เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1369 ฉันไม่ได้อยากอยู่กับคุณซะหน่อย



บทที่1369 ฉันไม่ได้อยากอยู่กับคุณซะหน่อย

บทที่1369 ฉันไม่ได้อยากอยู่กับคุณซะหน่อย

จริงๆแล้ว ในอีกด้าน เสี่ยวเหยียนกำลังอยู่กับหานชิงที่วิลล่า ส่วนตัวด้วยกัน

เพราะเสี่ยวเหยียนไม่ยอมกินยา ดังนั้นวันต่อมาเธอจึงครั่น เนื้อครั่นตัว ลืมตาแทบไม่ขึ้น

เธอนอนลืมตาไม่ขึ้นอยู่ใต้ผ้าห่ม ง่วงนอนจนไม่ไหว

สั่นสะท้านไปทั้งตัว

แค่จูบกันเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงติดหวัดได้หล่ะ?

คิดแค่นั้นเธอก็ปวดหัวขึ้นมา แต่เสี่ยวเหยียนก็ไม่กล้าบอกให้ หานชิงรู้ ถ้าเขารู้ว่าเธอป่วยหนักกว่าเมื่อวานอีก ดูท่าเขาจะต้อง บังคับเธอให้กินยาเป็นแน่

ตอนนี้เธอท้องอยู่ จะกินยามั่วชั่วไม่ได้ พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนจึงพลิกตัว มุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม

เธอนอนที่นี่ทั้งวันไปซะเลยก็จบเรื่อง

หานซิงคิดว่าเสี่ยวเหยียนอยากนอนเยอะๆ แล้วยิ่งเมื่อคืนก็ กลับมาดึกด้วย ดังนั้นในตอนเช้าเขาจึงไม่รบกวนเธอ

ไม่คิดเลยว่าการนอนของเสี่ยวเหยียนครั้งนี้แม้เลยไปถึงบ่ายก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอ หานซึ่งจึงเข้าไปหา

เมื่อได้ยินเสียงหานซิงเคาะประตู เสี่ยวเหยียนก็คิดในใจว่า เขาคงไม่ใช่ว่ารู้แล้วหรอกนะว่าเธอเป็นไข้หนักหน่ะ? จะนอนอุดอู ไปอีกจะยิ่งแย่ ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงทำได้เพียงเล็กผ้าห่มลุกขึ้น ไปเปิดประตู

“ตื่นแล้วเหรอ?”

หานซึ่งเห็นตาเธอยังสะลึมสะลือ อีกทั้งผมยังยุ่งเหยิง จึงเอื้อม มือไปปัดผมให้เธอ

เมื่อถูกเขาปัดผมให้แบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ ผมเธออย่างกับรังนก เมื่อกี้นี้นั้นเพื่อที่จะกลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเอง ป่วย เธอก็ลืมคิดเรื่องอื่นไปเสียหมดสิ้น ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะลืม เรื่องสําคัญแบบนี้ไปได้

ให้ตายเถอะ

นอนหลับอยู่บ้านก็ไม่เท่าข้างนอก ข้างนอกก็จำต้องระวังตัว เองเป็นพิเศษ แต่นี่ในบ้านและเตียงก็ใหญ่ หมอนผ้าห่มก็นุ่ม สบาย เธอจึงนอนกลิ้งไปกลิ้งมา

ดิ้นไปดิ้นมาจนผมเป็นรังนกแบบนี้นี่แหล่ะ

อีกทั้งตอนนี้ หานซึ่งยังช่วยเธอจัดการกับผมรังนกให้อีก

เสี่ยวเหยียนรีบพาหัวรังนกกับตัวเธอเองถอยกรูดไป ใบหน้า ค่อนข้างขัดเขิน
“ไม่สบายอะไรตรงไหนหรือเปล่า?”

หานซึ่งยังจำได้เรื่องที่เธอไม่ยอมกินยาเมื่อคืน ดังนั้นเมื่อเห็น เธอถอยหลังกลับไป เขาจึงไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเธอ แต่ยังเดินขึ้น ไปเธอ เพื่อจะไปยังหน้าผาก

เมื่อมือของเขาสัมผัส เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกตัวทันที เดิมทีนั้นเขา เพียงอยากวัดอุณหภูมิเธอ

แต่เธอไม่ได้หนาว ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไข้

เสี่ยวเหยียนจึงให้เขายังหน้าผากแต่โดยดี

หานชิงตรวจอย่างระมัดระวัง แต่ดูเหมือนจะไม่เจออะไร ดังนั้น จึงลองอังแล้วยังอีก จากนั้นจึงเลิกคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนจะมีไข้ อ่อนๆ เวียนหัวรึเปล่า?”

“หา?”ไข่อ่อนๆเหรอ?

เสี่ยวเหยียนกระพริบตา ส่ายหน้า

จริงๆเธอเวียนหัวเล็กน้อย แต่ยังดีที่เธอยังทนไหวอยู่

“ห้าม โกหกนะ”

เพราะเมื่อวาน ให้เธอกินยา แต่เธอไม่ยอมกิน ดังนั้นหานซึ่งจึง คิดว่าเธออาจจะหลอกเขาเพื่อที่จะไม่ยอมกินยา “ถ้าไม่สบาย ต้องรีบกินยา ถ้าไม่ยอมกินยาหล่ะก็ เราก็ไปโรงพยาบาลกัน

เมื่อได้ยินคำว่า โรงพยาบาล แววตาของเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยน ไป เธอสั่นศีรษะจนหัวแทบหมุน
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ไปโรงพยาบาลนะ

เพียงเธอพูดขึ้น เสียงที่แหบพร่าและขึ้นจมูกของเธอก็ปกปิดไว้ ไม่มืด

เสี่ยวเหยียนพูดไม่ออก ตอนนี้จะปิดไว้ก็ไม่อยู่เสียแล้ว

หานซิงเองก็ฟังออก จึงขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก: ไม่สบายซะ แล้วสินะ? แล้วยังจะมาหลอกฉันอีก? ทำไมถึงไม่อยากไปโรง พยาบาล?”

ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็หลับตา กัดฟัน: “ฉันแค่ไม่อยาก ไปโรงพยาบาล ฉันเหนื่อยหน่ะ อยากพักอยู่บ้าน ไม่ได้เหรอ?”

“แล้วยาหล่ะ ทำไมถึงไม่กิน

แต่ท้ายสุดแล้วเธอก็ทั้งกินยาไม่ได้และไปโรงพยาบาลไม่ได้ อยู่ดี ดังนั้นเธอจึงคิดไปคิดมา งั้นก็เลยตามเลยก็แล้วกัน : “ก็ เพราะฉันไม่อยากกินไง ฉันเอาแต่ใจอ่ะ

พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองตาหานชิง “คุณไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าฉันอยู่กับคุณอยากจะทำอะไรก็ทำ? สิ่งที่ฉันอยากทำตอนนี้ คือไม่กินยา และไม่ไปโรงพยาบาล

หาเชิง:

ยัยคนนี้ เธอจะตั้งใจทำให้เขาโกรธทำไมเนี่ย? อยากจะทำร้ายเขาด้วยการทำร้ายตัวเอง ให้เขาเสียใจอย่าง นั้นเหรอ?
“ฉันพูดแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอป่วย มันคนละเรื่องเดียวกัน”

“ไม่ ฉันไม่สนใจว่ามันเป็นคนละเรื่องกันหรอกนะ ยังไงซะฉันก็ ไม่ไป” เสี่ยวเหยียนงอปากบ่น “อีกอย่างปกติธรรมดาฉันก็แข็ง แรงดี ไม่ได้ป่วยอะไร เป็นคุณที่มาจูบฉันเอง ก็เลยเอาเชื้อมาติด ฉัน! แล้วแบบนี้จะยังมาโทษฉันอีกอย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้! ดังนั้น แบบนี้ทำไมฉันต้องไปกินยาไปโรงพยาบาลทั้งๆ ที่เป็นความผิด ของคุณด้วย!?”

พูดจนจบ เสี่ยวเหยียนก็แอบชื่นชมในสมองอันชาญฉลาดของ ตัวเองในใจ

เธอนี่มันช่างปราดเปรื่อง พูดไปแบบนี้ เขาก็ทำได้แค่พูดไม่ ออกนั่นแหละใช่ไหมหล่ะ?

หานชิงแทบไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าจู่ๆเสี่ยวเหยียนจะมาโยน ให้แก่ตัวเขา เขาจึงมองหญิงสาวที่ดูฮึกเหิมตรงหน้า ครุ่นคิดก่อน จะพูดออกมาอย่างหมดหนทาง “จะไม่ไปโรงพยาบาลไม่กินยา หนะได้ แต่ต้องกินอะไรสักหน่อยและจิบน้ำอุ่นเยอะๆด้วย

“เหอะ” เสี่ยวเหยียนส่งเสียงแผ่วเบา “จิบน้ำอุ่นเยอะๆ อย่าง นั้นเหรอ? เป็นความคิดที่ชาญฉลาด”

แต่ว่าการไม่ต้องกินยาและไม่ต้องไปโรงพยาบาล นั่นทำให้ เสี่ยวเหยียนใจฟูขึ้นมา เธอยกยิ้มที่ริมฝีปากก่อนจะเดินตามหาน ชิงลงไปกินข้าวกลางวัน

พอกินข้าวเสร็จ เสี่ยวเหยียนก็เริ่มง่วงนอนอีกครั้ง
แต่เธอกลับนึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “อ้อจริงสิ ฉันยัง ไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย เดี๋ยวฉันโทรหาพวกเขาก่อน

“ฉันโทรให้แล้วหล่ะ”หานชิงหยุดฝีเท้าของเธอ ก่อนจะดึงลง ให้นั่งบนขาของเขา

เสี่ยวเหยียนได้ยินก็แปลกใจ “โทรแล้วเหรอ? คุณโทรตั้งแต่ เมื่อไหร่?”

“ตอนที่เธออยู่บนเตียงเมื่อเช้าไงหล่ะ” หานซิงถอนหายใจ เงียบๆ “รอให้ยัยตัวน้อยอย่างเธอคิดได้ก็เกรงว่าพ่อกับแม่เธอ จะต้องร้อนใจเป็นห่วงแย่”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็เกาจมูกอย่างขัดเขิน ก่อนจะ ฟื้นอารมณ์ขึ้นมาเป็นปกติ: “แล้วมันยังไง? นี่คุณกำลังโทษฉันอยู่ อย่างนั้นเหรอ?”

“เปล่าซะหน่อย

“เปล่าเหรอ? ก็เมื่อกี้ฉันเห็นแววตาคุณมันฟ้อง คุณ โทษที่ฉัน นอนเยอะแล้วคุณ…อื้อ

จูบของเขาประทับลงสกัดคำพูดของเธอไป

เสี่ยวเหยียนรีบดันตัวของเขาออก ใบหน้าแดงเรื่อ: “ฉันเป็น ข้อยู่นะ”

หานชิงจูบลงที่หน้าผากเธอ จากนั้นก็ประทับลงที่ปลายจมูก พูดเสียงแหบพร่า: “ไม่เป็นไร ฉันเองก็ป่วย เราก็ป่วยด้วยกัน แหล่ะ”
เสี่ยวเหยียนจ้องเขาหน้าแดง “ฉะ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณซะ หน่อย”

“แน่ใจนะ?”

หานชิงขยับเข้ามาใกล้อีก ริมฝีปากของเขาใกล้เธอมาก แต่ก็ ไม่จูบลงไปเสี่ยวเหยียนหลับตาลงอย่างประหม่า ลมหายใจของ ทั้งสองรดซึ่งกันและกัน เธอทนไม่ไหวกับสถานการณ์แบบนี้จึง หันศีรษะตามสัญชาตญาณ

ไม่หันก็ไม่เป็นไร พอหัน ป ริมฝีปากก็จรดแนบลง

กลิ่นที่แข็งแกร่งของชายหนุ่มอบอวล สมองของเสี่ยวเหยีย นว่างเปล่า แต่ในไม่ช้ามันก็เต็ม เธอไม่ได้สนใจว่าจะเป็นหวัด หรือไม่เป็นหวัด สติจึงค่อยๆกลับมา

ท้ายสุดร่างทั้งร่างก็ถูกหานชิงอุ้มขึ้นบน ในท่าเจ้าหญิง ตรงเข้าไปในห้องนอน แล้วในตอนนั้นสติของเสี่ยวเหยียนจึงพลันกลับคืน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ