ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่858



บทที่858

ตอนนี้สายตาที่หลี่เสี่ยวเฟินมองเซียวซูหน มีความอิจฉามาก ขึ้น และใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกจิตตกมากขึ้น

เพราะหลีเสี่ยวเฟินชอบเย่เฉิน เคยฝันไปตั้งแต่เด็กว่าอยากจะ แต่งงานกับเย่เฉิน และเป็นภรรยาของเย่เฉิน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ ลืมความฝันนี้ แต่ดูแล้วตอนนี้ตัวเธอคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

เธอก็เลยยิ่งอิจฉาเซียวซูหน เพราะเธอเห็นว่า เซียวซูหนหา ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกได้ และเซียวซูหนก็จะเป็นผู้หญิงที่มีความ สุขที่สุดในโลกด้วย

ป้าหลี่ยิ้มอ่อนๆ ออกว่า: “ธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ แต่บางครั้ง ครอบครัวก็สำคัญเหมือนกันนะ ผู้หญิงอย่างพวกเรา ไม่ควรมีลูก ตอนอายุมาก จะมีผลกระทบกับร่างกาย

เซียวซูหวั่นหน้าแดงและพยักหน้า

ตอนนี้หลี่เสี่ยวเฟินพูดอย่างเกรงใจว่า: “ป้าหลี่ เมื่อเจ้าของ ร้านอาหารโทรมา บอกว่าระบบไฟฟ้าของร้านอาหารมีปัญหา วัน นี้เราคงต้องเปลี่ยนที่กินข้าวกะทันหันแล้วแหละ”

ป้าหลี่ยิ้มและพูดว่า “ความจริงจะกินหรือไม่กินก็ได้ แค่ป้าได้ เจอทุกคนป้าก็ดีใจแล้ว บางคนป้าก็ไม่ได้เจอมานานมากแล้ว ด้วย”

เจียงหมิงที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด เมื่อได้ยินประโยคนี้สายตาของเขาได้ส่งประกาย

เขารีบยืนออกมาและพูดโพล่งออกมา: “ป้าหลี่ คืนนี้ฉันจะจัด เตรียมที่ให้ทุกคนได้กินข้าว

ระหว่างที่พูด เขารีบเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก และ บอกกับทุกคนว่า “ทุกคน ผมได้ไปจ้องสถานที่ไว้ที่โรงแรมขาย เยวแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”

ได้ข่าวว่าเจียงหมิงได้จองสถานที่ในโรงแรมข่ายเยว่ คนที่อยู่ ในที่เหตุการณ์รู้สึกแปลกใจมาก

มีคนเอ่ยปากด้วยความเขินว่า: “โรงแรมขายเยว่เป็นโรงแรม ห้าดาวเลยนะ พวกเราไปกินข้าวที่นั่น ไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรือ? กินแค่มื้อเดียว อาจจะต้องใช้เงินสองสามหมื่นเลยนะ?”

“ใช่แล้ว! ถึงทุกคนจะหารกัน ทุกคนอาจจะต้องจ่ายอย่างน้อย คนละสองพันเลยนะ สำหรับพวกเราที่เงินเดือนน้อยแล้วพวกเรา สู้ค่าใช้จ่ายแบบนี้ไม่ไหวหรอก!!

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เพื่อนคนอื่นๆ ก็ปรากฏสีหน้าที่เห็นด้วย คนที่เข้าออกโรงแรมห้าดาว ส่วนมากเป็นคนที่มีฐานะทาง สังคม มีเพียงพวกเขาที่มีความมั่นใจที่จะไปดื่มในที่แบบนั้น

และคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ด้วยความที่เป็นเด็กกำพร้า การศึกษา ไม่ได้สูง ไม่มีภูมิหลังที่ดี และไม่ได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่

การงาน งานที่ทุกคนหาได้ ก็เป็นงานทั่วๆ ไปและงานใช้แรงงาน ในจํานวนคนไม่น้อย เงินเดือนยังไม่พอจ่ายค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน เลยยังต้องกังวลเกี่ยวกับค่าอาหารและของใช้ประจำวันด้วย

ด้วยเหตุนี้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าจะไปกินที่โรงแรมห้าดาว ทุกคน ก็เริ่มกังวลแล้ว กลัวว่าตัวเองจะมีเงินไม่พอ กลัวคนอื่นจะรู้ว่าตัว เองจบ

ขณะนี้เจียงหมิงก็ได้ยิ้ม และไปที่หน้าอกของตัวเองแล้วพูด ว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวลนะ มื้อนี้ผมจะช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่ง หนึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และพวกเธอก็ช่วยกันจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ฉันเดาว่าทุกคนหารกันแล้วน่าจะจ่ายไม่เกิดคนละร้อยสองร้อย นะเป็นอย่างไง?”

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ คนส่วนใหญ่ถึง โล่งใจ

เจียงหมิงจ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง สามารถลดความกดดันของ ทุกคนได้ไม่น้อย

มีคนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจียงหมิง ให้นายออกค่าใช้จ่าย ครึ่งหนึ่ง ทำแบบนี้ฉันเกรงใจมากเลยนะ!”

เจียงหมิงแสดงท่าทางไม่สนใจอะไรและโบกมือ แล้วหัวเราะ “วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการจัดงานเลี้ยงต้อนรับป้าหลี่หลับมา ฉันจ่ายเงินเยอะหน่อยก็ไม่เป็นไร!”

ที่จริงแล้วทุกคนไม่รู้ว่า ในมือของเขามีงบที่เอาไว้เลี้ยงลูกค้า ของบริษัทพอดี สิ่งที่เขาคิดก็คือ อาหารมื้อนี้สองสามหมื่น ดูผิว เผินแล้วเหมือนเขาเป็นคนจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว คนอื่น ต่างหากที่ออกค่าอาหารอีกครึ่งหนึ่ง
ถึงตอนนั้น ตัวเองเอาใบเสร็จไปเบิกที่บริษัท ไม่เพียงได้เงินที่ จ่ายไปครึ่งหนึ่งกลับมา แถมยังได้เงินอีกครึ่งหนึ่งที่พวกเพื่อนๆ ช่วยจ่ายนั้นกลับมาด้วย!

ยกตัวอย่างเช่นอาหารมื้อหนึ่ง สามหมื่น ตัวเขาจ่ายหมื่นห้า และเพื่อนทุกคนจ่ายอีกหมื่นห้า และหลังจากกินข้าวเสร็จตัวเขาก็ เอาใบเสร็จไปเบิกเงินสามหมื่นที่บริษัท ตัวเองไม่เพียงได้หน้า ได้ น้ำใจของคน แถมยังได้เงินหมื่นห้ามาฟรีๆ อีกด้วย!

อะไรที่ทำแล้วมีความสุขทำไมถึงไม่ทำละ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ