ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1714



บทที่ 1714

เอมิ นานาโกะเองก็ยังกล่าวอีกว่า “ใช่นานาโกะ ตอนนี้เธอ ควรเป็นตัวแทนของพ่อเธอในการยืนขึ้นหน้าเวที ให้พ่อของเธอ สั่งสอนและให้คำแนะนำแก่เธออยู่เบื้องหลัง

อิโตะพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “ตกลง ฉันจะพยายามทำให้ ดีที่สุด!!

นางาฮิโกะ อิโตะและ เอมิ นานาโกะ เมื่อเห็นว่านานาโกะ รับปากอย่างง่ายดายก็ค่อยโล่งใจ

นางาฮิโกะ อิโตะย่อมมีความหวังที่สูงมากต่อลูกสาวของตน เพียงแต่ก่อนหน้านี้นานาโกะหมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้ และ ไม่สนใจในการดำเนินงานและการจัดการธุรกิจของตระกูลมาก นัก

ในขณะนั้นนางาฮิโกะ อิโตะ ยังคงกังวลว่าจะทำอย่างไรให้ ลูกสาวของตนค่อยๆ หันมาจดจ่ออยู่กับการสืบทอดอุตสาหกรรม ของตระกูล

แต่เดิมเขาคิดว่า ร่างกายของตนยังคงแบกมันเอาไว้ได้อีก กว่าสิบปี แบบนี้ก็สามารถให้อิโตะ นานาโกะได้มีเวลาอิสระเพิ่ม ขึ้นอีกหลายปี

คิดไม่ถึงว่าในพริบตาสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ แม้ว่าในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีรากฐานมาจากประเทศจีน แต่ว่าก็ได้มีการพัฒนาในท้องถิ่นไปแล้วไม่มากก็ น้อย

ในประเทศจีน ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผล ประโยชน์เป็นอันดับแรก และไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกมาก นัก

อย่างไรก็ตาม ในญี่ปุ่น สืบเนื่องมาจากหลังการฟื้นฟูสมัยเมจิ ส่งผลให้มีความเป็นตะวันตก ในระดับสูง ดังนั้นผู้ประกอบการ ชาวญี่ปุ่นนั้น ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกขององค์กร เป็นอย่างมาก

ขอยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด หากเป็นพนักงานในบริษัทญี่ปุ่น ใน ช่วงฤดูร้อนจะต้องปวดหัวอย่างยิ่ง

เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ล้วนให้พนักงานของพวกเขา สวมเสื้อผ้าเป็นทางการในเวลาทำงาน แม้แต่ในช่วงกลางฤดู ร้อน พวกเขายังต้องสวมเสื้อเชิ้ตและชุดสูท หรือแม้กระทั่งสวม เนคไท

ดังนั้น ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นหากจัดงานแถลงข่าวหรือเข้า ร่วมกิจกรรมสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนต้องแต่ง กายด้วยชุดทางการ

อีกทั้งคนญี่ปุ่นนั้นยังชอบคำนับ เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายหนึ่งกำลัง พูด อีกฝ่ายก็จะยืนขึ้นและโค้งคำนับ 90 องศาจากนั้นจึงนั่งลง และเอ่ยพูดต่อ

ดังนั้น สภาพของนางาฮิโกะ อิโตะในตอนนี้นั้น ไม่เหมาะที่จะเป็นตัวแทนขององค์กรต่อภายนอก

แม้ว่าอิโตะ นานาโกะจะยังเด็ก แต่เธอมีภาพลักษณ์ที่ยอด เยี่ยม อีกทั้งยังสอดคล้องกับสุนทรียศาสตร์ของญี่ปุ่นอย่างยิ่ง การให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบงานภายนอก สำหรับตระกูลอิโตะ แล้วถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เยเฉันเองก็คาดหวังกับอิโตะ นานาโกะเช่นด้วย เขาเอ่ยปาก ให้กำลังใจ “ถ้านานาโกะเข้ามารับช่วงของตระกูลอิโตะ ถือได้ ว่ามีศักยภาพพอที่จะทำให้ตระกูลอิโตะกลายเป็นองค์กรที่โด่ง ดัง ถึงตอนนั้นสื่อจะต้องเล่นข่าวภาพลักษณ์ของประธานหญิง สาวสวยอย่างแน่นอน หากภาพลักษณ์ประธานสาวสวยของนา นาโกะประสบความสำเร็จ ถึงตอนนั้นก็จะช่วยให้ตระกูลอิโตะ สามารถบรรลุผลลัพธ์เป็นสองเท่า โดยใช้แรงเพียงแค่ครึ่ง

อิโตะ นานาโกะได้ยินคำพูดของเเฉิน เธอก็รู้สึกอายอยู่บ้าง และเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เก๋เฉินซังอย่าได้ล้อนานาโกะเล่น สินะ ฉันไหนเลยจะมีบุคลิกของประธานสาวสวย นี่ไม่มีอะไรมาก ไปกว่าการไล่ให้เป็ดขึ้นคอน ทำในสิ่งที่ต้องทำก็เท่านั้นเอง”

เย่เฉินกล่าวอย่างจริงจังว่า “อย่าได้ดูถูกตัวเองเป็นอันขาด อาศัยภาพลักษณ์และบุคลิกที่สมบูรณ์แบบของเธอ ในอนาคตจะ ต้องกลายเป็นผู้ประกอบการสาวสวยที่ทั้งญี่ปุ่นชมชอบอย่างบ้า คลั่งแน่ ดีไม่ดีอาจกลายเป็นเช่นนามบัตรของธุรกิจญี่ปุ่นในต่าง ประเทศ”

อิโตะ นานาโกะถูกเย่เฉินเอ่ยชมขนาดนี้ ในใจของเธอก็ทั้งอายทั้งยินดี บวกกับที่เธอก็ยังเป็นแค่สาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งจะมี อารมณ์ความรักตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ในเรื่องแบบนี้เธอไม่มีความ สามารถที่จะไปซ่อนเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงทำได้เพียงก้ม หน้าจุดมากขึ้นเรื่องๆเท่านั้น

นางาฮิโกะ อิโตะเห็นความผิดปกติของบุตรสาวในทันที ใน ตอนนี้ เขามั่นใจแล้วว่า ลูกสาวของเขาตกหลุมรักเย่เฉินชาย หนุ่มชาวจีนคนนี้

หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของ ตนเองมากขึ้น

ในเวลานี้ ในฐานะพ่อ ในใจส่วนลึกของเขารู้สึกเศร้าอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกัน เขารู้สึกดีใจอยู่บ้างต่อวุฒิภาวะทางอารมณ์ นี้ของบุตรสาว

ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากว่า “เอมิ นานาโกะ พวกเธอสองคนออก ไปก่อน ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับคุณเย่เป็นการส่วน ตัว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ