ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 725



บทที่ 725

ตอนที่หม่าหลันถูกรุมตบ ในเรือนจำ เยเฉันก็ได้รับสายจาก เฉินจือข่าย เฉินจือข่ายก็พูดขึ้นว่า “นายน้อยครับ หม่าหลั่นถูกจับเข้าเรือน จําแล้วครับ เอาเธอไปอยู่ห้องขังเดียวกับนายหญิงใหญ่เชียวและ

เซียวเวยเวย”

เย่เฉินถามว่า “ไปทักทายกับผู้คุมรึยัง?”

เฉินจือข่ายตอบว่า “ผมได้สั่งลูกน้องผมไปแล้ว ได้ทักทายไป ยังผู้รับผิดชอบของเรือนจำแล้ว หม่าหลันจะโดนรังแกอย่างไร ด้านใน ก็จะไม่มีใครดูแลเธอ”

“ดีมาก” เย่เฉินพูดเสียงเย็นว่า “ให้เธอได้รับโทษในนั้นเสีย หน่อย! ”

เฉินจือข่ายรีบถามว่า “นายน้อยครับ ให้ผมจัดการส่งคนไป จัดการเธอข้างในเลยไหมครับ? แบบนี้เธอจะได้ไม่สามารถมาส ร้างปัญหาให้คุณได้อีก”

เย่เฉินก็ลังเลสักพัก แล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน เดี๋ยวผมดู สถานการณ์ก่อน”

สำหรับเย่เฉินแล้ว เขาหวังว่าแต่นี้เป็นต้นไป หม่าหลันจะหาย ออกไปจากชีวิตของตนเองและเซียวซูหน
แล้วอีกอย่าง เขาเชื่อว่าเซียวไหล่กวนก็คงจะไม่มีความเห็นกับ เรื่องนี้ กลับกันเขาคงจะโล่งอกด้วยซ้ำ

แต่ว่า ทางเซียวซูหนนั้น ก็พูดยากหน่อย

ตามที่เย่เฉินรู้จักเธอ เธอเป็นคนที่กตัญญูมาก เป็นผู้หญิงที่มี คุณธรรมมาก ถ้าหากว่าแม่เธออยู่ดีๆ ก็หายไปจากโลกนี้ ชีวิตนี้ เธอก็คงจะปล่อยวางยาก

ดังนั้น เย่เฉินก็จะดูท่าทีของเซียวซูหนก่อน

เพื่อที่จะไม่ให้เชียวชูหนมองอะไรออก ตอนเย็นที่เขาไปซื้อผัก ที่ตลาด ก็ยังซื้อมาในจำนวนคน4คนกิน แล้วยังซื้อของที่หมา หลันชอบกินมาด้วย

แต่ว่า หม่าหลันคงจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติมันเสียแล้ว

จางกุ้ยเฟินก็นำพรรคพวก มารุมตบหม่าหลันจนเกือบตาย พอ เห็นว่าเธอโดนตบจนหน้าบวมเป็นหัวหมูแล้ว ก็เลยปล่อยเธอไป ชั่วคราว แล้วก็พูดข่มขู่เสียงดังว่า “จะบอกให้นะ พอเดี๋ยวผู้คุม เข้ามาก็อย่าพูดอะไรออกไป ไม่งั้นจะตบมึงอีก! เข้าใจไหม?”

หม่าหลันมีหรือจะกล้าขัด ก็รีบพยักหน้าพูดว่า “รู้แล้วๆ ฉันจะ ไม่พูดอะไร………..

จริงๆ แล้ว ในใจหม่าหลันคิดว่า พอผู้คุมเข้ามา ก็จะรีบร้องขอ ให้ช่วย ฟ้องต่อผู้คุมว่าอีสารเลวพวกนี้มันทำอะไรกับตน พอถึง ตอนนั้นพวกมึงแต่ละคนก็อย่าหวังจะสบายอีกต่อไป ตนเอง ได้ยินมาว่า ถ้านักโทษในเรือนจําทำร้ายร่างกายกัน ก็จะถูกลงโทษมากขึ้น!

พอตอนที่เเฉินกลับบ้านมาทำกับข้าวนั้น ทางฝั่งเรือนจำก็ถึง

เวลาอาหารพอดี

ในเรือนจำนั้น ไม่ว่าเวลาไหนก็ต้องเน้นเรื่องระเบียบวินัย จะ กินข้าว เข้านอน ตื่นนอน ก็จะเร็วกว่าปกติ ดังนั้นพวกเธอกินข้าว เย็นก็เร็วกว่าปกติ

ตอนที่ผู้คุมมายังห้องขังของหม่าหลัน หม่าหลันเพิ่งโดนรุมตบ ไปไม่นาน เธอก็อยู่ตามมุมห้อง แม้แต่แรงที่จะลุกนั่งก็ยังไม่มี เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผล น่าอนาถมาก

ผู้คุมเปิดประตูห้องขัง แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ได้เวลากินข้าวแล้ว ห้องพวกคุณส่ง……….

เพิ่งพูดจบ หม่าหลันที่หน้าตาบวมเขียวก็คลานไปยังเธอ ปาก ก็ตะโกนร้องไห้พูดว่า “ผู้คุมช่วยด้วยผู้คุม! พวกมันรุมตบฉัน มันจะฆ่าฉันให้ตาย! คุณต้องลงโทษพวกมันให้หนักๆ เลย นะ! ”

ผู้คุมก็มองเธออย่างคิ้วขมวด แล้วก็นึกคำที่เจ้านายสั่งไว้ จาก นั้นก็เห็นเธอเป็นอากาศไปเสีย ไม่สนใจ แล้วก็หันมาพูดกับพวก จางกุ้ยเป็นว่า “ห้องพวกคุณส่ง2คนไปยกข้าวมา

จางกุ้ยเฟินเห็นหม่าหลันฟ้องออกไปอย่างนั้น ก็เริ่มกังวล กลัว ว่าจะโดนขังเดี่ยว แต่ไม่คิดเลยว่าผู้คุมจะไม่สนใจเธอ ก็เลยโล่ง อกไป แล้วก็รีบสั่งผู้หญิงข้างๆ ไปว่า “พวกเธอ2คนตามผู้คุมไป เอาข้าวไป! ”
ลงโทษมากขึ้น!

พอตอนที่เเฉินกลับบ้านมาทำกับข้าวนั้น ทางฝั่งเรือนจำก็ถึง

เวลาอาหารพอดี

ในเรือนจำนั้น ไม่ว่าเวลาไหนก็ต้องเน้นเรื่องระเบียบวินัย จะ กินข้าว เข้านอน ตื่นนอน ก็จะเร็วกว่าปกติ ดังนั้นพวกเธอกินข้าว เย็นก็เร็วกว่าปกติ

ตอนที่ผู้คุมมายังห้องขังของหม่าหลัน หม่าหลันเพิ่งโดนรุมตบ ไปไม่นาน เธอก็อยู่ตามมุมห้อง แม้แต่แรงที่จะลุกนั่งก็ยังไม่มี เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผล น่าอนาถมาก

ผู้คุมเปิดประตูห้องขัง แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ได้เวลากินข้าวแล้ว ห้องพวกคุณส่ง……….

เพิ่งพูดจบ หม่าหลันที่หน้าตาบวมเขียวก็คลานไปยังเธอ ปาก ก็ตะโกนร้องไห้พูดว่า “ผู้คุมช่วยด้วยผู้คุม! พวกมันรุมตบฉัน มันจะฆ่าฉันให้ตาย! คุณต้องลงโทษพวกมันให้หนักๆ เลย นะ! ”

ผู้คุมก็มองเธออย่างคิ้วขมวด แล้วก็นึกคำที่เจ้านายสั่งไว้ จาก นั้นก็เห็นเธอเป็นอากาศไปเสีย ไม่สนใจ แล้วก็หันมาพูดกับพวก จางกุ้ยเป็นว่า “ห้องพวกคุณส่ง2คนไปยกข้าวมา

จางกุ้ยเฟินเห็นหม่าหลันฟ้องออกไปอย่างนั้น ก็เริ่มกังวล กลัว ว่าจะโดนขังเดี่ยว แต่ไม่คิดเลยว่าผู้คุมจะไม่สนใจเธอ ก็เลยโล่ง อกไป แล้วก็รีบสั่งผู้หญิงข้างๆ ไปว่า “พวกเธอ2คนตามผู้คุมไป เอาข้าวไป! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ