ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 882



บทที่ 882

เดิมทีอยากจะได้เงินสักหนึ่งแสน คิดไม่ถึงว่ากลับต้องชดไป หนึ่งแสนแล้ว อาหารมื้อนี้เป็นการชดใช้เงินเกินขอบเขตจริงๆ!

ในใจที่อยากตายของเจียงหมิง ในตอนนี้ก็มีแล้ว เดิมที่ตัวเอง ก็ใช้ชีวิตได้ดีนะ ซื้อรถเบนซ์คันใหม่ แสร้งทำเป็นคนใหญ่คนโต คิดไม่ถึงวันนี้หลังจากที่เจอเย่เฉิน ทันใดนั้นก็พังทลายหมดเลย

ดังนั้น เขาแทบอยากจะเอามีดแทงเข่เฉินให้ตาย เพื่อระบาย ความเกลียดชังในใจ

ในเวลานี้เย่เฉินจงใจที่จะกระตุ้นเขาอีกครั้ง ก็เลยในแชมเปญ หนึ่งแก้ว มอบให้กับเขา ยิ้มพร้อมพูดว่า : “มาเพื่อนเจียงหมิง ฉันขอชนแก้วกับนายหน่อย”

เจียงหมิงพูดอย่างโมโหมากว่า : “ฉันไม่อยากดื่มกับนาย เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า “อย่าโกรธแบบนี้สิ ถึงอย่างไรเหล่านี้

ก็เป็นตัวเองที่จ่ายเงินซื้อมา ไม่ดื่มจะเป็นการสิ้นเปลืองมากนะ เมื่อเจียงหมิงได้ยินประโยคนี้ ก็โมโหจนสั่นไปทั้งตัวแล้ว

ที่เย่เฉินพูดก็ถูกนะ เหล้านี้ตัวเองเป็นคนจ่ายเงินซื้อมาจริงๆ มื้อนี้ตัวเองจ่ายเงินไปกว่าหนึ่งแสนหยวนนะ!

ตัวเองใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ เคยจ่ายเงินเยอะขนาดนี้เพื่อ ทานข้าวมื้อนึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เป็นการกินข้าวหนึ่งมื้อที่ล้มละลายไปเลย!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เจียงหมิงกลั้นน้ำตา รับแก้วเหล้ามา ดื่ม หมดรวดเดียวด้วยความเบื่อหน่ายและโมโห! ล้วนแต่เป็นของที่ตัวเองซื้อมาทั้งนั้น ไม่ว่ายังไงตัวเองก็ต้อง

ดื่มให้เยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นการให้คนอื่นมาเอาเปรียบ

ตัวเองหรือเปล่า

แต่ว่า ตอนนี้ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอีกอย่างที่วางอยู่ตรง หน้าของเขา จะหาเงินได้อย่างไร

ถ้าหากจ้าวโจ๋วเยว่เชื่อฟังตัวเองล่ะก็ กลางคืนกลับไปถอนเงิน จากแอพกู้เงิน คาดว่าน่าจะรวบรวมได้กว่าสี่ห้าแสน บวกกับเงิน เก็บของตัวเองกว่าหนึ่งแสนกว่านั้น รวบแล้วก็หกแสนน่าจะไม่ใช่ ปัญหาใหญ่อะไร

ส่วนที่ว่าเขาจะหลอกแม่ยายในอนาคตของเขาได้หรือไม่นั้น ในใจของตัวเองก็ไม่รู้เลยจริงๆ

ดูเหมือนว่าตัวเองจะทำได้เพียงอธิษฐานกับฟ้า อธิบายฐานถึง จ้าวโจ๋วเยว่คนนี้ ให้โดนตัวเองหลอกได้สำเร็จ

หลังจากที่เย่เฉิน ให้เลี้ยงหมิงยอมจำนน ก็ขี้เกียจจะไปสนใจ คนๆนี้ต่อแล้ว คาดว่ามื้อนี้ราคา 100,000 หยวน น่าจะทำให้เขา ปวดใจไปอีกนาน ต่อไปคงไม่กล้าที่จะเสแสร้งกับใครตามอำเภอ ใจแล้ว

คิดถึงฉากที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามป้าหว่า : “ป๋าหลี ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ”

เมื่อพูดถึงคำถามนี้ขึ้นมา ใบหน้าของป่าหลีก็เต็มไปด้วย ความเศร้า ถอนหายใจแล้วพูดว่า : “สถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนะ หลักๆเลยคือตอนนี้เด็กๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันเรื่องเงินทุน ของเราก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

พูดแล้ว เธอก็พูดอุทานว่า โธ่เอ๋ยออกมาพร้อมพูดว่า “ช่วง ก่อนหน้านี้ ทางตำรวจจินหลิงของเราได้คลี่คลายคดีของการ ค้าขายเด็กไม่น้อยเลย ช่วยเหลือชีวิตของเด็กที่ถูกขายได้มาก เลย ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะว่าหาตัวแม่ที่แท้จริงของเด็กๆไม่เจอ ก็ ส่งเข้ามายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเรา เพียงครู่เดียวก็เพิ่ม แรงกดดันไม่น้อยเลย แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือก ช่วยเหลือเด็กที่ถูก นำไปขายเหล่านั้นก็เป็นความรับผิดชอบและหน้าที่ที่ไม่อาจจะ หลีกเลี่ยงได้ เพียงค่านมผงของเด็กเหล่านี้มีราคาแพง ที่สถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมเงินกันได้สามสี่พัน หยวนเพื่อประคองไว้ก่อน และกำลังยื่นขอเงินช่วยเหลือ…

เมื่อเย่เฉันคิดถึงว่าบ่ายนี้ก็จะได้เจอพวกเด็กๆที่สถานเลี้ยง เด็กกำพร้าแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสาร

เด็กๆเหล่านี้ เพราะว่าถูกคนลักพาตัวไปค้ามนุษย์ สถานการณ์ ที่ประสบพบเจอก็ยิ่งจะน่าสงสารกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะบริจาคเงินก้อนหนึ่งให้แก่สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า เพื่อรับมือกับปัญหาของเด็กกลุ่มนี้
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากพูดกับป้าหว่า : “ป้าหลี่ ควรที่จะคิดถึง พวกเด็กๆเหล่านี้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้มากกว่านี้หน่อย อย่างนี้แล้วกัน ผมเองขอบริจาคให้ล้านหยวนก่อนนะ!

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้าง!

1ล้านเหรอ? สิ่งที่สำหรับพวกเด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้ว เป็นตัวเลขที่มีจำนวนมาก

นี่คือ เย่เฉินก็มองไปที่เลี้ยงหมิงที่ตกใจจนอ้าปากค้าง พูดว่า : “เจียงหมิง ตอนนี้นายมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ เดี๋ยวก็ขับรถเบนซ์เดี๋ยวก็ ขับPhaeton อย่าลืมว่าตอนแรกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลี้ยงดู นายมาจนเติบใหญ่ ตอนนี้นายจะไม่บริจาคเงินให้กับสถานเลี้ยง เด็กกำพร้าหน่อยเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ