ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่1405



บทที่1405

เวลานี้ สุขภาพของกู้เย็นจงไอออกมาหลายครั้งอย่างไม่สู้ดีนัก หลังสงบลง ถึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ สิบกว่าปีที่ผ่านมา นี้ เธอระหกระเหินอยู่ที่จินหลิง เป็นมังกรว่ายวนอยู่ในหาดน้ำตื้น เมื่อกี้มังกรตัวนี้อย่างเธอก็ควรกลับมาได้แล้วเช่นกัน!

กล่าวจบ เขาก็ทอดถอนใจออกมาจากใจจริง “แม้ตระกูลกู้ไม่ อาจทําให้เธอโบยบินไปสู้ฟ้าได้ แต่มีตระกูลคอยหนุนหลัง อนาคตหากเธอกลับตระกูลเย ก็จะมีกำลังที่มั่นคง หากเธออยาก แย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเย่ มีตระกูลกู้อยู่เบื้องหลัง ความ เป็นไปได้ที่จะสำเร็จย่อมมีมากขึ้น!

เยเฉันฟังคำนี้จบในใจก็อับอายจนเหงื่อตก

เขาคิดไม่ถึงว่าต่อให้ตนเองไปจากตระกูลเยู่แล้ว ต่อให้ตนเอง แต่งงานแล้ว กู้เย็นจงกับหลินหว่านชิวก็ยังคงหวังให้การหมั้น หมายในปีนั้นดำเนินต่อไป เพื่อให้กู้ชิวอี้ที่เป็นที่จับตามองของ คนเป็นล้านแต่งงานกับตนเอง

ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกผิดที่มีต่อกู้ชิวอี้รวมถึงทุกคนในตระกูล กู้จึงยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

เวลานี้ กู้เย้นจงพูดอีกว่า “เฉินเอ๋อ เดิมทีลุงไม่คิดจะไปรักษา ตัวที่โรงพยาบาลอีกแล้ว ลุงอยู่มาจนถึงวันนี้คลื่นลมพายุลูก ใหญ่เพียงใดล้วนเคยพบเห็นมาหมดแล้ว ดังนั้นลุงจึงไม่กลัว ตาย หวังให้ตนเองได้จากไปอย่างมีเกียรติก็พอ แต่วันนี้ได้พบเธออีกครั้งหลังผ่านมานานหลายปี จู่ๆ ลุงก็มีความหวังที่อยากจะ มีชีวิตอยู่ต่อไปขึ้นมา ตอนนี้สิ่งที่ลุงหวังมากที่สุด ก็คือการเห็น เธอกับหนานหนานแต่งงานกันด้วยตาตนเอง หากลงสามารถมี ชีวิตอยู่จนพวกเธอสองคนมีลูกได้ อย่างนั้นคงจะโชคดีไปสาม ชาติเลยทีเดียว ถึงตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว”

กู้ชิวที่อยู่ด้านข้างพลันร้องไห้โฮออกมาทันที กล่าวอย่าง สะอึกสะอื้นว่า “พ่อคะ พ่ออย่าพูดแบบนี้…

กู้เย็นจงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “ลูกก็รู้จักพ่อดี แต่ ไรมาไม่เคยทำตัวไร้เหตุผล ไม่เคยยุยง คำพูดเหล่านั้นที่พูดมา เมื่อกี้ล้วนกลั่นออกมาจากใจจริง

พูดจบ เขาก็มองไปที่หลินหว่านซิว เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “ที่รัก โทรหาคณะบดีหานของเซี่ยเหอ บอกว่าผมคิดตกแล้ว อยากเข้ารับการรักษา จะได้มีชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งวัน อยู่จนลูกสาว แต่งงาน ได้อุ้มหลานชาย หลานสาว ต่อให้ต้องได้รับโทษอีกสัก กี่ครั้งก็ถือว่าคุ้มค่า”

หลินหว่านซิวรีบพยักหน้าติดๆ กันอย่างตื่นเต้นทันที

อันที่จริง เธอเกลี้ยกล่อมกู้เย็นจงมาตลอด ให้เขาพยายามเข้า รับการรักษา ต่อให้มีความหวังเพียงเสี้ยวเดียวก็อย่าได้ถอดใจ

แต่ตัวกู้เย้นจงเองกลับถอดใจไปเสียแล้ว เพราะเขาไม่อยาก ประสบกับความทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมเพื่อให้ได้มีชีวิตอยู่ ต่อไปอีกปีหรือครึ่งปี

มะเร็งระยะสุดท้ายคือความเจ็บปวดสุดจะบรรยาย ไม่เพียงต้องทนรับสภาพที่ร่างกายถดถอยลงอย่างเฉียบพลัน ยังต้องทน รับความเจ็บปวดถึงสองทาง ในด้านร่างกายและจิตใจที่มาจาก การฉายรังสีและคีโม

แต่ละครั้งที่ทำคีโม ผลข้างเคียงจากยาทำให้เขาอาเจียนแทบ เป็นแทบตาย แต่ละครั้งที่ฉายรังสี ผิวหนังและศีรษะ อวัยวะ ภายในล้วนเจ็บปวดเป็นเวลานานด้วยเหตุผลนี้

ผ่านไปนานวันเข้า ชายชาตรีที่แข็งแรงและเด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง อย่างเขา ก็ถูกเคี่ยวกรำจนกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ผอมลีบ เหมือนไม้ฟืน หมดหนทางเยียวยารักษาคนหนึ่ง

ดังนั้น เขาจึงยอมอยู่กับลูกเมียของตัวเองให้มากขึ้น ดีกว่า ต้องทนรับความทรมานราวกับไม่ใช่คน เก็บเกี่ยวช่วงเวลา สุดท้ายที่งดงามช่วงหนึ่งให้กับตนเอง

แต่ตอนนี้ จู่ๆ ความคิดของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงร้อย แปดสิบองศาเพราะการปรากฏตัวของเย่เฉิน

เขาอยากมีชีวิตอยู่

เขาอยากเห็นลูกสาวแต่งงานกับตาตัวเอง

เขาอยากอยู่ในพิธีแต่งงาน ส่งลูกสาวที่ฟูมฟักเองกับมือมา ยี่สิบกว่าปี มอบไว้ในมือของเยเฉิน เพื่อทำให้คำสัญญาเมื่อยี่สิบ กว่าปีก่อนของเขาที่ทำไว้กับพี่ชาย กับเพื่อนสนิทเป็นความจริง

เขาอยากอยู่ข้างนอกห้องคลอด รอคอยลูกสาวที่อยู่ในห้อง คลอด คลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ให้ตัวเองได้เห็นผู้สืบสายเลือดของตระกูลกับตาตนเอง

ดังนั้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าหากความปรารถนาเหล่านี้สามารถ เป็นจริงได้ ต่อให้ต้องได้รับความทรมานที่เจ็บปวดและรุนแรง ที่สุดในโลกก็ตาม ตนเองก็พร้อมจะยอมรับโดยไม่ลังเล

เวลานี้หลินหว่านชิวก็ล้วงมือถือออกมาเพื่อจะโทรศัพท์อย่าง รีบร้อน

เวลานี้เยเฉินก็รีบพูดขึ้นว่า “น้าหลิน ที่ผมมาครั้งนี้ อันที่จริงก็ เพราะโรคของลุงกู้ ผมมีวิธีสามารถทำให้โรคของลุงกู้หายเป็น ปกติได้”

“อะไรนะ?!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ