ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่851



บทที่851

ระหว่างที่ทั้งสามคนออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า กำลัง จะไปที่ร้านอาหาร มีเสียงที่ตื่นเต้นลอยเข้าหูพวกเขา “เยเฉิน เสี่ยวเฟิน!”

เมื่อพวกเธอหันไปมอง เห็นมีเงาร่างหลายคนเดินมาทางพวก เขา

พวกเขาเหล่านี้ก็คือเพื่อนที่เติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา กับพวกเขา

แต่ในจำนวนคนเหล่านี้ ส่วนมากแล้วเข้ามาตอนเขาออกจาก

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปแล้ว เขาก็เลยไม่ค่อยรู้จัก

หลังจากที่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วเพื่อนหนึ่งเดียว ที่เขายังติดต่ออยู่ก็คือจ้าวเช้า เพื่อนสมัยตอนที่อยู่สถานเลี้ยง เด็กก่าพร้าของเขา

หลายปีก่อนที่เเฉินใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วย ความที่พ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เขากลายเป็น คนที่พูดน้อยและถึงขั้นที่สันโดษ ในเวลาวันหนึ่งอาจจะไม่ได้คุย กับใครเลยแม้แต่ประโยคเดียว

เย่เฉินที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้เลยสักอย่าง เขาเลยถูกเมินจาก เด็กคนอื่นเป็นประจํา

เย่เฉินจำได้ว่า ตอนที่เขาโดดเดี่ยว จ้าวเห้าที่อายุโตกว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ยืนออกมาเป็นคนแรก และมาเล่นกับเขา

และหลังจากนั้นมาหลายปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ยิ่ง แน่นแฟ้นมาก

จ้าวเช้าและเย่เฉินอายุเท่ากัน แต่จ้าวเห้าโตกว่าไม่กี่เดือน

ทั้งสองคนออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปพร้อมกัน แล้ว ออกไปเลือกที่จะทํางานก่อสร้างด้วยกัน ลำบากไปด้วยกันและ เหนื่อยไปด้วยกัน เป็นเพื่อนที่ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันอย่าง แท้จริง

แต่สิ่งที่จ้าวเห้าต่างจากเย่เฉินก็คือ ตอนที่เเฉินได้เงินมาแล้ว จะแอบส่งให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ตอนที่ได้เงินมา เขาก็แอบ เก็บเงินไว้ และออกจากสถานที่ก่อสร้าง แล้วไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่ เมืองไห่

สำหรับเย่เฉินแล้ว การกระทำของจ้าวเท้าเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจ และยอมรับได้

เพราะทุกคนเป็นเด็กกำพร้าหมดเลย ตอนที่ออกมาจากสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้า คนส่วนใหญ่ไม่มีที่พึ่งพา

ใครๆ ก็อยากเก็บเงินเพื่อนสร้างรากฐานให้ตัวเอง เพราะเด็ก กำพร้าไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นยังมีพ่อแม่ คนอื่นยังมีญาติ คนอื่น ยังมีบ้านที่บังแดดหลบฝนได้ แต่เด็กกำพร้าไม่มีอะไรเลย

ถ้าวันนี้ไม่มีเงิน ก็ไม่ได้กินข้าว แถมคืนนี้อาจจะต้องนอนข้าง ถนน
ที่เย่เฉินออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ไม่ได้คิดเพื่อ อนาคตตัวเอง เหตุผลส่วนใหญ่ก็คือพ่อของเขาเคยสอนไว้ว่าที่ เขามีชีวิตรอดถึงอายุสิบแปดได้ ก็เพราะบุญคุณของสถานเลี้ยง เด็กกำพร้าและป้าหลี่ ตัวเขาจึงต้องหาวิธีตอบแทนบุญคุณ

และสิ่งเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับการศึกษาของเย่เฉินได้รับใน ช่วงเด็กอย่างมากอีกด้วย

ช่วงวัยเด็กของเย่เฉิน เย่เฉินเป็นคุณชายของตระกูลเย่เขาถูก เลี้ยงอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือยตั้งแต่เด็ก และเขาได้เรียนรู้จาก ปรัชญาขงจื้อ การศึกษาที่ยอดเยี่ยมระดับชาติ จิตวิญญาณเขา เหมือนจิตวิญญาณของขงจื้อ มีความโกรธและรู้สึกโศกเศร้าที่ ผู้คนที่ยากลำบากไม่ได้รับความเป็นธรรม

และเพราะสาเหตุนี้ด้วย เขาถึงต่างจากทุกคนในสถานเลี้ยง เด็กกําพร้า

ตอนนี้ จ้าวเท้าที่คึกคักได้เดินเข้ามา พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เย่เฉิน เพื่อนรักของฉัน เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”

เมื่อหลายปีก่อน จ้าวเช้ากับเย่เฉินนอนอยู่ที่เพิ่งของสถานที่ ก่อสร้างด้วยกัน และ แบกปูนคนอิฐด้วยกัน ทั้งสองคนค่อยช่วย เหลือกัน และประคองกันไปหลายปี

หลังจากนั้นมา จ้าวเท้าเก็บเงินได้หลายหมื่น และเขาไปเจอ หญิงที่ชอบในสถานที่ก่อสร้าง แล้วก็ได้ตามผู้หญิงคนนี้ไปที่เมือง

ไม่ได้เจอกันหลายปี ในของเยเฉันรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย: “จ้าวเจ้าพวกเราไม่ได้เจอกันสามสี่ปีใช่มั้ย? หลายปีที่ผ่านมา นายอยู่ ที่เมืองไม่เป็นไงบ้าง?

จ้าวเท้าได้ยินที่เเฉินถามแล้วหัวเราะฮ่าๆ : “ก็ไม่เลวๆ! ยังกิน อิ่มนอนหลับ!”

เย่เฉินถามต่อว่า “แล้วหญิงที่นายรู้จักที่สถานที่ก่อสร้างละ แต่งงานกันหรือยัง?”

“เฮ้อ” สีหน้าของจ้าวเจ้าปรากฏความเศร้าใจ แต่เขาก็ยิ้ม อย่างไม่สนใจอะไรมาก : “แต่งงานอะไรล่ะ ก็แค่คบกันมาสอง สามปี แต่ก็ไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานกันเลย ฉันไม่มีสินสอด ไม่มีเงิน ซื้อบ้าน ทางพ่อแม่ของฝ่ายหญิงดูถูกฉัน พ่อแม่ของเธอก็ค่อย เป่าหู พูดจนแฟนฉันก็ดูถูกฉันไปอีกคน สุดท้ายเธอก็เลิกกันฉัน ไป”

เย่เฉินขมวดคิดและถามว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว?” จ้าวเท้ายิ้มแล้วตอบว่า “เดือนก่อนนี่เอง” เย่เฉินพยักหน้า: “ผู้หญิงคนนั้นจะเสียใจที่ไม่เลือกนาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ