ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 461



บทที่ 461

ในตอนนี้ เยเฉันอดไม่ได้ที่จะกระซิบกับพ่อตาว่า “คุณพ่อ คุณน้า หานที่ทุกคนพูดถึง เป็นคนไหนกันแน่?

เซียวฉางควนเหลือบตามอง และตำหนิเบาๆว่า “อย่าไปยุ่ง เรื่องของคนอื่น!”

เยเฉินยักไหล่ และไม่พูดอะไรอีก

แต่กลับเป็นพันหยวนหมิงเคยเจอผู้คนมาเยอะ ดังนั้นสีหน้าจึง เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เริ่มแนะนำเจ้าหนุ่มคนนี้ให้กับทุกคน แล้วพูดว่า “ทุกท่านผมจะแนะนำให้ทุกคน นี่คือลูกเขยของผม จางเจี้ยน เขาทำอินเตอร์เน็ตอุตสาหกรรม ก่อตั้งบริษัทของตัว เอง เดี๋ยวนี้บริษัทก็กำลังจะบุกเบิกกิจการเข้าสู่ตลาดแล้ว”

“จะออกสู่ตลาดเหรอ” โจวซิ่งอดไม่ได้ที่จะถามอย่างชื่นชมว่า “หลังจากเข้าสู่ตลาดแล้ว บริษัทก็น่าจะมีมูลค่ากว่าหลายร้อย ล้านนะ?”

“หลายร้อยล้านเหรอ?” พันหยวนหมิงเบะปาก แล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงการเริ่มต้นด้วยเงินพันล้าน! คุณก็ไม่คิดดูดีๆ ตอนนี้ การออกสู่ตลาดยากนะ บริษัทที่ไม่มีกำลังมากพอ ก็ไม่สามารถ ผ่านการตรวจสอบที่มากมายจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ขนาดนี้ได้?”

พูดไป พันหยวนหมิงก็พูดอย่างภาคภูมิใจในตัวเองมากว่า”ผมจะบอกพวกคุณนะ รอให้บริษัทของลูกเขยผมเข้าสู่ตลาด มูลค่าในตลาดต้องมากกว่าพันล้าน ผลประกอบการบริษัทของ พวกเขาสองปีมานี้พุ่งสูงอย่างน่ากลัว หากพวกคุณสนใจที่อยาก หาเงินนะ ถึงเวลานั้นพวกคุณต้องซื้อหุ้นส่วนในบริษัทของพวก เขา! ”

ลูกเขยของพันหยวนหมิงจางเจี้ยน รีบพูดว่า “คุณพ่อ ท่านอย่า ช่วยผมคุยโม้เลย ผมก็เป็นแค่นักธุรกิจที่เพิ่งจะมีความสำเร็จแค่ เล็กน้อย เพื่อนเรียนเก่าแก่ของท่านถึงจะเป็นเสือซ่อนเล็บ คนรุ่น หลังอย่างผมไม่สามารถเทียบได้หรอกครับ?”

ความอ่อนน้อมถ่อมตนของจางเจี้ยน ได้รับความโปรดปราน ชื่นชมจากคนในงานไม่น้อย

ชายชราที่ทั้งศีรษะเต็มไปด้วยผมขาวอุทานว่า “ไอ้หยาหยวน หมิง ลูกเขยของคุณคนนี้ประสบความสำเร็จตั้งวัยหนุ่ม แถมยัง ปฏิบัติต่อคนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนและเรียบง่าย เป็นลูกเขยที่ เก่งรอบด้านจริงๆ!”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” พันหยวนหมิงพยักหน้าที่เต็มไปด้วย ความภาคภูมิใจ จากนั้นก็จงใจมองไปที่เซียวฉางค างควน แล้วถาม “ฉางควน แล้วลูกเขยคุณทำอะไรล่ะ?”

“ลูกเขยผม?” เซียวฉางควนมองไปที่เเฉิน ในใจก็ถอน หายใจ ถึงแม้ก็อยากจะโม้สักหน่อย โม้ว่าลูกเขยตัวเองเป็นคนที่ มีคุณสมบัติ แต่คิดไปคิดมา แต่ก็กลัวถูกเขาเปิดโปงแล้วกลาย เป็นเรื่องตลก ดังนั้นจึงพูดอย่างอึดอัด “ลูกเขยของผมทำงานบ้าน

* ทํางานบ้าน?” ทุกคนประหลาดใจจนยิ้มไม่ออก แม้แต่ในความฝันยังนึกไม่ถึงว่า เซียวฉางควนจะมีตอบแบบนี้ ออกมา

พันหยวนหมิงเบะปาก พูดว่า “ทำงานบ้านก็หมายความว่า ไม่มีงานทำสินะ? ผมได้ยินมาว่าเซียวฉางควนคุณก็อยู่บ้านว่าง งานด้วยใช่ไหม? ต้องการให้ลูกเขยผมหางานให้พ่อเขยกับ ลูกเขยทั้งสองไหม? ฉางควนคุณอายุมากไปหน่อย ยืนเฝ้าประตู ใหญ่น่าจะไม่มีปัญหา ลูกเขยคุณยังหนุ่มอยู่ มีประสบการณ์ใน การทํางานบ้าน ก็ตรงไปเป็นพนักงานในโรงอาหารทำอาหารให้ พนักงาน คุณว่าเป็นไง?”

เพื่อนนักเรียนที่อยู่รอบ ๆ หัวเราะออกมาดังลั่น

ตลอดเวลาเย่เฉินไม่ได้พูดอะไร หลายปีมานี้เขาถูกคนเยาะ เย้ยเหน็บแนมจนด้านชาตั้งนานแล้ว รุนแรงกว่านี้ก็มาก เขาไม่รู้ ว่าประสบกับเหตุการณ์นี้มาตั้งกี่ครั้งแล้ว เพราฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ สึกขายหน้าสักนิด กลับรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ของพันหยวนห มิงนั้นเด็กๆ

แต่เซียวฉางควนอึดอัดจริงๆ สีหน้าดูไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะด่าใน ใจ พันหยวนหมิงคนนี้ เหยียบจมูกขึ้นหน้าจริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ เจอหน้าก็เริ่มพูดจาเสียดสีแดกดันสารพัด ก็แค่เพราะว่าเมื่อ หลายปีที่แล้วตามจีบหานเหม่ยจึงไม่ติด? ถึงขนาดหลายปีที่ผ่าน มายังมีปัญหากับผม?
พันหยวนหมิงเห็นเขาไม่สนใจคำพูดคนอื่น ตั้งใจเยาะเย้ยว่า “เฮ้ย เซียวฉางดวน ผมใจดีช่วยแนะนำงานให้คุณ อย่างน้อยคุณ ก็พูดสักประโยค ?”

พูดจบเขาก็มองไปที่เย่เฉินอีกครั้งและพูดอย่างไม่พอใจ “ไอ้ หนู พ่อตานายอายุมากแล้ว สมองไม่ค่อยดี บางทีไม่รู้มารยาท ให้อภัยได้อยู่ หรือว่านายก็เหมือนกัน ไม่รู้จักมารยาทพื้นฐาน หรอ?”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “คุณอา ไม่ปิดบังท่าน จ้างผม ทำงาน เงินเดือนสูงนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ