เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 341 ไม่มีอะไรที่เป็นภาระผูกพัน



บทที่ 341 ไม่มีอะไรที่เป็นภาระผูกพัน

“แกดูถูกใครไว้แกก็รู้อยู่แก่ใจดี ก่อนหน้านี้ตระกูล เราทำกับแกไว้ยังไง แกจะบอกว่าแกไม่รู้เลยอย่างงั้น หรือ? ตอนนี้แกต้องการจะเปลี่ยนเป็นพี่ใหญ่ตระกูล หาน แม่ลากฉันมาที่โรงแรมและพูดกับแกไปแค่ไม่กี่คำ แกก็ทนไม่ได้ซะแล้ว แถมที่แกพูดเมื่อกี้มันหมายความ ว่ายังไง? แกคิดว่าแม่แค่ต้องการเงินงั้นสินะ? ฉันบอก แกไว้เลยนะ พวกเราน่ะไม่ใช่คนแบบนั้น!

เสิ่นโย่วโกรธจนทนไม่ไหว เนื่องจากชะตากรรม ของทั้งสองคนนั้นไม่เท่าเทียม เธอรู้สึกราวกับว่าตนนั้น ถูกพระเจ้าทอดทิ้งแล้ว คุณแม่เสิ่นใช้ความพยายาม เป็นอย่างมากกว่าจะเกลี้ยกล่อมเธอได้ แต่ใครจะรู้กัน ว่าตอนนี้เธอกลับมาระเบิดอารมณ์เช่นนี้

“โย่วโย่ว อย่าพูดอะไรไร้สาระสิ” คุณแม่เสิ่นรีบ จับแขนของเธอและเดินไปข้าง ๆ “ก่อนหน้านี้เธอ ตกลงกับแม่ไว้ว่าอะไร? 12

“แต่แม่ดูความหยิ่งผยองของเธอสิ นี่ขนาดตอนนี้ ยังไม่ได้เข้าเป็นตระกูลหานเลยนะ ถ้าเธอเข้ามา ตระกูลหานแล้วล่ะก็ เธอจะไม่เหยียบหัวพวกเราซะจม ดินเลยหรอกเหรอ? ”

เสิ่นเฉียวที่ฟังอยู่อีกด้านก็ทำตัวไม่ค่อยถูก เธอที่ เพิ่งตื่นขึ้นมาดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก

เธอไม่อยากที่จะให้พวกเขารู้สึกไม่ดี แต่เธอเองก็ไม่ชอบคุณแม่เสิ่นที่วันๆ เอาแต่พูดถึงเรื่องในอดีตต่อ หน้าเธอ ทุกคนต่างก็อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี ทำไม เสิ่นเฉียวจะไม่รู้ว่าเธอนั้นต้องการอะไร

ที่คุณแม่เสิ่นต้องการก็มีแค่เงินเท่านั้น

หลังจากที่ได้จากทางเธอไป 3 แสน เธอก็ยังคิดที่ จะมาเอาเงินจากตนอีก รวมไปถึงเงินเก็บหลายหมื่น ของเธอ ต่างก็ถูกคุณแม่เสิ่นเอาไปจนหมด

“เฉียวเฉียวเมื่อกี้เธอบอกว่า….ควรที่จะให้ความ ยุติธรรมกับฉัน ตระกูลหานนั้นจะไม่ปล่อยให้ฉันไม่ได้ รับความยุติธรรมใช่มั้ย? ” คุณแม่เสี่ยสนที่ไหนกันว่าที่ เสิ่นเฉียวพูดนั้นจะน่าฟังหรือไม่น่าฟัง ในใจของเธอนั้น มีแต่เงินเท่านั้น นี่ก็ผ่านมา 4-5 วันแล้ว ตอนแรกพูดไป ชัดเจนว่า 5 ล้านเธอกลับไม่เห็นการตอบกลับมาสักคำ ในใจของคุณแม่เสิ่นนั้นร้อนรนเป็นอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากที่จะได้เงิน 5 ล้าน เธอแค่รู้สึก ว่า 5 ล้านนั้นยังไม่พอ ตระกูลหานร่ำรวยขนาดนั้น น่า จะได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย

“แม่! ” เสิ่นโย่วโกรธหนัก ทำปากมุ่ย: “แม่อย่า ไปอยากได้เงินจากเธอเลย แม่ดูท่าทีเธอสิ พวกเราไม่ ต้องการเงินพวกนั้นหรอก!

“โย่วโย่ว เธอหุบปากไปเลยนะ! เธอจะเข้าใจ อะไรกัน? ”

คุณแม่เสิ่นดึงตัวเสิ่นโย่วไปอีกด้าน หลังจากนั้นก็เดินตรงขึ้นมา: “เฉียวเฉียวไม่ใช่ว่าแม่เห็นแก่เงิน หรอกนะ เพียงแค่แม่เลี้ยงดูเธอมาก็นานหลายปี ก็ควร ที่จะมีอะไรชดเชยบ้าง ตอนแรกนายหานบอกว่าจะให้ แม่ 5 ล้าน แต่ว่าเธอลองคิดดูสิ…นอกจากที่แม่เลี้ยงดู เธอจนโตขนาดนี้แล้ว ก็ยังส่งเธอเรียนด้วยใช่มั้ยล่ะ? แล้วก็ยังถ้าไม่ใช่เพราะโย่วโย่ว เธอเองก็คงจะเป็น คุณนายน้อยของตระกูลเย่ไม่ได้ เธอลองดูสิพวกนี้นะ จริง ๆ แล้วเป็นการช่วยที่อาจมองไม่เห็นนะ ใช่มั้ย ล่ะ? ”

เสิ่นเฉียวฟังชัดแล้ว เธอนั้นคิดว่าได้เงินน้อยไป และต้องการขอเงินจากเธออีก

“งั้นคุณนายเสิ่นคิดว่า ….ตระกูลหานควรจะให้ เท่าไร? ”

เมื่อคุณแม่เสิ่นได้ยิน ทันใดนั้นแววตาก็ลุกเป็น ประกาย: “อันที่จริงก็ไม่ต้องมากอะไรนัก แค่สัก 50 ล้านก็พอแล้ว แล้วก็ ….โย่วโย่วน่ะเป็นน้องสาวของเธอ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะได้รับการดูแลจากตระกูลหาน บ้าง”

50 ล้าน…

เสิ่นเฉียวทำตาจริงจังขึ้นมา และหัวเราะเบา ๆ : “คุณประเมินค่าตัวฉันสูงเกินไปแล้ว ถ้าหากคุณไม่ได้ ขายฉันให้กับตระกูลหาน คิดว่าจะมีค่าถึง 50 ล้านมั้ย ล่ะ? ในตอนแรกที่แม่ขายฉันให้ตระกูลเย่ ก็ไม่ได้ ราคาขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ? ”
“นั่นมัน….”

ทันใดนั้นคุณแม่เสิ่นก็อึ้งนิ่งไป ในตอนแรกที่ แต่งงานกับตระกูลเสิ่น เป็นที่แน่นอนว่าเธอนั้นได้รับ เงินมาแล้ว และแน่นอนว่าไม่ถึง 50 ล้าน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น คุณแม่เสิ่นก็รีบพูดขึ้น: “วันนี้ กับเมื่อก่อนมันเทียบกันไม่ได้นะ ตอนนั้นเธอแต่งงาน เป็นครั้งที่สองเข้าใจใช่มั้ย? แต่ว่าตอนนี้มันไม่เหมือน กัน เธอน่ะเป็นลูกสาวโดยสายเลือดของตระกูลหาน สามารถขอเพิ่มได้อีกหน่อย”

เสิ่นเฉียว

เสิ่นโย่วที่อยู่อีกด้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่ จะกัดปากและเบิกตาโต: “แม่ ความหมายของแม่ก็ คือ …ตอนแรกที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลเย่นั้นคือการ ขายอย่างงั้นเหรอ? งั้นถ้าในตอนนั้นไม่มีเธอ แล้วคนที่ ต้องแต่งงานเป็นหนู แม่ก็จะขายหนูไปเหมือนกันอย ย่างนั้นสินะ? ”

เมื่อได้ยิน คุณแม่เสิ่นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “โย่วโย่ว เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ อะไรกันที่ เรียกว่าขาย? พวกเธอพูดจาอะไรกัน นั่นน่ะคือ สินสอด ฝ่ายเจ้าสาวน่ะก็ต้องได้รับสินสอดอยู่แล้วถูก มั้ย? ตระกูลเย่นะเป็นตระกูลใหญ่ จึงให้สินสอดมา มาก มีที่ไหนกันที่ฝ่ายเจ้าสาวจะไม่รับสินสอด? ”

เสิ่นเฉียวที่พิงอยู่ที่กำแพง ก็ตอบกลับไปตรง ๆ
“สินสอดงั้นเหรอ? ให้ลูกสาวแต่งงานก็ต้องการ สินสอดแพง ๆ ตอนนี้ขายลูกสาวก็ต้องการราคาสูง ๆ งั้นสินะ? คุณนายเสิ่นวางใจเธอ วันนี้คุณกลับไปก่อน เรื่องราวจะเป็นยังไงถึงเวลาแล้วเดี๋ยวฉันจะแจ้งคุณอีก ที”

ขณะที่พูดนั้น ดวงตาและมุมปากของเสิ้นเฉียว ต่างก็แสดงออกได้ถึงการหัวเราะเยาะเย้ย

แต่เธอนั้นหาได้เยาะเย้ยผู้อื่นผู้ใดไม่ แต่เป็นการ หัวเราะเยาะเย้ยตนเอง

คงจะเป็นเพราะเธอนั้นเป็นลูกสาวที่ดีไม่ได้ และ เป็นเพราะเธอนั้นล้มเหลวในฐานะของลูกสาว ถึงได้ ทำให้คุณแม่เสิ่นคิดที่จะแลกตัวเธอกับเงินอยู่นับครั้ง ไม่ถ้วน โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ความเป็นความ ตายของเธอเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคุณแม่เสิ่นได้ยินว่าเธอจะมาแจ้งให้ตนทราบ ความไม่สบายใจเพราะรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงและความไม่ พอใจของเธอนั้น ก็มลายหายไปกับสายลม เธอพยัก หน้า: “อิ้ม งั้นเธออย่าลืมมาแจ้งฉันนะ ฉันจะกลับไป รอฟัง แล้วก็อย่านานเกินไปล่ะ เธอเองก็รู้ดีว่าคนที่ช่วย ตามหนี้นะน่ากลัวแค่ไหน แค่ส่งช้าไปไม่กี่วันเธอก็คง ไม่ได้เจอฉันแล้ว”

เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่มองเธอด้วย สายตาอันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง คุณแม่เสิ่นก็เหมือนกับรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด ทำได้เพียงกระแอมออกมาเบา ๆ และ พูดขึ้น : “งั้นฉันกลับก่อนล่ะ จริงด้วย เธออยู่ที่นี่คน เดียวคงจะเหงาสินะ ฉันให้โย่วโย่วอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ ดีกว่า”

เดิมที่เสิ่นเฉียวคิดจะพูดว่าไม่ต้อง แต่ว่าในตอนที่ สายตามองไปที่เสิ่นโย่ว เธอก็รู้สึกใจอ่อน

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับเธอแล้วนั่นก็เป็นเพียง สามีภรรยาตระกูลเสิ่นเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์อะไร กับเธอ

เสิ่นโย่วไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนนั้นไม่ใช่พี่สาวโดย สายเลือดของเธอ

เธอนั้นทำตัวเป็นเหมือนกับพี่สาวแท้ๆ ของตนมา โดยตลอด

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเสิ่นเฉียวก็ไม่พูดอะไรต่อ และ หลังจากที่คุณแม่เสิ่นจากไป เสิ่นโย่วก็ยืนอยู่คนเดียว อยู่กับที่ เธอมองไปที่เสิ่นเฉียวอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็พูด ขึ้น : “เธอน่ะไม่ชอบฉัน ทำไมถึงจะให้ฉันอยู่ที่นี่ ล่ะ? ”

เมื่อได้ยิน เสิ่นเฉียวก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ ยากจะอธิบาย : “โย่วโย่ว ฉันถามเธอหน่อย เรื่องที่ ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเสิ่น เธอรู้เรื่องนี้มา ตั้งแต่เด็กแล้วใช่มั้ย? ”

เสิ่นโย่วเบิกตากว้าง “นั่นมันจะเป็นไปได้ยังไง?พวกเขาเองก็ปิดบังฉันไว้เหมือนกัน ฉันเองก็เพิ่งรู้เรื่อง นี้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง เห้อ! ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใจของ เงินโย่วก็สงบไม่ได้อีกต่อไป “มันช่างน่าโมโหจริง ๆ ชัด ๆ อยู่ว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวคนโตอันล้ำค่า พวกเขา กลับเอาเธอกลับมาเลี้ยงดู ช่วงหลายปีมานี้ก็เสียเงิน ไปกับเธอไม่รู้ตั้งเท่าไร แล้วที่สำคัญที่สุดนะ….ทำไม คนคนนั้นไม่ใช่ฉันกัน? ”

คำพูดช่วงหลังนั้นตัวเธอพึมพำออกมาเบา ๆ คน เดียว เสิ่นเฉียวได้ยินไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะฟังออกว่า เธอพูดประมาณว่าโกรธมาก เธอเดินไปทางเสิ่นโย่ว ด้วยท่าทีที่วางตัวไม่ถูกนัก

“ฉันรู้ดีว่าหลายปีมานี้เธอน่ะคิดกับฉันเหมือนกับพี่ สาวจริง ๆ แต่ว่าพวกเขาน่ะไม่เหมือนกัน พวกเขาน่ะรู้ กันตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ดังนั้น…..ก็เลย ให้ฉันไปทำเรื่องต่าง ๆ แทนเธออยู่เป็นประจำ”

“ฉันเข้าใจดีว่าตอนนี้จิตใจของพี่สาวน่ะคงไม่ค่อย สงบนัก แต่ว่า …การเป็นพี่สาวน่ะก็ต้องดูแลน้องสาวสิ ถึงจะเป็นสายเลือดเดียวกันจริง ๆ เองก็ต้องเป็นอย่าง ะ นั้น!

“โย่วโย่วบนโลกนี้น่ะ ไม่มีอะไรที่เป็นภาระที่ ต้องทำหรอกนะ รวมไปถึงเรื่องที่บอกว่าเป็นญาติกัน ที่ ฉันทำดีกับเธอน่ะ …ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นพี่สาว แต่ว่า เป็นเพราะฉันถือว่าเธอน้องสาวของฉันต่างหากล่ะ ดัง นั้นฉันถึงได้ยินดีที่จะสนับสนุนเธอ ช่วยเหลือเธอ ใจกว้างกับเธอ มันไม่ใช่เพราะว่าฉันรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ ที่ฉันต้องทำ เธอเข้าใจที่ฉันจะสื่อมั้ย? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ