ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่1406



บทที่1406

หลินหว่านชั่วกับกู้เย้นจงต่างตกตะลึงหาใดเปรียบ

ทําให้โรคของกู้เย็นจงหายเป็นปกติ

นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน

พวกเขาทั้งครอบครัวเพื่อโรคนี้แล้วจึงวิ่งเต้นอยู่นานมาก ตาม หาผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดบนโลกนี้ ใช้ยาสรรพคุณวิเศษ เครื่อง มือในการรักษารวมถึงวิธีรักษาที่ดีที่สุดในโลกนี้

แต่ก็ไร้หนทางที่จะขัดขวางชีวิตอันโรยราอย่างรวดเร็วของเข้ นาง

สตีฟ จอบส์ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล ก็เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน และก็เป็นโรคมะเร็งรุมเร้าเช่นกัน เขาอยู่อเมริกาได้รับการรักษา อย่างดีที่สุด แต่ผลสุดท้ายกลับน่าเสียดายสุดแสน

ผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดของโลก ไม่มีใครคิดว่าโรคของกู้เย้ นจงจะมีหนทางหายเป็นปกติ อีกทั้งในบรรดาคนมากมายก่าย กองต่างก็คิดว่าเขาคงมีชีวิตเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งปีแล้ว ถึงขั้นไม่ถึง ครึ่งปีด้วยซ้ำ

จู่ๆ เย่เฉินกลับพูดว่าสามารถทำให้เขาหายเป็นปกติได้ พอคน ทั้งสองได้ยินก็คิดว่าเป็นคำพูดเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี

หลินหวานซิวถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า“เฉินเอ๋อ น้ารู้ว่าเธอเองก็เป็นห่วงลุงของเธอมาก แต่โรคของ เขา…ก็ไร้ทางเยียวยาแล้วจริงๆ …

กู้เย็นจงพยักหน้ากล่าวว่า “เฮ้อ…เฉินเอ๋อ โรคของลุง ลุง เข้าใจดีที่สุด มะเร็งตับคือโรคที่ร้ายแรงที่สุด อีกทั้งลุงในตอนนี้ก็ อยู่ในช่วงระยะสุดท้าย มันแผ่ลามไปทั้งตัว ไม่ทันเสียแล้ว ตาม สุภาษิตที่คนจีนอย่างเราพูดกัน คือขนาดเทพเซียนก็ยากจะช่วย แล้ว”

ในใจเย่เฉินมีคำพูดประโยคหนึ่งที่อยากพูด เขาอยากบอก เย้นจงว่า ต่อให้เทพเซียนช่วยลุงไม่ได้ แต่ผมเย่เฉินช่วยได้!”

แต่คำพูดนี้หากคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องราวได้ยิน จะต้องรู้สึกว่า ตนอวดดีอย่างยิ่งแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ เยเฉินจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า “ลุง ก่อนหน้านี้ผม เผอิญได้ยาดีชนิดหนึ่งมา มีสรรพคุณในการรักษาโรคทุกชนิดได้ ดีอย่างมาก ครั้งนี้ผมพกติดตัวมาด้วย ลุงลองดูหน่อยก็ไม่เสีย หาย”

กู้เย้นจงในใจย่อมไม่เชื่อ

ตัวเขาเป็นพวกไม่เชื่อในพระเจ้า เป็นพวกวัตถุนิยมที่ไม่หวั่น ไหว เชื่อในวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์เลยสักนิด ประกอบกลับเขาป่วยมานานจนจะกลายเป็นหมอเสียเองอยู่แล้ว ข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เขาศึกษาจนทะลุปรุโปร่งนานแล้ว ในใจจึงมั่นใจ100%มานานแล้วว่าตนเองไร้ยาที่จะรักษาหายได้ ดังนั้นพอได้ยินคำพูดนี้ของเยเฉิน เขาจึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆอย่างจนปัญญา และกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ เธอมีความตั้งใจเช่นนี้ ลุง ซาบซึ้งอย่างมาก เพียงแต่ระดับรุนแรงของโรคชนิดนี้ อาจจะไกล เกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ…

หลินหว่านชั่วที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว เฉินเอ๋อ โรคของลุงกู้เธอ พูดได้ว่าเป็นโรคที่ยากรักษา อันตราย

และโหดเหี้ยมที่สุดในโลกนี้แล้ว…” เยเฉันรู้ว่าพวกเขาไม่เชื่ออย่างแน่นอน จึงเตรียมหยิบยาอายุ

วัฒนะออกมา ให้กู้เย็นจงลองดูเสียเลย

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามา พูดอย่างเคร่งเครียด เล็กน้อยว่า “คุณท่าน คุณหญิง ท่านรองกับท่านสามจากบ้าน สายรองมาค่ะ

หลินหวานชิวพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ถามเสียงเย็นว่า “พวก

เขามาทําอะไร?”

คนรับใช้รีบบอกว่า “บอกว่ามาหาคุณกับคุณท่านเพราะมีเรื่อง สําคัญจะหารือค่ะ”

หลินหว่านชิวพูดโพล่งออกมา “ให้พวกเขาไปซะ! พวกเรากับ พวกเขาไม่มีอะไรให้ต้องพูดดีกัน!!

เพิ่งจะพูดคำนี้จบ ก็ได้ยินเสียงเดือดดาลของคนคนหนึ่ง เยาะเย้ยว่า “โอ้ พี่สะใภ้ ต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เห็นต้อง พูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลย? คุณท่านใหญ่จากไปไม่กี่ปี คุณก็ไม่ ยอมให้ผมกับเจ้าสามเข้าประตูแล้ว หากนายท่านใหญ่ที่อยู่ใน ปรโลกรู้เข้าล่ะก็ สงสัยได้ถูกคุณทำให้โกรธจนฟื้นขึ้นมาแน่!
เย่เฉินเหลือบตาไปมอง เห็นคนแปดเก้าคน สาวเท้าบุกเข้ามา ด้วยท่าทางดุดัน

หลินหวานชิวพลันมีสีหน้าท่าทางยากจะมองทันที ก่อนจะซัก ถามว่า “กู้เย็นเจิ้ง! นี่คือบ้านของฉัน! ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ใครให้พวกแกบุกเข้ามาโดยพลการ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ