บทที่ 47 เธอไม่มีอะไรเลย
ไม่มี”
เสิ่นเฉียวสำนึกผิด
เย่โม่เซินสายตายังคงเย็นชา คำพูดคำจาราวกับใบ
มีดอันแหลมคม
“ฉันหวังว่าครั้งต่อไปตอนที่เธอไปคุยงานที่ร้าน
กาแฟในฐานะผู้ช่วยของฉัน จะไม่ทำให้ฉันต้องขายขี้หน้า” พูดถึงเสื้อผ้าเธออีกแล้ว เสิ่นเฉียวหน้าซีดไปเล็ก น้อย”การแต่งตัวสำคัญขนาดนั้น ? คุณต้องมาใส่ใจกับ
เรื่องภาพลักษณ์ขนาดนี้มั้ย ? ”
“คนคนหนึ่ง ถ้าขนาดพื้นฐานในการแต่งตัวยังทำได้ ไม่ดี ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจถึงข้างใน จิตใจของเธอ”
เสิ่นเฉียว : “.”
ชักจะทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากจะเสวนาด้วยแล้ว จริง ๆ
เสิ่นเฉียวโมโหจนเริ่มทนไม่ไหว อยากจะเดินหนีไป ให้พ้นๆ แต่เห็นเย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนวีลแชร์แบบนี้แล้วก็ อ่อนไหวอย่างห้ามใจไม่ได้ เพราะถ้าเธอเดินจากไปแล้ว เขาต้องเจอเรื่องที่ยากลำบากจะทำยังไง ?
ดังนั้นจึงทำได้เพียงยืนอยู่กับที่อย่างอดทน รออยู่ นาน พนักงานก็วิ่งมาบอกกับเย่โม่เซินว่า : “คุณผู้ชายคะ เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้คุณผู้หญิงใส่กล่องเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ”
“ส่งไปตามที่อยู่นี้”เย่โม่เซินหยิบนามบัตรออกมา หนึ่งใบยื่นให้อีกฝ่าย หลังจากพนักงานรับมาก็เบิกตา โพลง : “เย่ ตระกูลเย่ ? ท่าน ท่านคือ ?”
แล้วก็พยักหน้า
“ค่ะได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ! ”
ในเมืองเป่ยน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักบริษัทตระกูลเย่ “ไปได้รึยังคะ ? “เสิ่นเฉียวไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เห็นพวกเขาคุยกันเสร็จก็ถามขึ้นมา
เย่โม่เซินตอบแค่เสียงอื้ม เสิ่นเฉียวเข็นเขาออกไป ก่อนจะเดินออกไปก็ได้ยินเสียงเม้ามอยของเหล่า
พนักงาน “น่าอิจฉาจริงๆเลยนะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ? ทำให้คุณชายเย่ซื้อเสื้อผ้ามากมายก่ายกองขนาดนี้ให้เธอ ได้ยังไงกัน?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ดูจากท่าทางของเธอน่าจะไม่มีเงิน น่ะถูกแล้ว เห้อ ถ้ามีคนยอมทำแบบนี้กับฉันบ้างก็ดีสิ”
“ทำไมซินเดอเรลล่าถึงได้เจอกับเจ้าชายตลอดเลย นะ ? ทำไมพวกเราไม่มีบ้าง ?”
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เสิ่นเฉียวแอบกำหมัดแน่น ตำ นานซินเดอเรลล่ากับเจ้าชาย !
บางที เส่นเฉียวเธอเป็นซินเดอเรลล่าจริงๆก็ได้ อย่างไรก็ตามเธอไม่มีอะไรเลย พ่อแม่ก็ไม่รัก แต่ว่า เสิ่น เฉียวเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เย่โม่เซิน ไม่ใช่สามีของเธออย่างเด็ดขาด
มีประโยคหนึ่งที่หานเส่โยวพูดไว้ถูกต้อง
เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังท้อง สำหรับเสิ่นเฉียวที่ แต่งงานเป็นครั้งที่สอง เยโม่เซิน…ก็เป็นคาถาเร่งชีวิต
หลังจากที่กลับมาถึงตระกูลเย่ เสิ่นเฉียวเดินกลับ เข้าห้องไปอย่างไม่สนใจอะไร เย่โม่เซินเดินไปห้อง หนังสือ
เสิ่นเฉียวว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงหยิบข้อมูลขึ้นมา หา หาไปหาไปเธอก็คิดอะไรบางอย่างได้อย่างคาดไม่ถึง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์และคว้ากระเป๋าออกไป
ตระกูลเย่
“แม่คะ ทำไมข้าวเย็นแม่ทำของที่หนูไม่ชอบอีก แล้วล่ะ ? หนูไม่กินข้าวเย็นแล้ว ! “เสิ่นโย่วนั่งลงที่โต๊ะ อาหาร กำลังหยิบตะเกียบมาก็เห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ล้วนแต่เป็นอาหารที่เธอไม่ชอบทั้งสิ้น
คุณแม่เสิ่นเห็นอย่างนั้น ก็รีบลุกขึ้นมาขวางเธอไว้
“เสี่ยวโย่ว ลูกผอมขนาดนี้แล้วยังจะเลือกกินอีกเห รอ”
“แม่คะ หนูไม่ได้เลือกกิน แต่กับข้าวที่แม่ทำมามัน กินไม่ได้ แล้วแม่ดูสิว่าแม่ทำอะไรบ้าง หนูกินไม่ลง จริงๆ”เสิ่นโย่วเดินขึ้นบ้านไปแบบอารมณ์เสีย และไม่สนใจ เธออีก
“เสี่ยวโย่ว ยัยลูกคนนี้นะ…”คุณแม่เสิ่นถอนหายใจ ออกมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะอาหาร นั่งหลังแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ : “พวกเรากินกันก่อน เดี๋ยวฉัน ค่อยซื้อของที่เธอชอบขึ้นไปให้เธอ
คุณพ่อเส้นนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ สายตาค่อนข้างขุ่น เดือง : “คุณเลี้ยงเธอมา เธอก็ถูกคุณเลี้ยงมาแบบผิดๆ ดูสิ ตอนนี้กลายเป็นเด็กยังไงแล้ว ข้าวปลาไม่ยอมกินจะดีกว่า ถ้าปล่อยให้อดตายไปเลย
ได้ยินแบบนั้นคุณแม่เสิ่นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป : “สิ่ง เทียน คุณพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง ? เธอเป็นลูกสาวคุณ นะ !
“ลูกสาว 2 ลูกสาวแบบนี้จะมีไปทำไมกัน 2 ผลการ เรียนก็แย่ งานบ้านก็ไม่ช่วย แล้วยังมาเลือกนั่นเลือกนี้อีก เห้อ …. พูดถึงตรงนี้ คุณพ่อเสินก็คิดถึงเส้นเฉียวขึ้น ถอนหายใจพูดออกไป : ไม่รู้เฉียวเฉียวลูกคนนั้นจะเป็น ยังไงบ้าง
พอพูดถึงเสิ่นเฉียว คุณแม่เส้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป อีก
“เฉียวเฉียวน่าจะไม่เป็นไรนะ? ตั้งแต่ลูกแต่งงาน ออกไปก็ไม่เคยโทรกลับมาที่บ้านอีกเลย ฉันเอง ก็ไม่ กล้าโทรไปหาเธอ
“คุณนี่ก็จริงๆเลย ทำไมถึงให้เธอไปแทนเสี่ยวโย่ วกันนะ ? ลูกเพิ่งจะหย่ามาแท้ๆ !
“ทำไมคะ ? ตอนนี้มาโทษฉันแทน ? ตอนแรกฉันก็ มาปรึกษาคุณแล้วนะ ทำไมคุณไม่ว่ายังไงล่ะ ? ตอนนี้เจ็บ ปวดใจแล้ว?
คุณพ่อเสิ่นไม่ปริปาก
“คุณก็รู้จักแต่การโยนความผิด หรือการเป็นแม่คน อย่างฉันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยใช่มั้ย ? ฉันก็เจ็บปวดใจจาก เฉียวเฉียว แต่บ้านเราตระกูลเสิ่นก็มีแค่ลูกสาวสองคนนี้ เฉียวเฉียวหย่าไปแล้ว หลังจากนี้คงหาครอบครัวดีๆไม่ได้ แล้ว ฉันก็คงไม่ปล่อยให้เสี่ยวโย่วเดินตามรอบหรอกจริง มั้ย ?”
คุณพ่อเสิ่นค่อนข้างรู้สึกผิด เลยเงียบปากไป
ติ้งต่อง–
กริ่งประตูดังขึ้น
คุณแม่เสิ่นวางตะเกียบกับถ้วยในมือลง พูดเบาๆ ว่า : “น่าจะเป็นแฟนของเสี่ยวโย่วมาถึงแล้ว”
หลังจากเปิดประตู คุณแม่เสิ่นเห็นคนหลังประตูก็ ตะลึงไปเล็กน้อย”เฉียวเฉียว?”
เสิ่นเฉียวยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตู : “แม่”
“ทำไมเป็นลูก ? “ทีแรกคุณแม่เสิ่นคิดว่าจะเป็นแฟน ของเสิ่นโย่ว คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆจะเป็นเสิ่นเฉียว จึงไม่มี ปฏิกิริยาตอบกลับมา
เสิ่นเฉียวยืนอยู่กับที่ ตอนที่ได้ยินคุณแม่เสิ่นมอง
มาที่เธออย่างผิดหวังว่าทำไมถึงเป็นเธอ เธอก็ยืนอึ้งทำ
อะไรไม่ถูก
จากเดิมที่ยืนเก้ๆกังๆไม่มีที่ยืนอยู่นั้น ตอนนี้ยิ่งอาย จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
หลังจากที่เธอไปเป็นสะใภ้ของตระกูลเย่แทนเสิ่น โย่ว พ่อกับแม่ของเธอ….เกลียดเธอไปแล้วใช่มั้ย ?
ขนาดเธอไปเป็นสะใภ้ของบ้านตระกูลเยู่ตั้งนาน แล้วได้กลับบ้านมาครั้งหนึ่ง ก็ไม่ต้อนรับกันแล้วเหรอ?
สายตาของเส้นเฉียวมองลงข้างล่าง แล้วพูดเสียง ต่ำ ๆว่า : “แม่คะ หนูกลับมาเอาของนิดหน่อย”
ได้ยินน้ำเสียงของเธอที่ต่ำแบบนั้น คุณแม่เสื่นถึง ได้สติว่าเธอพูดออกไปผิดแล้ว ก่อนจะรีบยิ้มออกมา แจ่มใส แล้วดึงมือของเสิ่นเฉียวอย่างสนิทสนม : “แม่ไม่ ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะลูก แม่คิดว่าเป็นแฟนของ เสี่ยวโย่ว เฉียวเฉียวกินข้าวเย็นมารึยัง รีบเข้ามาสิ พวกเรา เพิ่งเริ่มกินกันเลย ลูกก็มากินด้วยนะ”
เสิ่นเฉียวเดินตามเข้าไป คุณพ่อเสิ่นเห็นเธอก็รีบลุก ขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาเธอ
“เฉียวเฉียวกลับมาแล้ว กินข้าวมารียังลูก ? มานั่ง กินด้วยกันนะ”
เสิ่นเฉียวไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับคนใน บ้านแบบนี้มานานมากแล้ว ได้เห็นโต๊ะอาหารที่คุ้นเคย ได้ กลิ่นหอมของกับข้าว เธอก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา และพยักหน้า ตอบกลับไปว่า : “ค่ะ”
หลังจากนั่งลง เสิ่นเฉียวก็เห็นที่ว่างบนโต๊ะอาหาร
“เสี่ยวโย่วล่ะคะ ? ”
“เสี่ยวโย่ว หรือ โมโหไม่ยอมมากินข้าวแล้ว”คุณ พ่อเสิ่นหัวเราะไปพลางหยิบเนื้อวางลงบนถ้วยข้าวของ เสิ่นเฉียวไป อธิบายไป
ได้ยินแบบนั้น เสิ่นเฉียวก็นิ่งไป”เสี่ยวโย่วเธอ …ยัง เลือกกินแบบนั้นอีกเหรอคะ ? ”
“น้องสาวลูกโดนแม่เลี้ยงมาแบบผิดๆไปแล้ว มา เฉียวเฉียว กินให้เยอะๆนะ ลูกดูผอมไปมากเลยนะ อยู่ที่ ตระกูลเย่…ไม่ค่อยโอเคใช่มั้ย ?”
พูดถึงตรงนี้ คุณพ่อเสิ่นก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที วางถ้วยและตะเกียบในมือลง
“พ่อขอโทษลูกด้วย ตอนนั้นไม่ควรให้ลูกไปแทน เสี่ยวโย่วเลย…”
“สิ่งเทียน คุณพูดอะไรออกมา? “คุณแม่เสิ่นทนไม่ ไหวเอ่ยปากออกมา : “ตอนนี้เรื่องมันก็จบไปแล้ว ก็ไม่ ต้องไปเอ่ยถึงมันให้เสียบรรยากาศอีกเลย”
“พ่อคะ หนูไม่เป็นไร”เสิ่นเฉียวยิ้มอ่อนๆ “คนของ ตระกูลเยดีกับหนูมาก แค่ช่วงนี้หนูกำลังลดน้ำหนักเฉยๆ ค่ะ และตระกูลเย่อยู่ในเมืองเป่ยก็มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ หลังจากหย่าไปหนูได้มาแต่งงานกับคนแบบนี้ แค่นี้หนูก็ พอใจแล้วค่ะ”
คุณแม่เสิ่นได้ยินแบบนั้นก็ปลื้มใจ : “เฉียวเฉียว ลูกคิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว ดีจริงๆนะ ลูกเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ได้เป็นสะใภ้ตระกูลเย่ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ