ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 79 ฉันว่าแกถึงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว



บทที่ 79 ฉันว่าแกถึงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

เขียวให้หลงลงไม้ลงมือได้อย่างว่องไว แล้วเยเงินกลับหลบไป

ด้วยความง่ายดาย

จากนั้น เขาก็พลิกมือของจับข้อมือของเซียวไห่หลงไว้ แล้วสะ บัดเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มพูดด้วยความเย็นชา “ทำไม? แผลบนมือ ของนายหายหรือยัง? พอแผลหายแล้วก็ลืมความเจ็บปวดหรอ?

ทันใดนั้นเชียวให้หลงได้ถึงแรงอันใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอยไปด้านหลังสองก้าว ภายในใจรู้สึกทั้ง เครียดทั้งตกใจ

แรงมือของไอ้หมอนี้ไม่เล็กจริงๆ!

ภายในใจรู้ว่าเเฉินต้องไม่ใช่คู่แข่ง เซียวให้หลงจึงก่นด่า ด้วยความเลือดเย็น “แม่งเอ้ย ไอ้สวะแกรอก่อน ตอนนี้จะไปเรียก ผู้จัดการมาไล่แกออกไปเดี๋ยวนี้! ”

พูดไป เซียวให้หลงหันไปตะโกนใส่ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ

ไม่นาน ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูทอันสง่าสาวเท้ามา ด้าน หลังมีบอดี้การ์ดสองคน

ชายวัยกลางคนมีท่าทางที่ไม่เหมือนทั่วไป แล้วคลี่ยิ้มอ่อนๆ พลางพูดกับเชียวให้หลง “คุณเชียวครับ มีอะไรจะสั่งการครับ? ”
“ผู้จัดการ เช็คการ์ดเชิญของพวกเขาสองคนให้ที” เขียวให้ หลงยื่นมือไปที่เย่เฉิน แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “ผมสงสัยว่า การ์ดเชิญของพวกเขาสองคนเป็นของปลอม”

เพื่อที่จะปิดข้อมูลส่วนตัวของแขก การ์ดเชิญทุกๆ ใบไม่มีชื่อ ของแขก แค่จะมีหมายเลขเท่านั้น

หลังจากที่ป้อนหมายเลขเข้าไปในแอปมือถือ ก็จะสามารถ สืบหารายชื่อของแขกที่มาร่วมงาน

ผู้จัดการเห็นเขียวไห่หลงใส่เสื้อผ้าที่หรูหรา ก็รู้ว่าเขาคือคน ของตระกูล จึงหันไปมองเเฉิน กลับสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา จึง เผยยิ้มอันเย้ยหยันออกมา แล้วพูดกับเเฉิน “ได้โปรดแสดง การ์ดเชิญ ผมจะเช็คดู”

ถึงแม้ท่าทางของเขาจะเกรงอกเกรงใจ ทว่าสายตากลับเต็ม ไปด้วยการดูหมิ่น

เพราะว่าเเฉินสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แค่มองจากภายนอก ก็ ไม่เหมือนเป็นแขกคนสำคัญที่เข้ามาในเชิงเป่าเก๋อได้

เยเฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ดูหมิ่นของฝ่ายตรงข้าม แล้วอดไม่ ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองใจ จึงได้พูดด้วยความเย็นชา “หากฉันไม่ให้ ล่ะ”

ผู้จัดการไอแห้งๆ หนึ่งที นัยน์ตาเย็นชาขึ้น แล้วเอ่ยถามต่อ “งั้นถามได้ไหมว่าคุณเป็นสมาชิกตระกูลใดในเมืองจีนหลัง

เย่เฉินยังไม่ทันพูดออกมา เซียวไม่หลงก็แย่งพูดก่อน “เขาคือคนของตระกูลเซียวของพวกเรา ไม่ใช่ เขาคือลูกเขยที่แต่งเข้า ตระกูลเซียวของพวกเรา จริงๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นคนของตระกูลเขียว หรอก พูดความจริง ก็ถือว่าเป็นหมาตัวหนึ่งของพวกเรา! ”

“เขยแต่งเข้า” ประโยคนี้ ทำให้ผู้จัดการเดาออกคร่าวๆ แล้ว

คนที่มีฐานะในเมืองจีนหลิง จะเป็นเขยแต่งเข้าได้ไง

ผู้จัดการทำสีหน้าที่หม่นหมอง แล้วพูดขึ้น “พูดมาเถอะ คุณ เข้ามาได้ยังไง? ”

การต้องเผชิญกับสายตาที่สืบสวนของคนกลุ่มนี้ เยเฉันรู้สึกได้ ความอดทน การกระทำที่แบ่งแยกแขกของเจ๋งเป้าเก่อเป็นหลาย ระดับ ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก

เขาจึงพูดด้วยความเย็นชา “แน่นอนว่าฉันต้องเดินเข้ามาส

ผู้จัดการรู้ถึงฐานะอันต่ำต้อยของเเฉิน ก็ไม่ได้ลองเชิงอีก แล้วพูดด้วยความเย็นชา “หากคุณไม่ทำตามกฎระเบียบ แล้ว เอาการ์ดเชิญมาให้ผมตรวจเช็ค งั้นผมคงทำได้เพียงเชิญคุณ ออกไป

พูดจบ เขาจึงผายมือ บอดี้การ์ดสองคนตอบกลับแล้วเดินหน้า มาทันที จากนั้นก็ล้อมเเฉินไว้ด้วยความโหดเหี้ยม

เซียวฉางควนเห็นสถานการณ์แบบนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึก กระวนกระวาย

เขากลัวว่าการ์ดเชิญจะมีปัญหาจริงๆ ดังนั้นจึงพูดกับเเฉิน ด้วยความเร่งรีบ “เย่เฉิน ฉันว่าพวกเราอย่าสร้างเรื่องอะไรเลยบกลับกันเถอะ”

เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามด้วยความคาดคิดไม่ถึง “พ่อ พ่อ ไม่ใช่ว่าจะดูการประมูลหรอ? ”

เขียวฉางควนส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ไม่ไปแล้ว สถานที่แบบนี้ แรกก็ไม่ใช่ที่ที่พวกเราควรมา เดี๋ยวถูกคนอื่นไล่ออกไป ยิ่งเสีย หน้าเข้าไปกันใหญ่………

เย่เฉินเห็นพ่อตาตัดสินใจแล้ว ก็ไม่พูดไม่จารึก เลยพยักหน้า แล้วพาเขียวฉางควนเดินออกไปด้านนอก

ก็แค่งานประมูลงานหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางเข้าตาของตัวเอง ตั้งแต่ตอนแรก ไหนๆ พ่อตาบอกว่าไม่อยากดูแล้ว งั้นตัวเองก็ไม่ ต้องอยู่ต่อที่นี่ แล้วถูกคนพวกนี้หาเรื่องหรอก

สําหรับซ่งหวั่นถึง หากเธอถามถึงตัวเอง ตัวเองจะบอก โดยตรงว่างานของตระกูลข่งของเธอ เกรงว่าผมจะเอื้อมไม่ถึง จากนั้น เขากับพ่อตาจึงหันหลังเดินจากไปพร้อมกัน

เซียวไม่หลงที่อยู่ด้านหลังหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไอ้ผู้ชาย ธรรมดา กลัวแล้วหรอ? ละลายใจใช่ไหม? กลับยังกล้าแอบเข้า มาในงานประมูลตระกูลซึ่งอีก รนหาที่ตายจริงๆ! ”

เย่เฉินไม่สนใจเขา แล้วสาวเท้าออกไปด้านนอก

และในตอนนี้ จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ตะโกนขึ้น

แค่เห็นทุกคนหลีกทางออกมาหนึ่งทาง ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง จึงสาวเท้าเข้างาน

ผู้หญิงอยู่ในชุดราตรีสีดำ ใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลา รูปร่าง สัดส่วน มาก

ใต้แสงไฟที่สว่าง ใบหน้าอันงดงามของเธอ สง่าผ่าเผย ทุกๆ การกระทําของเธอ แม้กระทั่งตอนเดิน ท่าทางยังสง่าผ่าเผยเป็น พิเศษ

สาวสวยคนนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงหายาก ทำให้เชียวให้หลง มองแล้วเหม่อลอย

ซึ่งหวั่นถึงเดินเข้ามาในงาน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไป แล้ว มองไปยังสองที่นั่งว่างที่จัดเป็นโซนวีไอพีตรงแถวหน้า แล้วเอ่ย ถามขึ้น “แขกวีไอพีสองท่านที่ฉันเชิญมายังมาไม่ถึงหรอ? ”

เป่าฟูกุ้ยมองข่าวสารของแขกเพียงพริบตา แล้วขมวดคิ้ว พลางพูดขึ้น “คุณหนูซ่ง ตรงทางเข้าปรากฏให้เห็น การ์ดเชิญ ของแขกทั้งสองท่านถูกตรวจเช็คแล้ว นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวก เขาเข้ามาในงานประมูลของพวกเราแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แล้ว”

พูดจบ เขาจึงสั่งการขึ้น “ไปเรียกผู้จัดการมา

ไม่นาน ผู้จัดการเดินมา แล้วเอ่ยถาม “เจ้าของร้านเป่า ท่านมี อะไรจะสั่งการไหม? ”

เป่าฟูกุ้ยจึงไปยังโซนวีไอพีที่ว่างสองที่นั่ง แล้วเอ่ยถาม “การ์ดเชิญของแขกเหรื่อทั้งสองท่านตรวจหรือยัง ทำไมคนยังมาไปที่นั่งอีก? ”

“แขกวีไอพีสองท่าน? ” ผู้จัดการจึงนึกถึงคนแก่คนหนึ่งและ ขายหนุ่มหนึ่งคนที่ถูกตัวเองไล่ออกไป

หรือว่า…….

น่าจะไม่ใช่……….

ไหนๆ พวกเขาก็มีการ์ดเชิญแล้ว อีกอย่างยังเป็นวีไอพี ทำไม ไม่ให้ตัวเองตรวจเช็ค

หรือว่าจะโกรธ?

จบแล้ว……

เป่าฟูกุ้ยมองท่าทางที่กระวนกระวายเพียงพริบตา แล้วเหลือบ มองบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ เพียงแวบตาเดียว แล้วพูดขึ้น “นายมา พูด”

บอดี้การ์ดไม่กล้าปิดบัง จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ออกมา หนึ่งรอบ

หลังจากฟังจบ ซึ่งหวั่นถึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วมองเป่ายใน พริบตาเดียว แล้วพูดขึ้น “เจ้าของร้านไป ฉันไปหาคุณเยก่อน ที่นี่ ปล่อยให้คุณจัดการ เรื่องนี้ หวังว่าคุณจะให้คำตอบที่พอใจให้ กับฉัน”

เป่ายพยักหน้าไม่หยุด แล้วมองซึ่งหวั่นถึงที่จากไป ใบหน้า เคล้าด้วยความหม่นหมอง แล้วมองผู้จัดการคนนั้น “แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? แม้กระทั่งแขกวีไอพีที่คุณหนูซึ่งเชิญมายัง กล้าผิดใจด้วย?? ”

ขาทั้งสองข้างของผู้จัดการอ่อนแรง แล้วรีบคุกเข่าลง แล้วไป ยังเซียวให่หลงที่อยู่ไม่ไกลแล้วตะโกนร้องไห้ “เจ้าของร้านเป่า ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะไอ้หมอนั่นมันทำร้ายผม! ”

เป่าฟูกุ้ยถีบลงใบหน้าของผู้จัดการอย่างรุนแรง แล้วทำให้ตัว เขาพลิกคว่ำอยู่บนพื้น แล้วก่นด่า “ยังจะดูถูกคนหนึ่งอีก ตอนนี้ รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ฉันเห็นหน้าแกอีก! อีกอย่าง วันนี้ทุกอย่างที่ทำให้เสียดาย ตามเงื่อนไขของสัญญาการว่าจ้าง ให้แกจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด ถ้าขาดไปบาทเดียว ฉันจะทำให้ แกตาย! ”

“เจ้าของร้าน……..ยกโทษให้ผมเถอะ……..

ผู้จัดการรู้สึกตกใจจนไม่น้อย นี่เสียหายไปไม่น้อยเลย ถ้าจะ ให้ชดใช้ทั้งหมด ตัวเองเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาใช้คืนก็ยังไม่พอ เลย

“ควรจะชดใช้เท่าไหร่ ทหารจะบอกแกเอง” เป่าฟูกุ้ยพูดด้วย

ความเย็นชา

ผู้จัดการรู้สึกท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับ แล้วคุกเข่าพลาง หมอบกราบขอโทษไม่หยุด

เป่าฟูกุ้ยกับเขาหนึ่งทีด้วยความเกลียดแค้น แล้วส่งสายตาให้ กับบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เอาตัวออกไป แล้วเขาของมันให้หัก! ใครสั่งให้เขาไม่มีตาเอง
เขาอยู่ในโลกธุรกิจมาหลายปี โดยธรรมชาติแล้วก็ไม่ใช่คน จิตใจดีอะไร ต่อหน้าทุกคนอาจจะไม่แสดงออกมา ทว่าถ้าอยู่ เป็นการส่วนตัว ก็ไม่เคยอภัยง่ายๆ

“เจ้าของร้าน ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้อีกสัก

ครั้ง…….” ผู้จัดการรู้สึกตกใจจนฉี่ราด แล้วพยายามขอให้อภัย บอดี้การ์ดทั้งสองพุ่งเข้ามา แล้วจับแขนลากเขาไป

เป่าฟูกุ้ยถึงจะมองไปยังเซียวไห่หลง แล้วบอกกับคนข้างๆ “ไป ไปลากตัวเขียวไห่หลงมาให้ฉัน! ”

เซียวให้หลงรู้สึกได้ใจในเวลานี้ พอได้ยินว่าเจ้าของร้านเจ๋ง เปาเก้อจะมองหน้าตัวเอง สีหน้าจึงรื่นเริงมาก

ใครก็รู้ว่าเจ้าของร้ายเจ๋งเป่าเกือมีภูมิหลังที่ลึกลับ นี่ถ้า สามารถสานความสัมพันธ์และเลียแข้งเลียขาได้ วันข้างหน้าต้อง ได้ผลประโยชน์แน่นอน!

แล้วเดินไปถึงตรงหน้าของเป่าฟูกุ้ย เซียวไม่หลงพูดด้วยความ เคารพ “อัยโย เจ้าของร้านเป่า สวัสดีครับ! กระผมได้ยินชื่อเสียง ของท่านมานานแล้ว วันนี้ได้เจอ ช่างเป็นบุรุษที่สูงส่งและโดด เด่นจริงๆ สมดั่งคำร่ำลือจริงๆ! ”

เป่าฟูกุ้ยกัดฟันกรอด แล้วใช้ขาถีบเซียวให้หลงไปไกลๆ แล้ว ก่นด่า “แม่งเอ่ย เซียวไห่หลงใช่ไหม แม้กระทั่งแขกของคุณหนู ซึ่งพวกเราแกบยังกล้าทำผิดด้วย ฉันว่าแกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วไข่ไหม! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ