ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1892



บทที่ 1892

เย่เฉินจึงถามเขาไปว่า”คุณพ่อครับ พ่อมีแผนจะทำอะไรเหรอ ครับ?”

เยเฉันไม่รู้ว่าอารมณ์ของเซียวฉางควนตอนนี้เป็นอย่างไร เห็น เพียงแค่เขารู้สึกทนไม่ได้ จึงคิดว่าเขาอาจจะอยากยื่นมือช่วย หญิงชรา

เวลานี้เอง เห็นเพียงแค่เซียวฉางควนถอนหายใจยาวๆ แล้ว พูดว่า “เห็นแม่แท้ๆของตัวเองมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ แล้วยังต้อง ทำงานแบบนี้ ฉันผู้ซึ่งเป็นลูกชาย ก็ต้องเจ็บปวดหัวใจอยู่แล้ว อีก ทั้งยังเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เซียวฉางควนก็พูดตัดบท แล้วปิดตา เอ่ย ปากพูดขึ้นมาว่า “แต่ว่านะ ฉันมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เมื่อเป็น แค่ภาพลวงตา”

พูดจบ เขาก็รีบหันหลัง แล้วพูดกับเยเฉินว่า “ลูกเขย เรารีบไป ซื้อวัตถุดิบทำอาหารเถอะ สำหรับพวกผักสด เราไปซื้อซูเปอร์ มาร์เก็ตอีกร้านเถอะนายว่าไง?”

มีหรือที่เย่เฉินจะไม่เข้าใจความหมายของเขา จึงรีบยิ้มแล้ว พูดขึ้นมาว่า “ใช่ครับพ่อ ผมเห็นด้วยกับพ่อครับ ผักของซูเปอร์ เก็ตร้านนี้ไม่สดเลย เดี๋ยวเราไปซื้อผักอีกร้านเถอะครับ ไปดูกัน ว่ามีกุ้งบอสตันล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ๆไหม ถ้ามีเราซื้อกลับบ้านสัก สองสามตัวนะครับ!”
เขียวฉางควนหัวเราะ ๆ แล้วไปที่เย่เฉิน พลางพูดอย่างถอน หายใจ”นายรู้ใจฉันจริงๆ ไปกันเถอะ เราไปซื้อกุ้งล็อบสเตอร์ กัน!”

ถึงแม้ภายในใจของเขียวฉางควน จะรู้สึกเห็นใจอยู่ ต่อสิ่งที่ แม่ของตนเองต้องประสบพบเจอ

แต่ว่า เขาไม่ใช่คนโง่

หลายปีมานี้ใบหน้าของหญิงชรา เขาเห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว ตอนที่ไล่ตนเองทั้งครอบครัวออกจากบ้าน ไม่มีความเมตตา แม้แต่น้อย ยิ่งไม่เห็นแก่ความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข

ตอนทีหลอกเซียวซูหน ลงมือได้อย่างโหดร้ายเลือดเย็น

ต่อมา ตระกูลเซียวล้มเหลว เพื่อที่หล่อนจะได้พักอาศัยอยู่ใน คฤหาสน์Tomson Rivieraของตนเอง หล่อนคิดไตร่ตรองอย่าง รอบคอบ ทําเรื่องน่ารังเกียจมามากมาย

ใบหน้าเหล่านี้ เซียวฉางควนเบื่อที่จะเห็นเต็มทนแล้ว

ดังนั้น เขาก็หวังว่า ความเป็นจริงจะทำให้นายหญิงใหญ่เชียว

ได้รับบทเรียน ก่อนที่นายหญิงใหญ่เซียวจะได้สำนึกผิดกลับตัวกลับใจ เขา

ไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือนายหญิงใหญ่เชียวใดๆทั้งสิ้น

พ่อตาลูกเขยสองคนซื้อของมากมาย สิ่งเดียวคือการไม่ได้ กลับไปซื้อผักในโซนขายผัก หลังจากที่ใส่วัตถุดิบอาหารเต็มคันรถเข็น ทั้งสองก็เข็นของไปที่แคชเชียร์

ตอนนี้ที่โซนของแคชเชียร์ ทุกเคาน์เตอร์แคชเชียร์มีคนต่อ แถวกันยาวเหยียด

เย่เฉินกับเซียวฉางควนต่อแถวมาเป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาที ก่อนที่พวกเขาจะสามารถมาถึงหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ได้

เมื่อเห็นว่าถึงคิวจ่ายเงินของพวกเขา เขียวฉางควนจึงรีบไปที่ ด้านหน้าของรถเข็น แล้วพูดกับเย่เฉินว่า “นี่ลูกเขย นายไปหยิบ ของที่สแกนคิวอาร์โค้ดคิดเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ฉันจะเอา ของใส่ถุง

เย่เฉินพยักหน้า เซียวฉางควนก้าวไปที่ทางเดินตรงเคาน์เตอร์ แคชเชียร์ ก่อนที่เย่เฉินจะหยิบสินค้า เขาก็ได้พูดกับพนักงาน แคชเชียร์ว่า “เอาถุงพลาสติกใบครับ เอาอันใหญ่สุดครับ

พนักงานแคชเชียร์พยักหน้า แล้วพูดว่า “ถุงใหญ่ใบละห้าเหมา

พูดจบ ก็ก้มลงไปที่ลิ้นชักที่อยู่ข้างๆ หยิบถุงพลาสติกใบใหญ่ มาสี่ใบยื่นให้กับเซียวางควา

เซียวฉางควนรับถุงพลาสติกไป แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองอย่าง ไม่รู้ตัว จากนั้นก็พูดอย่างตกใจมั้ยหยา พี่สะใภ้ใหญ่? ทำไมถึง มาอยู่ที่นี่ครับ!?”

“ห้ะ?!นะ……นายหรอเนี่ย?!

หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เฉียนหงเล่นสวมเสื้อกั๊กของพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อเห็นเขียวฉางควน ที่ตกใจจนอ้าปาก ตาค้างเช่นกัน!

เธอไม่เคยคิดฝันว่า ตนเองจะถูกบีบบังคับ ให้ออกมาวิ่งหา งานพาร์ทไทม์ทําเช่นนี้ ทำหน้าที่เป็นพนักงานแคชเชียร์ แล้วเธอ จะได้พบกับเซียวางควน

มองดูชายหนุ่มอีกคนที่กำลังเอาของออกจากรถเข็น นั่นมัน ลูกเขยสวะของตระกูลเซียวไม่ใช่เหรอ?!

เมื่อเฉียนหงเล่นมองเห็นเเฉินหยิบถุงพลาสติกหนาที่มีกุ้ง บอสตันล็อบสเตอร์ชั้นดีหลายตัวออกมา ในใจของเธอจะมีความ คดขมขื่น”ฉันหิวมาหนึ่งวันหนึ่งคืน และยืนหิวมาตลอดทั้งเช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอาหารกลางวันของซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขา น่ะสิ ยังซื้อกุ้งล็อบสเตอร์เต็มถุงใหญ่สองครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ ใน Tomson Rivieraเหมือนกัน แต่คุณภาพชีวิตช่างแตกต่างกัน เหลือเกิน!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ