด้วยกัน แต่เขาพูดน้อยมาก น่าจะเพราะความปลอดภัยของมูจื่อเขาถึงออกมา

“ไม่กล้าพูดหรือมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูด?” หลังจากที่ทุกคนออกไป ที่กว้างเช่นนี้เหลือแค่เยโมเซ นกับมู่จื่อเพียงสองคน

ผ่านไปนานเปโมเงินยังไม่พูดอะไรกับเธอ เขาเอาแต่มองเธอ ด้วยสีหน้าเจ็บปวด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน มู่จื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ แล้วคิดถึงเรื่องที่เซียวซูพูดกับเธอ

คิดเช่นนั้น เธอจึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเขา

“ฉันรู้ว่าคุณอยากฟื้นความทรงจำให้เร็วที่สุด แต่หมอก็บอก แล้วไม่ใช่เหรอว่ามันไม่มีวิธีที่ทำได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ไม่มีวิธี รักษาเฉพาะทาง ต้องขึ้นอยู่กับคนไข้ คุณรีบขนาดนี้ ไม่สนใจ ร่างกายของตัวเอง ฉันเคารพและเข้าใจความคิดของคุณได้ แต่ คุณได้คิดหรือเปล่าว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ คุณตาของคุณ จะทำยังไง เสี่ยวหมี่โต้วจะทำยังไง แล้วฉันกับลูกในท้องจะทำยัง ไง?”

ที่จริงแล้วมู่จื่อนิ่งและใจเย็นมาก คำพูดที่ออกมาไม่มีอารมณ์ แฝงอยู่ในนั้น

เพราะก่อนหน้าที่จะมา เธอได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว

เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะเห็นเย่ไม่เป็นทำอะไร เธอก็จะไม่ตกใจและโมโห

ไม่ได้เจอเขามาหลายวัน จื่อคิดไม่ถึงว่าเวลาไม่ถึงหนึ่ง สัปดาห์ เย่ ไม่เซ็นจะผอมลงไปขนาดนี้ แถมสีหน้ายังดูไม่ค่อยดี ด้วย

ถ้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรมา จื่อคงจะคิดว่าเขาป่วย เห็นเขาในสภาพนี้ ความโกรธที่สะสมมาหลายวันหายไปใน พริบตา เหลือเพียงความปวดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าเขา จื่อขบริมฝีปากตัวเอง “ร่างกาย ของคุณเพิ่งจะดีขึ้นได้ไม่นานแท้ๆ นี่คุณยังมาทรมานตัวเองแบบ นี้อีก คุณคิดว่าชีวิตตัวเองมันยืนยาวขนาดนั้นเลยเหรอ”

” เย่โม่เซิน

เขาไม่พูดอะไรเอาแต่มองคนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาสีดำขลับ เต็มไปด้วยความคิดถึง จู่ๆ เธอก็มาอยู่ที่นี่ เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง เขาคิดว่า อย่างน้องถ้าเธอรู้ วันนี้เขายังสามารถรักษาได้เป็น

ครั้งสุดท้าย

พรุ่งนี้ค่อยไปเจอเธอยังไม่สาย

คิดไม่ถึงว่า…

“นี่คุณยังไม่พูดอะไรอีกใช่ไหม อยากยืนที่ออยู่ตรงนี้อีกใช่ หรือเปล่า คุณจะจำลองเหตุการณ์แล้วฟื้นคืนความทรงจำใช่ไหม ไปสิ สำคัญขนาดนั้นเลยใช่ไหม งั้นฉันจะลงไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
พูดจบ มู่จื่อก้มตัวลงเพื่อที่จะถอดรองเท้า

คนที่ยืนนิ่งอยู่นาน เมื่อเห็นการกระทําของเธอก็ตื่นตระหนก เขาจับข้อมือขาวไว้แน่นแล้วดึงตัวเธอเข้ามาในอก

“อย่าผลีผลามสิ”

มู่จื่อพยายามดิ้น แต่ถูกมือใหญ่กอดไว้ในอ้อมอกจนทำให้ เธอไม่สามารถขยับได้

“คุณปล่อยฉันนะ ใครผลีผลาม คนที่ผลีผลามน่ะคือคุณไม่ใช่

เหรอ”

ความใจเย็น ความนิ่ง ก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา มู่จื่อ พยายามดิ้น เธอลงไปที่อกของเยโมเงิน “คุณผลีผลามจนไม่ ปรึกษาฉันสักคำ ตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจความคิดฉัน เลยสักนิด ทำไมฉันต้องเป็นห่วงคนนิสัยแบบคุณด้วย คุณทำเกิน ไปแล้ว ทําเกินไปแล้วจริงๆ”

เธอพูดพลางน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด หยดน้ำตาร้อนหยดลงบนหลังมือของเย่ ไม่เซ็น

เมื่อเทียบกับความหนาวในฤดูหนาว หยดน้ำตาที่หยดลงบน หลังมือเขา ราวกับจะแผดเผามือเขาอย่างไรอย่างนั้น

“ขอโทษ…

เมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เย่ไม่เป็นก็ตกใจจนไม่รู้จะทำยังไง รู้สึก ผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมด ในช่วงวันที่ผ่านมา
เขารีบร้อนจะฟื้นความทรงจํา โดยไม่อยากให้เธอเห็นสภาพที่ ยากลำบากของเขา

เขาไม่อยากให้เธอเป็นห่วง แต่การที่เขาทำแบบนี้ มันกลับ ทำให้เธอยิ่งเป็นห่วงเข้าไปอีกไม่ใช่หรือไง แถมตอนนี้เธอยัง เสียใจมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ