เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่213 ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย



บทที่213 ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย

เสิ่นเฉียวปล่อยไปแบบงงๆ เย่โม่เซินซุกหน้าอยู่ กับลำคอของเธอ เธอรู้สึกได้ว่าคางของเขากำลังซบ ไหล่ของตัวเองอยู่ ตอนแรกเธอก็นึกว่าเขาจะทำอะไรอีก แต่ว่าเขากลับซบอยู่แบบนั้นเงียบๆ

เรื่องนี้มันทำให้เสื่นเฉียวสงสัยเล็กน้อย เพราะว่า ลมหายใจที่ออกมาจากร่างกายของเย่โม่เซินจู่ๆ ก็ เปลี่ยนเป็นความเศร้า เสิ่นเฉียวที่โดนเขากอดสามารถ สัมผัสได้อย่างชัดเจน

เศร้ายังงั้นหรอ?

ชั่วพริบตานั้น เสิ่นเฉียวก็คิดว่าความรู้สึกของตัว เองมีอะไรผิดปกติไปรึเปล่า?

เย่โม่เซินจะมีอารมณ์เศร้าได้ยังไงกัน?

“นายเป็นอะไรรึเปล่า? ” เสิ้นเฉียวถามด้วยความ สงสัย หรือว่าเรื่องราวของเธอทำให้เขานึกถึงอะไรขึ้น มาได้รึเปล่า?

แต่ว่าเย่โม่เซินไม่ได้ตอบ แล้วก็ไม่ได้ขยับเหมือน กัน ได้แต่นอนซบอยู่แบบนั้นเงียบๆ เสิ่นเฉียวขยับนิด หน่อย แต่ว่าเขาก็จับข้อมือของเธอไว้แล้วก็พูดด้วยเสียง แหบแห้ง “อย่าขยับ ขอฉันกอดแป๊บหนึ่ง”

น้ำเสียงทุ่มต่ำและสั่นเครือ มันเต็มไปด้วยความ เศร้าอย่างสุดซึ้ง
เสิ่นเฉียวมึนงง รู้สึกได้ว่าใจเต้นแรง เสียงและน้ำ เสียงนี้ เพราะฉะนั้นที่เธอสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศก ของเขานั้นเธอรู้สึกผิดไปรึเปล่านะ?

หลังจากนั้นเสิ่นเฉียวก็ไม่ได้ขยับอีก ให้เขานั่งพิง ไปเงียบๆ แบบนั้น แม้แต่…ยกมือขึ้นมาด้วยความปวด ใจ แล้วก็วางไว้ตรงหลังของเย่โม่เซินช้าๆ

ตอนที่พึ่งจะวางลงไปนั้น เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่าร่าง กายของเย่โม่เซินสั่นอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ ขยับอะไรอีก

ทั้งสองคนนั่งเงียบๆ อยู่แบบนั้น เยโม่เซินซบ ไหล่เธอตลอด หลังจากนั้นไม่นานการหายใจของเขาก็ สม่ำเสมอขึ้น

เสิ่นเฉียว : ” ? ? ?”

นี่เขาหลับแล้วหรอ? เสิ่นเฉียวแอบก้มมองเขา ก็ เห็นว่าใต้ตาของเขาดำมาก เหมือนกับว่าช่วงนี้น่าจะไม่ ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่

และแล้วเสิ่นเฉียวก็ใจอ่อนยวบ ปล่อยให้เขาซบ ตัวเองแล้วพักผ่อนอยู่แบบนั้น ไม่กล้าขยับเลย

และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใด นั้นก็มีคนเคาะประตูห้องทำงาน หลังจากนั้นเซียวซู่กับ เย่หลิ่นหานก็เดินเข้ามา ตอนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้นั้น คำพูดที่ริมฝีปากของทั้งสองคนก็หยุดลงทันที หลังจาก นั้นเซียวซู่ก็เบิกตาโพลงมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ อยากจะเชื่อ แล้วก็ชี้นิ้วไปที่เธอ
“คุณนายน้อยสอง นี่คุณกับคุณชายสอง….

“ชู่” เสิ่นเฉียวยื่นมือมาวางตรงปากของตัวเอง หมายความว่าให้เซียวซู่เงียบ

เซียวซู่ก็เลยต้องหุบปาก เสิ่นเฉียวถึงได้โล่งอก หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีสายตาที่แผดเผาจ้องมาที่ ใบหน้าของเธอ เธอก็เลยมองไป เสิ่นเฉียวถึงได้เห็นว่า คนที่เข้ามาไม่ได้มีแค่เซียวซู่ แต่ยังมีเย่หลิ่นหานอีกด้วย

เขาจ้องพวกเขา หลังจากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ ที่เสิ่นเฉียว ใบหน้าที่เดิมที่อ่อนโยนอยู่นั้น หลังจากเห็น ภาพเหตุการณ์นี้ก็ดูโกรธเล็กน้อย ขมวดคิ้วเข้าหากัน

เซียวซู่กระแอมออกมา “ในเมื่อคุณชายเย่กับ คุณนายน้อยสองยุ่งอยู่ งั้นพวกเราออกไปก่อนเถอะ ครับ”

เย่หลิ่นหานยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน น้ำ เสียงเย็นชาลงเล็กน้อย “ฉันมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษากับ โม่เซิน”

เซียวซู : “…รองประธานเย่ แต่ว่า…..

“เวลาทำงาน แล้วนี่คือทำอะไรกัน?” เย่ หลิน หาน เตือนอย่างไม่พอใจ เสียงของเขาไม่ดังไม่เบา แต่ว่า สามารถลอยไปถึงทั่วทุกมุมในห้องทำงาน

เซียวซู “รองประธานเย่ นี่คือห้องทำงานของคุณ ชายเย่นะครับ คุณชายเย่อยากจะทำอะไรก็ทำแบบนั้น

แหละ”
“แต่ว่าเขาอย่าลืมนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นห้อง ทำงานของเขา แต่ว่ามันก็เป็นบริษัทของตระกูลเย่ เหมือนกัน! ”

จู่ๆ ก็เหมือนเกิดไฟไหม้ในห้องทำงาน แม้แต่เสิ่น เฉียวก็ยังรู้สึกหวาดกลัว มองไปที่เยหลิ่นหานที่กำลัง โกรธด้วยความงุนงง คนที่ปกติอ่อนโยนราวกับหยก ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวง่ายแบบนี้ล่ะ?

เธอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลับมา เยโม่เซินก็ขยับ แล้วเสียงของเขาก็ดังออกมา จากไหล่ของเธอ

“รองประธานเย่มาโมโหโทโสที่ห้องทำงานของ ฉันแต่เช้าขนาดนี้ ไปได้รับการยั่วยุมาหรอ?”

เยโม่เซินน่าจะพึ่งตื่น เสียงของเขาทุ้มและมี เสน่ห์ แค่ได้ยินเสียงเฉียวก็ใจสั่น

ในที่สุดร่างสูงก็ขยับ เย่โม่เซินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มา ดวงตาสีหมึกของเขาจ้องไปที่เย่หลิ่นหานอย่างดุ เดือดและรุนแรง

เย่หลิ่นหานสบตาเขาอย่างไม่ได้เกรงกลัว สายตาของทั้งสองคนเยือกเย็นเหมือนกัน

“คุณปู่ยกบริษัทตระกูลเย่ให้นาย แต่ไม่เคยบอก ว่าให้นายทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้รึเปล่า? “เย่หลิ่นหานเดิน ไปตรงหน้าโต๊ะทำงานแล้วนั่นลง พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ ดังไม่เบา

เย่โม่เซินยกมุมปากขึ้น “อะไรเรียกว่าก่อความวุ่นวาย? ทุกการตัดสินใจของฉันเยโม่เซิน ก็เพื่อบริษัท ตระกูลเย่ทั้งนั้น ไปก่อความวุ่นวายเมื่อไหร่กัน? ”

“ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน นายทำอะไรอยู่?”

เยโม่เซินเลิกคิ้ว “นายก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ? ”

หลังจากพูดจบ มือของเขาก็โอบเอวของเสิ่น เฉียว แล้วก็บีบแน่น เส้นเฉียวไม่ทันคาดคิด ก็อุทานออก มาด้วยความตกใจ

เย่หลิ่นหานเห็นดังนั้น ก็กำมือแน่น

“นาย…”

“พี่ใหญ่กำลังโกรธอะไรอยู่หรอ? ฉันเย่โม่เซินก อดภรรยาของตัวเอง เพราะว่าทำงานจนเหนื่อยก็เลยซบ เธอแล้วหลับไปแค่แป๊บเดียวมันจะทำไมกัน? ”

เย่หลิ่นหานเม้มปากแน่น พยายามกดความโกรธ ไว้ “ไม่มีกาลเทศะ! ถ้าเกิดว่ามีคนอื่นมาเห็นเข้า…”

“แบบนี้คือไม่มีกาลเทศะงั้นหรอ? ผมก็แค่กอด เธอแล้วนอนหลับไปแค่นั้นเอง ถ้าเกิดว่าผมจะทำอะไร กับเธอ ….ที่แนบแน่นกันมากกว่านี้ พี่ใหญ่จะคิดยังไง หรอ? ” ตอนที่พูดอยู่นั้น เยโม่เซินก็จงใจขยับเข้าไปใกล้ เสิ่นเฉียว ริมฝีปากที่เรียวบางไล้ไปตรงใบหน้าของเธอ อย่างอ้อยอิ่ง

ภาพตรงหน้าทำให้เกิดผลกระทบต่อสายตาของ เย่หลิ่นหาน เขามองไปที่เสิ่นเฉียว ตอนแรกนึกว่าจะเห็น ความอัปยศบนใบหน้าของเธอ ใครจะไปรู้ว่าสีหน้าของเธอกลับนิ่งเรียบมาก ไม่ได้มีสีหน้าอะไรเลย

“นี่คือข้อมูล นายอ่านเองแล้วกัน” เขาทั้งประโยคนี้ไว้ หลังจากนั้นก็เดินออกไป

หลังจากเย่หลิ่นหานออกไปแล้ว เซียวซู่ก็รีบออก จากห้องทำงานไปเหมือนกัน ในห้องทำงานก็เหลือแค่ คนสองคน เสิ่นเฉียวไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย มีแต่เธอ เท่านั้นที่รู้ว่า ตอนนี้ใจของเธอมันเต้นแรงแค่ไหน

เยโม่เซินจงใจทำกับเธอแบบนี้ต่อหน้าเย่หลี่ นหาน ก็เพื่อจะแสดงละคร เพื่อยั่วให้เขาโกรธเท่านั้น

หลังจากเขาไปนั้น เย่โม่เซินก็น่าจะกลับมาเป็น เหมือนเดิม

พอคิดแบบนี้ เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ รอเงียบๆ

แต่ใครจะไปรู้ว่าเย่โม่เซินกลับพยุงให้เธอลุกขึ้น ไปทำงานเถอะ เลิกงานแล้วรอฉันด้วย พวกเรากลับ บ้านพร้อมกัน

เส้นเฉียวงุนงงซักพัก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ พยัก หน้า “โอเค”

หลังจากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกอย่างชาๆ กลับ ไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองหลังจากนั้นก็นั่งลง ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น คว้าแล้วของเธอแล้วก็เดินออก ไป

ทันใดนั้นเส้นเฉียวก็ตั้งสติได้ เห็นว่าคนที่จับเธอไม่ใช่ใครอื่นแต่ว่าเป็นเย่หลิ่นหาน สีหน้าของเธอก็ เปลี่ยนไปทันที “นายจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ! ”

เย่หลิ่นหานดึงเธอเข้าไปในลิฟต์โดยไม่พูดอะไร ซักคำ กดปุ่มไปที่ชั้นของตัวเอง เสิ่นเฉียวเห็น สถานการณ์ดังนั้น ก็กลับสงบนิ่ง “พี่ใหญ่ สรุปแล้วมีเรื่อง อะไรหรอคะ?”

เย่หลิ่นหานสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก “ฉันอยาก ช่วยเธอ ช่วยย้ายตำแหน่งให้เธอ เธอไม่เห็นด้วยก็ แล้วไป แต่ทำไมต้องอยู่ข้างๆ เขาด้วย? หรือว่า เธอไม่ ได้รู้สึกอัปยศเลยแม้แต่นิดเดียว?”

“อัปยศงั้นหรอ? ”

“ก็เห็นได้ชัดอยู่ว่าเขาจงใจใช้เธอเพื่อเล่นละคร ให้ฉันดู เฉียวเฉียว แบบนี้เธอก็ไม่สนใจงั้นหรอ? ผู้ชาย คนหนึ่งถ้าเกิดว่าไม่สนใจที่จะทะนุถนอมผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่ข้างๆ เขาไปตลอดชีวิตก็ไม่มีวันมีความสุขหรอก!

เส้นเฉียวดูมึนงง หลังจากนั้นก็ดึงมือกลับมา

อย่างใจเย็น

“มันเป็นเรื่องของฉัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ