เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 558 พิษรักแรงดึง



บทที่ 558 พิษรักแรงดึง

นี้เป็นครั้งแรกที่เย่โม่เขินได้เข้ามายังสถานที่ของหาน จื่อ

เขาได้ยินมาจากเซียวที่ทำการตรวจสอบมาแล้วว่าห้องนี้เป็น ชื่อโดยตรงของหาน จื่อ เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเธอ

แม้ว่าในตอนนั้นที่ความสามารถของเธอช่วยทำงานต่างๆ ใน บริษัทของเขาได้เป็นอย่างดีจนเขารู้สึกประทับใจ ก็ยิ่งเดาได้ว่า เธอเป็นคนจริงจังกับการ เทียบเท่าเธอได้ ทำงาน มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่จะสามารถ

เมื่อก่อนเธอมักจะขาดความมั่นใจ ทว่าหลังจากที่เธอมั่นใจใน ตัวเองขึ้นมาเธอก็ได้กลายเป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง

ดังนั้นสำหรับความสำเร็จของเธอในตอนนี้ เย่ โม่เห็นจึงไม่รู้ สึกแปลกใจเลยสักนิด ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะอยู่ในความคาด หมายของเขาอยู่แล้ว

เขาถอดรองเท้าเอาไว้ตรงทางเข้า เมื่อเห็นว่าหานคู่จื่อไม่ได้ สนใจเขาเลยสักนิด เธอเพียงเดินตรงเข้าไปด้านใน เขาจึงแม้ม ปากแน่นก่อนจะก้มตัวลงไปเปิดตู้รองเท้าเพื่อจัดการเก็บรองเท้า ของตัวเอง

เมื่อกวาดสายตามองรอบหนึ่ง เขาก็เห็นว่าตรงชั้นบนสุดของ ชั้นรองเท้า รองเท้าวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแถว หนึ่ง เย่ไม่เซ็นถึงกลับตะลึงไป
นี้เป็นของลูกเธองั้นเหรอ?

งั้น….เสียงในโทรศัพท์ที่มีคนเรียกหม่ามี

ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เลยว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ทว่า ตอนนี้เมื่อได้เห็นรองเท้าแล้วเย็ไม่เป็นก็พอจะแน่ใจเรื่องเพศของ

อีกฝ่ายได้

ดูท่าแล้วคงจะเป็นเด็กผู้ชาย

เย่ไม่เป็นหลับตาลง เขาไม่คาดว่าเธอจะซื้อบ่อขนาดนี้ นึกไม่ ถึงเลยว่าเพื่ออดีตสามีกากเดนคนนั้นแล้วเธอถึงกับให้กำเนิดลูก

ออกมา

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรองเท้าผู้ชายที่วางอยู่ ใต้สุดของตู้รองเท้า สีหน้าของเต่ไม่เป็นก็มืดครึ้มลงในทันที สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้มือผลักตู้รองเท้าในปิดลงหลัง จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าเข้าไป

ในช่วงจังหวะนั้นเอง เสี่ยวเหยียนก็เดินเช็ดลงมาด้านล่าง

ในระหว่างที่หาน จื่อออกไปข้างนอกเธอก็ไปอาบน้ำ ในตอน นี้ร่างบางของเธอกำลังสวมใส่ชุดนอนลายการ์ตูน ผมกำลัง เปียกชุ่มและดูยุ่งเหยิง พลางเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “มู่จื่อ ไม่ใช่ว่าเธอ กลับมาก่อนแล้วเหรอ? ฉันได้ยินเสียง ทำไมยัง….

คำพูดในประโยคหลังได้หยุดชะงักลง เสี่ยวเหยียนเบิกตาก ว้างจ้องมองคนที่อยู่ด้านหลังของท่านอ
เงาของร่างสูงโปร่งดูแข็งแกร่ง สายตาของเขาหลงอย่างเย็น ขา แผ่รังสีปกคลุมในชั่วพริบตา

“ฉะ ฉะ ฉันดูผิดไปหรือเปล่า?” เสี่ยวเหยียนมองไปที่เรา ของร่างสูงพลางเอ่ยถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก

ถ้าไม่ได้มองผิดไป ทำไมหาน จื่อที่ไปซื้อของซุปเปอร์มาร์เก็ต ถึงได้พาผู้ชายกลับมาด้วย

แล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นผู้ชายที่เธอพยายาม หลีกเลี่ยงมาตลอดราวกับว่าเขาเป็นงูพิษ

หานจื่อเม้มปากแน่นก่อนพูดออกมาเสียงเบา “ดูไม่ผิดไป หรอก เธอไปเป่าผมให้แห้งก่อนเถอะเดี๋ยวเป็นหวัด

เมื่อเธอถูกเตือนมาอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนจึงพึ่งรู้ตัวว่าตัวเอง กำลังสวมใส่ชุดนอนอยู่ เธอจึงเผลอก้มลงมองตัวเองก่อนเอ่ยขึ้น ว่า “งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อน พวกเธอก็คุยกันไปก่อนนะ!”

พูดจบเสี่ยวเหยียนก็รีบหมุนตัวกลับขึ้นไปด้านบนอย่าง

รวดเร็ว

หานจื่อมองตามหลังของเธอไป ก่อนจะเหลือบไปมองด้าน หลังเล็กน้อย “อยากดื่มอะไรไหม?”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากด้านหลัง

“ได้หมด”

จากน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาขึ้นมาก็ทำให้หานออดที่จะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ได้ เขาเป็นอะไรไปอีกล่ะ? ก็เห็ดอยู่ ชัดเจนว่าตอนที่เขาพึ่งเดินเข้ามาสายตาของเขายังดูหยอกล้ออยู่ เลย พอเข้าประตูมาแล้วเลยเปลี่ยนสีหน้างั้นเหรอ?

หรือว่ากลับสู่สภาพเดิมอีกแล้วงั้นเหรอ?

ช่างมันเธอ จะสนใจเขาไปทำไม ยังไงแต่เดิมเขาก็เป็นหน้า ภูเขาน้ำแข็งแบบนี้อยู่แล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจึงพูดประโยคทิ้งเอาไว้ “คุณก็หา ที่นั่งเองเลยนะ” ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเข้าห้องครัวไป เธอเดินไปเปิดประตูในห้องครัว มองไปที่อาหารที่พึ่งจัดวาง

ไปได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อหนึ่งไปถึงตอนที่อยู่ด้านล่างมืดๆ นั้นเขาเป็น คนที่แบกของพวกนี้ขึ้นมาให้เธอ ก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ ได้

แต่เมื่อคิดไปถึงเรื่องที่เขาเดินตามหลังตัวเองมาจนทำให้ ตกใจ หานมู่จื่อก็ยังนึกโกรธไม่หาย น้ำแข็งที่อยู่ด้านล่างสุดถูก น่าออกมา หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องครัว

เย่ไม่เซ็นยังคงยืนอยู่ท่าเดิม รักษาท่าทางเดินเอาไว้ไม่ได้ขยับ

ไปไหน และเท้าของเขาก็ยังเปลือยเปล่า เท้าใหญ่ของผู้ชาย เมื่อยืนอยู่บนพรมในบ้านของเธอก็ทำให้

ดูแปลกประหลาด

หาน จื่อเดินเข้าไปหา สายตากวาดมองไปยังเท้าของเขา

“ทําไมคุณไม่ใส่รองเท้าแตะ
เย่ไม่เป็นที่กลืนโทสะลงไปเต็มท้อง สายตายิ่งดูเย็นชา เขา ตอบกลับไป “แล้วที่นี่มีรองเท้าที่ผมใส่ได้ด้วยเหรอ?

เมื่อได้ฟังดังนั้นหานซื้อก็ถึงกลับตะลึงไป ก่อนเผลอตอบไป โดยไม่รู้ตัว “ก็ในตู้รองเท้าชั้นรองสุดมีอยู่คู่หนึ่งที่คุณน่าจะใส่ได้ ไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เพิ่งได้ยินคุณเปิดตู้รองเท้าไปเมื่อครู่ คุณไม่ เห็นมันเหรอ?”

เธอยังไม่กระดากใจที่จะเอ่ยมันออกมาอีก

บรรยากาศรอบตัวของเย่ไม่เป็นเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ

หานคู่จื่อเลิกคิ้ว ยังเข้าใจในท่าทีของเขา เห็นเขาไม่ตอบเธอก็ คิดว่าเขาคงจะไม่เห็นมันจริงๆ จึงได้วางน้ำเย็นเอาไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็เดินไปข้างเขา “ฉันจะช่วยไปเอาให้คุณเอง

ในขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านเย่ ไม่เซ็น เขาก็กำข้อมือของเธอ

เอาไว้

“คุณทําอะไร?”

หาน จื่อมองเขาอย่างไม่เข้าใจ นึกอยากจะจับมือเขาออก อย่างไม่ยินยอม

เย่โม่เซินเม้มปากเป็นเส้นตรง นัยน์ตาเขาดูเหมือนจะยิ่งมืด ขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่มองมาของเขาดูเฉียบขาดและคมกริบ ก่อน

จะเอ่ยปากพูดออกมาเสียงเบา

“ไม่ต้องแล้ว”
ราวกับจะคลายความสงสัยให้เธอ เขากดยิ้มที่มุมปากพลาง เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ผมไม่ใส่รองเท้าที่คนอื่นใส่ไปแล้ว

หานมู่จื่อ

ในตอนแรก หาน จื่อคิดเพียงแต่ว่าเขาเป็นคนรักความ สะอาด ทว่าเมื่อลองคิดดูดีๆ แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รอ จนในที่สุดเธอเห็นสายตาที่เป็นปรปักษ์จากเขา เธอก็พึ่งค้นพบ ว่า….. ผู้ชายคนนี้เป็นคนขึ้นซึ่งจริงๆ

ในตอนแรกที่เปิดประตูให้เขาเข้ามา เขาก็ดูปกติดี ทว่าหลัง จากที่เปิดตู้รองเท้าแล้วเห็นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา ในตอนนั้น หานคู่จื่อเองก็ยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยน สีหน้ารวดเร็วขนาดนั้น ใครจะไปรู้……

ว่าเพียงเขาเห็นรองเท้าของผู้ชายคนอื่นก็เกิดอาการหึงหวงซะ

แล้ว?

ช่างน่าหัวเราะ ทั้งยังรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ช่างดูซื่อซื้อเสี

จริง

ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนฉลาดมากหรอกเหรอ? ยิ่งตอนที่ต้องรับมือ กับพวกจิ้งจอกเก้าตอนที่อยู่ห้างสรรพสินค้า เขายิ่งดูฉลาดหลัก แหลมมากจะตาย ทว่าทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ เขาถึงได้ดูหุนหัน พลันแล่นเป็นพิเศษ ดูเป็นคนไม่มีประสบการณ์เลยล่ะ?

ยังไม่ทันได้คิด หานคู่จื่อรีบพูดออกมา “รองเท้าที่คนอื่นใส่ อะไรกันล่ะ? นั่นเป็นรองเท้าที่พี่ชายฉันเอาไว้เปลี่ยนเวลามาที่นี่ ต่างหาก”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งคู่ต่างก็ตกใจในเวลาเดียวกัน เหตุผลที่หานมู่จื่อตกใจไปด้วยนั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่คิดว่าจะ

ต้องมาอธิบายให้เขาฟัง

ส่วนเหตุผลที่เย่ไม่เซ็นตกตะลึงไปนั้นเป็นเพราะตัวเองกำลัง ถูกไฟโทสะครอบงำจนกระทั่งลืมเรื่องที่ว่าเธอมีพี่ชายที่น่าชังอยู่ คนหนึ่ง

ใช่แล้ว ที่นี่เป็นบ้านเธอ หากทานซึ่งมาที่นี่เธอก็ต้องเตรียม รองเท้าเอาไว้ให้เขาเป็นเรื่องปกติ

หลังจากที่คิดได้ดังนั้น ไฟโทสะที่สุมอยู่ในใจของเย่ไม่เป็น มลายหายไป แต่เขาก็ยังคงต้องรักษาสีหน้าของตัวเองเอาไว้ พลางเอ่ยออกมาน้ำเสียงเย็นชา “ถึงจะเป็นพี่ชายของคุณก็ช่าง ผมติดนิสัยรักสะอาดมาก คุณไม่รู้เหรอ”

หานมู่จื่อเหลือบมองสายตาของเขาที่ไม่มีไฟโทสะอยู่แล้ว เธอ ก็หัวเราะเยาะออกมาอีก “แต่ไหนแต่ไรท่านประธานเยู่ก็ติดนิสัย รักความสะอาดอยู่แล้วค่ะ งั้นบ้านฉันมันคงเต็มไปด้วยฝุ่น คุณจะ ออกไปก่อนไหมล่ะคะ?

เย่โม่เชินจ้องมองเธอ “ผมรักสะอาดแค่กับคนอื่น กับคุณไม่ ต้อง คุณก็รู้”

สายตาของเขาจดจ้องไปที่ริมฝีปากบางของเธอ ทำให้ทาน อนึกถึงฉากที่เขาจูบเธอท่ามกลางความมืดขึ้นมา

ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
ใช่แล้ว ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนรักสะอาด ทว่าเวลาที่เขา จูบเธอเขาไม่รู้สึกสกปรกบ้างเหรอ? ยังจะมาให้แรงบังคับเธอจูบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ