เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1409 เธอเหมือนโรคจิตสะกดรอยตาม



บทที่ 1409 เธอเหมือนโรคจิตสะกดรอยตาม

ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน

สวี่เย็นหวั่นหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง พลางเก็บกระจก และ เตรียมออกไปจากโรงพยาบาล

ด้านหน้ามีเงาของคุ้นเคยเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อสวี่เย็นหวั่นลองมองดู จึงหยุดเดินทันที

เพราะคนที่เดินผ่านหล่อนไปไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสี่ยวเหยีย นทีนอนฝันร้ายมาทั้งคืน จึงอยากมาตรวจที่โรงพยาบาล

เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนอยู่ที่นี่ และสีหน้าท่าทางยังดูรีบร้อนมาก สวี่เย็นหวั่นจึงรู้สึกสงสัยขึ้นมา หล่อนมาทำอะไรที่โรงพยาบาล ตอนนี้? อีกทั้งยังมาคนเดียวอีกด้วย

คงเป็นเพราะหล่อนคือศัตรูหัวใจของตัวเอง สวี่เย็นหวั่นจึงจับ สังเกตเสี่ยวเหยียนเป็นพิเศษ เธอถือกระเป๋าเดินตามเสี่ยวเหยี ยนไปอย่างเงียบๆ

จากนั้น สวีเย็นหวั่นเห็นเสี่ยวเหยียนเดินเข้าไปที่แผนกสูติ นรีเวช จึงเกิดความรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

ทั้งๆที่หล่อนยังไม่ได้แต่งงาน แล้วมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวช ตอนนี้ล่ะ? และยังเดินด้วยท่าทีรีบร้อนอีกด้วย หรือว่า…

จู่ๆก็มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามา สวี่เย็นหวั่นตกใจขึ้นมาทันที เบิกตากว้าง ยืนตกตะลึงราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

หล่อนยังไม่ได้แต่งงาน แต่มาที่แผนกสูตินรีเวชในตอนนี้ คงมี เพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือหล่อนอาจจะท้อง

สวีเย็นหวั่นเลือดขึ้นหน้าทันที จ้องมองแผ่นหลังของเสี่ยวเหยี ยนจนชาไปหมดทั้งตัว ความอิจฉาที่ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ความไม่ยินยอม โมโห เคียดแค้น ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งใน ทันที แผ่ซ่านออกไปราวกับเปลวไฟที่ลุกโซนไปทั่วทุกพื้นที่ อารมณ์และสติของหล่อนในตอนนี้แทบจะถูกเผาจนมอดไหม้ วอดวายไปหมดแล้ว

เป็นแบบนี้ได้อย่างไร เป็นแบบนี้ได้อย่างไร!?

ทำไม พระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมกับหล่อนแบบนี้! ทำไม?

สวี่เย็นหวั่นยืนอยู่ที่เดิม แต่ในใจกับเรียกร้องอย่างบ้าคลั่ง ถ้า ตอนนี้มีกระจก หล่อนก็จะเห็นหน้าตาอันเรียบนิ่งและสงบของตัว เองในทุกๆวันกลับกลายเป็นความดุร้ายอย่างเหี้ยมโหด

หล่อนเป็นคนแรกที่อยู่ข้างกายของหานซึ่งต่างหาก แต่หล่อน หายไปเพียงแค่หนึ่งปี ทำไมเรื่องทั้งหมดถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ล่ะ

หล่อนไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อแม่ ผู้ชายที่รักมากที่สุดก็รั้งไว้ไม่ อยู่ หล่อนยังจะมีศักดิ์ศรีอะไรใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีก

ทําไม ทําไมกัน?

สวี่เย็นหวั่นรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายและจิตใจของ ตัวเองได้ ตัวสั่นไปทั้งตัว แต่กลับค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาเสี่ยวเหยียนทีละก้าว

หล่อนท้องแล้ว งานแต่งก็ใกล้เตรียมเสร็จแล้ว ชีวิตนี้สวี่เย็น หวั่นคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ทำไมล่ะ? เธอชอบทานซึ่งมากขนาดนี้ เธอยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เก่งขึ้นเพื่อหานชิง ปฏิเสธคนที่ ตามจีบไปอย่างมากมาย

เมื่อก่อนมีคนตามจีบหล่อนเยอะมาก แต่ไม่มีใครเทียบเท่า หานชิงได้เลย ดังนั้นสวี่เย็นหวั่นจึงตัดสินใจปฏิเสธพวกเขา ทั้งหมด อีกทั้งยังคงเชื่อมั่นว่า ขอเพียงแค่ตัวเองอดทนพยายาม ต่อไป ต้องมีสักวันที่หานซึ่งจะเห็นถึงความพยายามของตัวเอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องทั้งหมดกลับเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้เพิกเฉยเย็นชา เขาเพียงแค่ไม่อยากรักตัวเองเท่านั้น

เสี่ยวเหยียนรับการตรวจเสร็จ เมื่อคุณหมอบอกว่าเด็กในท้อง ยังแข็งแรงอยู่ หล่อนจึงรู้สึกสบายใจโล่งอกขึ้นมา แต่ยังคงมี เรื่องที่ไม่สบายใจจึงถามต่อ: “แต่เมื่อวานฉันเกือบล้มลงไป ตอน กลางคืนยังฝันร้ายอีกด้วย แล้วทำไมถึงรู้สึกปวดท้องได้คะ? ต้อง อยู่รักษารึเปล่าคะ?”

คุณหมอยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาขึ้น พูดด้วยท่าที่จริงจัง: “คุณ โจว ลูกของคุณปกติดีทุกอย่าง ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วไม่มี อะไรครับ อาการที่คุณบอกคงเป็นเพราะตื่นกลัวมากเกินไป ทำใจให้สบายถือเป็นเรื่องดีที่สุดครับ อ่านนิตยสารเกี่ยวกับเด็ก เยอะๆ ฟังเพลงสบายๆ ไม่ต้องคิดมาก”

เสี่ยวเหยียนจึงพยักหน้าลง “ขอบคุณค่ะ”
สรุปว่าทุกอย่างปกติดี เสี่ยวเหยียนจึงนำรายงานกลับไปที่ บ้าน

หลังจากที่หล่อนออกไปแล้ว สวีเย็นหวั่นจึงเดินออกมาจาก ซอกมุมหนึ่ง จากนั้นมองตามทางที่เสี่ยวเหยียนเดินออกไป ความรู้สึกของหล่อนเศร้าโศกราวกับมีหมอกมีดปกคลุมไว้

ที่แท้ก็ท้องแล้ว เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่า ชีวิตของหล่อนจะโชคดี

ขนาดนี้

ไม่เปรียบเทียบไม่เป็นไร พอเปรียบเทียบขึ้นมาช่างน่าเวทนา เหลือเกิน

เพราะสวีเย็นหวั่นสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังของบ้าน เสี่ยวเหยียน หรือชีวิตในแต่ละด้านของหล่อน เทียบไม่ได้กับตัว เองเลย สวี่เย็นหวั่นเล่นเปียโนได้ พูดได้สี่ห้าภาษา เต้นรำ ทำ ธุรกิจ หล่อนมีความสามารถในการดำรงชีวิตมากมาย แต่ทำไม กลับเทียบไม่ได้กับผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง

หล่อนไม่รู้จริงๆว่ามีสิ่งไหนที่ตัวเองเทียบไม่ได้กับเสี่ยวเห ยียน?

ยิ่งคิด สวีเย็นหวั่นยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยามากขึ้น หล่อนไม่รู้เลยว่า ตัวเองออกมาจากโรงพยาบาลได้อย่างไร เพียงแค่รู้ว่าตอนออก มา ด้านนอกก็มืดลงแล้ว และดูเหมือนว่าฝนใกล้จะตกอีกด้วย

สวีเย็นหวั่นหยิบมือถือออกมา อยากโทรศัพท์ไประบายความ เศร้า
แต่สมุดรายชื่อที่อยู่ในมือถือ กลับไม่มีใครให้โทรไประบาย ได้เลย

พ่อแม่ที่คอยปลอบใจและห่วงใยหล่อนในอดีตก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนหานซึ่ง เขาก็ไม่สนใจอะไรหล่อนแม้แต่น้อย

สวีเย็นหวั่น เธอล้มเหลวมากจริงๆ เธอคิดว่าเธอมีชีวิตที่เลิศ เลอ เป็นเจ้าหญิง แต่สุดท้ายแล้ว เธอได้อะไรกลับมาล่ะ?

เธอไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้แม้แต่เงินก็ยังไม่มี คิดอยากจะ สร้างตระกูลสขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นความช่วย เหลือจากคนอื่น และยังต้องพึ่งมูลนิธิช่วยเหลือคนยากจน เธอยัง มีสิทธิ์อะไรไปแย่งผู้ชายของคนอื่นล่ะ?

เปรี้ยง—

ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา คนที่เดินอยู่ตามทางเห็นเช่นนั้นต่าง พากันวิ่งไปหลบฝน บางคนพกร่มไว้ก็กางร่มออกทันที ไม่นานนัก คนที่เดินผ่านไปมาจอแจวุ่นวาย กลับเหลือเพียงแค่สวีเย็นหวั่นที่ ยืนอยู่คนเดียวลำพัง น้ำฝนค่อยๆตกลงบนหัวและหน้าเธอที่ ละเม็ด

ฟ้าร้องเสียงดังมาก ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก ผู้คนแออัดคับคั่ง หล่อน ตากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนแทบลืมตาไม่ขึ้น มองไปข้างหน้า เห็นเพียงภาพอันเลือนราง บ้านของหล่อน…อยู่ที่ไหนกันแน่?

นาที่หยดลงบนใบหน้าของหล่อน แทบแยกไม่ออกว่าเป็นน้ำ ฝนหรือน้ำตา สวี่เย็นหวั่นเดินตรงไปข้างหน้าด้วยความยาก ลำบาก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆก็มีร่มคันหนึ่งมาบังไว้บนหัวของหล่อนไว้

สวีเย็นหวั่นตกใจตะลึง หยุดอยู่ตรงที่เดิม

เวลาแบบนี้ ยังมีคนมาบังฝนให้หล่อนด้วยเหรอ? สวีเย็นหวั่นเงยหน้าขึ้นมาด้วยความมึนงง จากนั้นหันไปสบตา กับสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ไม่ต้องเดินไปข้างหน้าแล้ว ฝนตกหนักมาก ผมไปส่งคุณกลับ บ้านดีกว่า”

ตอนนั้นสวีเย็นหวั่นจึงเห็นผู้ชายตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เขา คือผู้ชายที่ตามจีบหล่อนมาตลอดหลายปี เพียงแต่เขาอยู่ต่าง ประเทศไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะ อีกทั้งเขารู้ได้ยังไง ว่าหล่อนอยู่ที่นี่?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวี่เย็นหวั่นจึงเบิกตาโตกว้าง: “นายสะกด รอยตามฉัน?”

เมื่อพูดจบ หล่อนก็สะบัดเขาออกอย่างเต็มแรง โยนร่ม ในมือ ทิ้ง “นายออกไปให้พ้น ไอ้โรคจิตสะกดรอยตาม!”

หลังจากที่ฝ่ายชายถูกผลักออกไป จึงรีบหยิบร่มเดินไปด้าน หน้าและกาง ให้หล่อน จับมือหล่อนไว้แน่น ไม่ต้องโวยวายแล้ว คุณไม่ค่อยสบาย ยืนตากฝนต่อไปเดี๋ยวเธอก็ไม่สบายหรอก!”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!” สวี่เย็นหวั่นตวาดใส่เขาเสียงดัง “เรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง นายไม่ต้องคิดว่ามาทำดีกับฉัน ตอนนี้ แล้วฉันจะชอบนาย เหอเหลียนจึง นายมาทำตัวเสแสร้งหลอกลวงอะไรต่อหน้าฉัน? นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายคนผู้ หญิงมาแล้วกี่คน? ผู้ชายที่ไม่เคารพศักดิ์ศรีผู้หญิงอย่างนาย เปลี่ยนแฟนบ่อยเหมือนเปลี่ยนเสื้อ ถึงแม้ว่าฉันจะตกต่ำไม่เหลือ อะไรแล้ว แต่ฉันก็มองนายไม่ขึ้นหรอกนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เห้อเหลียนจึงจึงยิ้มออกมาด้วยความ เหนื่อยใจ และจับมือสวี่เย็นหวั่นไว้แน่น เลิกคิ้วขึ้น ดังนั้น เธอ จึงมองเพียงแค่ผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะมองเธอสักนิดเลย?

สวี่เย็นหวั่นมองเขาพลางกัดริมฝีปากด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว “นายหุบปากเดี๋ยวนี้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ