ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่1398



บทที่1398

พอคิดถึงบิดาของชิว ว่ากู้เย็นจงร่างกายมีอาการทรุดลง เขาก็เอ่ยปากถามว่า “ลุงกู้ยังสบายดีอยู่ไหม?”

“ไม่ดีเท่าไหร่…” กู้ชวน้ำเสียงหม่นลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ดีเท่าไหร่ หมอแนะนำให้มานอนโรงพยาบาลใหม่อีกรอบ พ่อฉันไม่ค่อยอยากไป ฉันเห็นว่าสภาพจิตใจท่านห่อเหี่ยวลง อาจเป็นเพราะยอมรับชะตาชีวิตบ้างแล้ว ไม่อยากทรมานต่อไป อีก ท่านมักรู้สึกว่าตอนอยู่โรงพยาบาลได้รับการรักษาแต่ละครั้ง ทำให้ดูไร้ศักดิ์ศรีอย่างมาก… พี่อาจจะไม่ค่อยรู้จักนิสัยเขาดีเท่า ไหร่นัก แต่แม่ฉันบอกว่า นิสัยซื่อตรง ไม่ฟังใคร เขากับพ่อพี่นิสัย เหมือนกันเปี๊ยบ ราวกับพี่พี่น้องแท้ๆ กันอย่างไรอย่างนั้น…

เยเฉินรู้ ยิ่งคนที่มีหน้าตามากเท่าไหร่ พอถึงเวลาป่วยหนัก กลับไม่อยากฝนที่จะมีชีวิตอยู่เท่าไหร่นัก

โดยหลักแล้วเป็นเพราะพวกเขามีหน้าตามาหลายปีขนาดนั้น จึงให้ความสำคัญกับหน้าตาและศักดิ์ศรีเป็นพิเศษ ไม่อยากอยู่ จนวันสุดท้ายของชีวิต เพื่อเพิ่มช่วงเวลาชีวิตที่มีอยู่จำกัดให้นาน ขึ้น ก็ต้องวางหน้าตาและศักดิ์ศรีทั้งหมดของตัวเองลง

เย่เฉินถึงขั้นเคยได้ยินว่า คนใหญ่คนโตส่วนมากยามป่วย หนัก ล้วนเซ็นยินยอมไม่ให้ยื้อชีวิต หากชีวิตเดินทางมาถึงช่วง สุดท้าย ก็ห้ามสอดท่อ ห้ามผ่าตัดและห้ามใส่เครื่องช่วยหายใจ เพียงเพื่อให้ตนเองจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี
ดูท่าตอนนี้กู้เย็นจงคงจะเริ่มวางแผนเรื่องงานศพแล้ว

โชคดีตอนที่ตนเองกับกู้ซิวได้มาพบกันอีกครั้งเป็นจังหวะ ค่อนข้างประจวบเหมาะ ไม่อย่างนั้นหากรอหลังจากที่เย็นจง จากโลกนี้ไปแล้วค่อยพบกัน เช่นนั้นตนเองคงไร้หนทางที่จะช่วย รักษาชีวิตของกู้เย้นจงได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงกล่าวถ้อยคำให้กำลังใจออกไปว่า “เรื่องนี้ไม่ ต้องกังวลขนาดนั้น พอฉันไปถึงแล้วจะช่วยแก้ไขให้พวกเธอเอง

กู้ชิวอี้พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ขอบคุณนะพี่เยเฉิน พี่สามารถ มาพบพ่อได้ เขาน่าจะดีใจมาก!!

เย่เฉินไม่อยากพูดกับกู้ชิวมากเกินไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูก ต่งตั่งหลินที่อยู่ข้างๆ จับใจความสำคัญในบทสนทนาออก ดังนั้น จึงเอ่ยปากพูดว่า “งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเครื่องจะออกแล้ว ต้องปิดมือถือ”

กู้ชิวอี้รีบกล่าวขึ้นว่า “ได้เลย พี่เยเฉิน ฉันรอพี่อยู่ที่เป็นจิงนะ!”

เย่เฉินวางสาย บ่งรั่งหลินที่อยู่ข้างๆ กล่าวยิ้มๆ อย่างทนไม่ ไหวว่า “ตายจริง เย่เฉินตอนนี้คุณช่างร้ายกาจจริงๆ มิน่าคนอื่นๆ ต่างเรียกคุณว่าอาจารย์เย่ ได้ยินเสียงที่โทรมาหาคุณเมื่อดู เหมือนเจ้าตัวจะรอคุณไปช่วยดับไฟอยู่!”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ “ศาสตร์อย่างฮวงจุ้ย บางครั้งก็เป็นเช่นนี้ ไม่ เกิดปัญหาก็แล้วไป แต่พอเกิดปัญหาขึ้นมา ก็มักจะเร่งด่วนขึ้นมา ทันที”
ต่งตั่งหลินทอดถอนใจออกมาจากใจจริง “ชูหนช่างโชคดี จริงๆ หาสามีมีความสามารถอย่างคุณได้! พูดจบ ต่งตั่งหลินก็ถามอีกว่า “จริงสิ ครั้งนี้คุณไปเย่นจิง จะไป

ที่ไหนเหรอ”

เย่เฉินกล่าวว่า “แถวตะวันออกเฉียงเหนือวงแหวนที่ห้า ตรง เขตคฤหาสน์”

ต่งรั่งหลินเอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “งั้นก็ไม่ไกลกันมาก! ถึงเวลา

มานั่งเล่นที่บ้านฉันสิ

เย่เฉินกล่าวอย่างอึดอัดใจว่า “ผมไปไม่ได้หรอก ไม่ค่อย สะดวกนะ อีกทั้งหนนี้ผมมาเช่นจิง ยังมีธุระอีกมาก…

ต่งรั่งหลินยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไร ถึงเวลาคุณก็มาดู หากไม่มี

เวลาก็ไม่เป็นไร แต่คุณต้องให้โอกาสฉันได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ

ถือเป็นการขอบคุณคุณที่ช่วยฉันไว้สองครั้ง ได้ไหมคะ?”

ได้ยินว่าแค่ทานข้าว เย่เฉินก็ไม่ได้ทำตัวไร้เหตุผล จึงพยักหน้า แล้วรับปากว่า “ได้”

เวลานี้ แอร์โฮสเตสสาวสวยบุคลิกดี ก็เริ่มเตือนทุกคนให้รัด เข็มขัดนิรภัย ให้ดี เพราะเครื่องเตรียมจะออกจากลานจอดแล้ว

จากนั้นเครื่องบินก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จนมาถึง ปลายของลานวิ่ง หลังวิ่งจนได้ความเร็วที่เพียงพอแล้ว ก็ทะยาน ขึ้นสู่อากาศ

ระหว่างเดินทางต่งตั่งหลินตื่นเต้นอย่างมาก หาหัวข้อสนทนามาคุยกับเย่เฉินที่อยู่ข้างๆ ไม่ขาด

แต่จิตใจของเยเฉินกลับอยู่ที่เย็นจึงตลอดเวลา โดยเน้นไปที่ ความทรงจําในวัยเด็กของตนเอง

หลังจากบินอยู่หนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที เครื่องบินก็ค่อยๆ ลดต่ำ

ลง สู่ลานวิ่งของสนามบินนานาชาติเย็นจึงอย่างมั่นคง

เวลานี้หัวใจของเยเฉินพลันเต้นโลดขึ้นมา ตะโกนก้องอยู่ใน ใจว่า “เย่นจิง ฉันกลับมาแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ