ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1713



บทที่ 1713

เมื่อฟังนางาฮิโกะ อิโตะพูดจบ เย่เฉินก็ต้องมองเขาใหม่อยู่

บ้าง

ดูเหมือนว่า นางาฮิโกะ อิโตะจะมีวิสัยทัศน์โดยรวมที่ดีอย่าง ยิ่ง อีกทั้งยังสามารถควบคุมความโลภในใจได้ ไม่โลภเกินไป อีกทั้งยังไม่หุนหันพลันแล่น

หากเปลี่ยนมาเป็นตระกูลที่มีความทะเยอทะยานและโลภมาก เวลานี้เกรงว่าคงเริ่มวางตัวสูงส่งทันทีและลงมือพร้อมกันทั้งสอง ด้าน

ด้านหนึ่งกดตระกูลอื่นๆ ในประเทศลงและพยายามกินส่วน แบ่งของพวกเขาให้ได้ภายในเวลาอันสั้น ให้ตนเองได้กินจนอ้วน

อีกด้านหนึ่งก็ยังคงร่วมมือกับตระกูลใหญ่ในต่างประเทศโดย เร็วที่สุด เพื่อเปิดช่องทางการทำกำไร และพัฒนาตนเองอย่าง รวดเร็ว

แต่ว่า นางาฮิโกะ อิโตะนั้นกลับสามารถมองเห็นสถานการณ์ ในนั้นได้อย่างชัดเจนอย่างยิ่ง รวมถึงอันตรายและภัยพิบัติที่ แอบแฝงอยู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตระกูลซูเป็นตระกูลที่โหดเหี้ยมอย่าง

แท้จริง

ตระกูลแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีศีลธรรมในวงการ แต่ทั้งยังไม่มีมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานอีกด้วย

หากร่วมมือกับตระกูลเช่นนี้ ก็จะต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ไม่

เช่นนั้นก็อาจถูกอีกฝ่ายแทงข้างหลังอย่างโหดเหี้ยมเอาได้ แต่ถ้าหากหันทิศไปคู่แข่งของตระกูลซูแทน แบบนั้นก็เท่ากับ กำลังยืนเผชิญหน้ากับตระกูลซูโดยตรง ปัจจัยเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

ในเมื่อเป็นแบบนี้ การปิดประตูลงและพยายามพัฒนาตัวเอง ขึ้นมายังดีเสียกว่า

เอมิ นานาโกะเองก็เข้าใจความกังวลและการมองการณ์ไกล ของพี่ชายเธอ เธอเอ่ยอย่างจริงจังว่า “พี่ชายคุณพูดถูก เป็นเอมิ ที่ โง่เขลาเกินไป ไม่มองเห็นถึงขั้นนี้

นางาฮิโกะ อิโตะ โบกมือ “ความคิดของเธอถือเป็นเรื่องปกติ การสร้างธุรกิจก็เหมือนกับการพนันฉากหนึ่ง จะเดิมพันให้มาก ขึ้นหน่อย บางทีก็อาจจะชนะและมีอนาคตที่ไม่มีใครเทียบได้ หรือไม่ก็เมื่อเก็บปได้มากพอถึงขั้นหนึ่งแล้ว พอเรียนรู้เข้าใจ แล้วก็เลิก…..

เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางาฮิโกะ อิโตะก็ถอนหายใจ “หากเป็นก่อน หน้าคืนนี้ บางทีฉันคงเหมือนกับเธอ อาศัยโอกาสนี้ไปสู้กับเขา แต่ว่า หลังจากเดินเข้าประตูนรกไปแล้วรอบหนึ่งและสูญเสียขา ไป ในที่สุดฉันก็รู้คุณค่าของชีวิต เข้าใจความหมายของการมี ชีวิตอยู่ นอกจากนี้ หลังจากรู้ว่าเกือบจะสูญเสียนานาโกะไป ฉัน ก็ยิ่งตระหนักเรื่องนี้มากขึ้น ”

“ดังนั้น ตอนนี้ฉันคิดอย่างระมัดระวังอยู่บ้าง การดำเนินการอย่างมั่นใจสำคัญกว่าสิ่งใดๆทั้งสิ้น

เอมิ นานาโกะพยักหน้าอย่างจริงจัง

ในเวลานี้ นางาฮิโกะ อิโตะมองดูอิโตะ นานาโกะ และพูด อย่างจริงจังว่า “นานาโกะ ในเมื่อตอนนี้ลูกหายดีแล้ว ต่อจากนี้ ไปก็พักอยู่ที่โตเกียวกับโอโต้ซังเถอะ”

อิโตะ นานาโกะลังเลเล็กน้อย

เธอชอบสภาพแวดล้อมของเกียวโต และตัดใจไปจากเกียวโต ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คิดถึงสถานการณ์พิเศษในตอนนี้ ตนเอง ก็ไม่สามารถทำตามความชอบของตัวเองได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอ จึงพูดในทันทีว่า “ได้ค่ะ โอโต้ซัง นานาโกะจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ!”

นางาฮิโกะ อิโตะ “ให้ลูกอยู่ในโตเกียว ไม่เพียงแค่เพราะให้ มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อ แต่นี่ก็เพื่อให้ลูกได้เข้ามาติดต่อกับธุรกิจและ อุตสาหกรรมของตระกูลให้เร็วขึ้น และเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับ การสืบทอดตำาแหน่ง

อิโตะ นานาโกะ รีบพูด “โอโต้ซัง นานาโกะไม่มีประสบการณ์ ในการจัดการอุตสาหกรรมของตระกูลเลยสักนิด ตอนนี้ออกจะ ยังเร็วเกินไปหรือไม่?”

นางาฮิโกะ อิโตะพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ยังเร็วไปอยู่ หน่อยจริงๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์พิเศษออกไป พ่อไม่มีขาแล้ว จากนี้ไปไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหว…
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางาฮิโกะ อิโตะก็ถอนหายใจด้วยความ โดดเดี่ยวเล็กน้อย “นอกจากนี้ พ่อในฐานะคนพิการคนหนึ่ง ไม่ เหมาะที่จะเป็นตัวแทนในการออกหน้าต่อสาธารณะของตระกูล จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตระกูล”

“ดังนั้น ตอนนี้ลูกควรเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาสืบทอดต่อจาก พ่อ อย่างน้อยๆ ลูกจะต้องแบกรับภาพลักษณ์ภายนอกของตระ กูลอิโตะก่อน ในอนาคต ลูกจะเป็นตัวแทนของตระกูลอิโตะต่อ ภายนอก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ