ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่1168



บทที่1168

ฟังสวีลี่ฉินพูดแบบนี้ น้ำตาของจางเสี่ยวม่านจู่ๆก็ไหลรินออก มา

เมื่อซุนหงเหว่ยเห็นคู่หมั้นของตน ถูกแม่ของตัวเองหยาม เหยียดขนาดนี้ ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว จึงรีบกล่าว “แม่! เรื่อง แต่งงานของผมกับเสี่ยวม่านเป็นเรื่องของเราสองคน เพียงแค่ เราทั้งคู่มีความสุขก็พอแล้ว พวกเราไม่อยากคิดอะไรมากมาย ขนาดนั้น ดังนั้นแม่ก็อย่าใส่ใจอะไรมาก ได้เวลาแล้ว รีบจัดการ งานแต่งให้เสร็จก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ได้!” สวีลี่ฉินมองไปที่จางเสี่ยวม่านอย่างรังเกียจ กล่าว อย่างเหยียดหยาม “ฉันโมโห ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับพ่อแกมา ยัง ไม่เคยเสียเปรียบขนาดนี้มาก่อน ครอบครัวเธอเกาะพวกเราแท้ๆ ทำไมทำเหมือนกับพวกเราเกาะพวกเขาอย่างไรอย่างนั้นเลยละ ฉันกับพ่อของแกมาตั้งแต่เช้า ญาติสนิทมิตรสหายของเราก็มา นี่แต่เช้า สุดท้ายครอบครัวเธอล่ะ? นอกจากเจ้าสาวแล้ว ไม่มี ใครมาเลย! นี่หมายถึงไม่ให้เกียรติคน ดูถูกพวกเรา!”

จางเสี่ยวม่านรีบโบกมืออธิบาย “คุณป้าคะ คุณป้าเข้าใจผิด ไปกันใหญ่แล้วค่ะ พ่อแม่ของหนูไม่ได้ดูถูกคุณป้านะคะ พวกเขา แค่โมโห ดังนั้นจึงไม่มา

สวลี่ฉินกล่าวอย่างดูแคลน “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว การ แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ แกไม่ใช่เด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ จะมางานแต่งตัวคนเดียวได้ไงกัน? ฉันโตมาขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินว่าพ่อ แม่มีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีร่วมงานแต่งเลยนะ ถ้าเรื่องนี้ถูกป่าว ประกาศออกไปไม่ใช่แค่เสียหน้า แต่มันไม่เป็นมงคลด้วยนะ

พูดถึงจุดนี้ สวลี่ฉินกัดฟันกล่าว “จางเสี่ยวม่าน ฉันขอลั่นวาจา ไว้ตรงนี้ ถ้าวันนี้พ่อแม่แกไม่มา ไม่ต้องแต่งงานแล้ว!

เมื่อพูดออกมา จางเสี่ยวม่านแทบจะใจสลาย

เธอขอความช่วยเหลือจากเซียวหนและเย่เฉินอย่าง ทุลักทุเล กว่าจะผ่านการขัดขวางของพ่อแม่ เพื่อมาร่วมงาน แต่งงาน

เดิมทีคิดว่า การแต่งงานกับซุนหงเหว่ย ต่อให้ตนต้องทะเลาะ กับครอบครัวก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่มาถึงแล้ว เพิ่งจะรู้ว่า ครอบครัวของแม่ยายมีปัญหามากมายขนาดนี้รอตัว เองอยู่

เซียวซูหนทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เธอกล่าวอย่างเกรี้ยว กราดว่า “คุณป้าคะ รู้มั้ยว่าเพื่อการแต่งงานครั้งนี้เสี่ยวม่าน ต้อง เสียเปรียบมากมายเท่าไหร่ ต้องแลกกับอะไรไปเท่าไหร่?

สวีลี่ฉินขมวดคิ้วมองเซียวซูหน กล่าว “สาวน้อย ฉันไม่เคย พบคุณมาก่อน ดังนั้นฉันไม่อยากทำผิดต่อคุณ แต่บางครั้ง เรา ต้องมีเหตุผล วันนี้ฉันแต่งลูกสะใภ้ เชิญญาติมิตรสหายมา มากมายเพื่อร่วมงาน สุดท้ายครอบครัวของลูกสะใภ้ล่ะ ไม่มีใคร มาเลยสักคน คุณเคยเห็นการกระทำแบบนี้มาก่อนมั้ย?

เซียวชูหนรีบกล่าว “ก็มันเหตุสุดวิสัยมั้ย? พ่อแม่ของเสียวม่านไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากจริงๆ เสี่ยวม่านก็ตัดสินใจ อย่างเด็ดเดี่ยว จึงได้ทะเลาะกับครอบครัว เพื่อแต่งงานกับหงเหว

สวีลี่ฉิน นปาก “โธ่ พวกเราไม่บังอาจหรอก จะบอกให้นะ ถ้า จะแต่ง ก็ต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ ถ้าพ่อแม่ของเจ้าสาวไม่

มา ก็ไม่ต้องแต่ง ต่อให้พระเจ้ามาพูดกับฉันก็ไร้ประโยชน์” เซียวซูหวั่นกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ทำไมคุณเป็นแบบนี้?”

ตอนนี้เเฉินได้ห้ามเซียวซูหนไว้ มองไปยังสวลี่ฉินยิ้มพลาง กล่าว “พอละ ผมว่าคุณอย่าอ้างเหตุผลต่างๆนานาอีกเลย ทุกคน ก็โตๆกันแล้ว ถ้าพ่อแม่ของเสี่ยวม่านไม่มา จะทำยังไงให้คุณ ยอมจัดงานแต่งต่อไปได้?

สวีลี่ฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ง่ายมาก ลูกสะใภ้ที่พวกเราอยาก ได้ ต้องคู่ควรเพรียกพร้อม แต่ครอบครัวจางเสี่ยวม่านจนขนาดนี้ เพื่อความสุขของลูกชายฉันก็ยอมแล้ว แต่พ่อแม่เธอจะดูถูกกัน แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันทนพวกเขาก็แล้ว แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ ไว้หน้าฉัน? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็ว่ากันตามความจริง ยังไงครอบครัวของเราก็เป็นตระกูลคนรวยที่มีทรัพย์สินหลายสิบ ล้าน ถ้าจางเสี่ยวม่านอยากแต่งเข้าครอบครัวเรา อย่างน้อยก็ ต้องมีสินเดิมของฝ่ายหญิงสิบล้าน มิเช่นนั้นเลิกคุย

เมื่อจางเสี่ยวม่านได้ยินประโยคนี้ อารมณ์ที่กดไว้มาโดน ตลอด ได้ถูกอีกฝ่ายทำลายจนหมด

เธอไม่คาดคิด สวีฉินที่ลอบกัดอยู่ตรงกลางระหว่างตนและซุนหงเหว่ย จะมาลอบกัดกันอีกครั้งในตอนนี้ เอารับผิดชอบทุก อย่างมาที่ครอบครัวของตน

ด้วยเหตุนี้เอง เธอกล่าวด้วยความโกรธที่ซ่อนไว้ไม่อยู่ “ป้าส ถ้าป้าบอกตั้งแต่แรกว่าไม่ยอมให้ฉันแต่งเข้าไป ฉันก็จะไม่ อ้อนวอนอย่างไม่หยุดหย่อนหรอกนะ แต่ป้าพลางยอมให้ฉัน แต่งงานกับหงเหว่ย พลางขัดขวางแบบนี้ หมายความว่าไงกัน แน่? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ