ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่860



บทที่860

ที่จริงแล้วบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ห้า และรถเบนซ์คลาสเป็นรุ่นที่ อยู่ในระดับเดียวกัน ทั้งสองก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก

แต่เจียงหมิงรู้ว่า รถบีเอ็มดับเบิลยู520ของเย่เฉิน เป็นรถบีเอ็ มดับเบิลยูรุ่นราคาถูกที่สุดและธรรมดาที่สุดของ รถ เบนซ์E300Lของตัวเอง เป็นรุ่นที่ใกล้เคียงรุ่นตัวท็อปที่สุดแล้ว รองลงมาจากรุ่นนี้ยังมีรุ่นE260กับE200

พูดง่ายๆ ก็คือ รถบีเอ็มดับเบิลยู520ของเเฉินก็อยู่ในระดับ เดียวกับรถเบนซ์รุ่นE200 และรถเบนซ์รุ่นE300Lของเขา ก็โดด เด่นกว่าของเย่เฉิน

เขาก็เลยตั้งใจพูดว่า: “โธ่เอ๋ย เย่เฉิน ไม่ใช่ฉันจะว่านายนะ นายอยากได้หน้าจนทำในสิ่งที่นายไม่อยากทำ ผู้เชี่ยวชาญก็เคย บอกว่าตอนซื้อรถอย่าซื้อรุ่นที่ราคาถูกและธรรมดาที่สุด นายมี เงิน ทำไมนายไม่ซื้อบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์สามที่มีคุณภาพกลางถึง ระดับสูง นายยังหน้าไม่อาย และทำเป็นเหมือนตัวเองเก่ง แล้วไป ซื้อบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ห้ามา? นายไม่รู้สึกว่าตัวเองฟุ้งเฟ้อเกินไป หรือ?”

มีคนถามด้วยส่งสัยวว่า: “เจียงหมิง อะไรคือรุ่นพื้นฐาน? ”

เจียงหมิงยิ้มและตอบว่า “รุ่นขอทานก็คือ ในรถรุ่นหนึ่ง และ ซีรี่ส์ที่แย่และเป็นขยะของรุ่นนั้น และเป็นรถรุ่นที่พื้นฐานที่สุด อยู่ ในขบวนรถรุ่นรถหรั้งท้าย
ทุกคนก็ได้เข้าใจทันที

เย่เฉินนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที ตอนนั้นที่ร้านอาหารหวังเต้าคน เปิดวันแรก หวังเถิงเฟยที่ขับรถบีเอ็มดับเบิลยู540มาโอ้อวด

นึกถึงตอนนั้นที่หวังเถิงเฟยที่ตั้งใจใช้คำพูดไปทำให้เยเฉินทำ ในสิ่งที่ไม่กล้าทำ เขาอยากที่จะเอาบีเอ็มดับเบิลยู540 ไป เอาชนะรุ่น520ของเขา ทันใดนั้นเเฉินได้คติจากเขา

ตอนนั้นหวังเถิงเฟยตั้งใจที่จะพูดให้ตัวเองทำในสิ่งที่ไม่กล้า ทำ ตอนนี้เขาก็จะคิดวิธีที่จะพูดให้เลี้ยงหมิงทำในสิ่งที่ไม่อยาก ทำ ก็คือ ให้เลี้ยงหมิงแข่งรถกับเขา

ดังนั้นเขาตั้งใจพูดกับเจียงหนึ่งว่า “เจียงหมิง มีคำพังเพย หนึ่งไม่รู้ว่านายเคยได้ยินมั้ย เรียกว่า ถ้าขับรถไม่เร็วปัญหาไม่ได้ อยู่ที่รถ แต่อยู่ที่คนขับ ก็หมายความว่าถ้ามีเทคนิคที่ดี ไม่ว่าจะ ขับรถอะไรก็เร็วกว่าคนอื่น แต่ถ้าไม่มีเทคนิคการขับรถ ถึงจะขับ รถF1ก็ช้าอยู่ดี”

ระหว่างที่พูด เย่เฉินมีสีหน้าที่ดูถูกและพูดว่า “เจียงหมิง ฉัน ไม่ได้พูดโอ้อวดนะ เทคนิคการฉันขับรถเซียนจริงๆนะ มีคนให้ ฉายาฉันว่า ชูมัคเกอร์แห่งจินกลิง!”

เมื่อเจียงหมิงได้ยินประโยคนี้ ก็ได้เบ้ปากทันที “ไอ้สัตว์ นาย นี่หรือชูมัคเกอร์แห่งจินหลิง? นายรู้ว่าหน้าตาของชูมัคเกอร์แห่งจิ นหลิงเป็นอย่างไงหรือ?

เย่เฉินพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูกและยิ้ม: “นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ แล้วแต่นาย”
เจียงหมิงพูดออกมาด้วยความไม่ยอมและดูถูกว่า “ปากอยู่ บนหน้านาย นายจะพูดโอ้อวดอย่างไงก็พูดไปเถอะ! ฉันไม่มีทาง เชื่อหรอกว่าคนแบบนาย ขับรถบีเอ็มดับเบิลยู520 ยังกล้าเรียก ตัวเองว่าชูมัคเกอร์แห่งจินหลิง กูแค่เหยียบคันเร่งมึงก็รั้งท้าย แล้ว!

พูดจบ เจี่ยงหมิงก็ได้ยักคิ้วถามด้วยความอวดดีว่า “งั้นลอง มาแข่งกันมั้ย?”

“โอ้ อีกแล้วหรือ?”

เย่เฉินหัวเราะ “ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังนะ ก่อนหน้านี้ ฉันพึ่งเอา ชนะบีเอ็มดับเบิลยู540ได้ บีเอ็มดับเบิลยู540แรงม้ามากกว่ารถ เบนซ์E300Lของนายอีกนะ”

เจียงหมิงถุยน้ำลายและพูดเหยียดหยามว่า: “เย่เฉินนายคิด จะโกหกจะไม่คิดค่าที่จะมาโกหกเลยหรือ? รถขยะของนายนั้น หรือ? แม่งบีเอ็มดับเบิลยู540? ถุย! นายอย่าพูดถึงรุ่น540เลย วันนี้ถ้านายชนะเบนซ์E300Lของฉันได้ ฉันจะใช้นามสกุลของ นายเลย!”

เย่เฉินแกล้งถามไปว่า: “รถของนายแรงม้าเท่าไหร่? เจียงหมิงพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “รถของฉัน แรงม้า258!”

เย่เฉินพยักหน้าและยกนิ้วโป้งให้และพูดว่า “งั้นนายที่สุด ยอดไปเลย! รถของฉันอาจจะไม่ได้เรื่องจริงๆ แรงม้าแค่184 น้อยกว่าของนายมาก! นายเก่งกว่าฉันอีก! ”
เจียงหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นและพูดเสียดสีว่า: “ทำไม หรือ? กลัวแล้วหรือ? ไม่กล้าแข่งแล้ว? แล้วเมื่อกี้นายพูดอะไร นะ? นายเอาชนะรถบีเอ็มดับเบิลยูรุ่น540 ที่มีแรงม้า340 แค่ รถเบนซ์E300Lของที่มีแรงม้า 258ของฉัน นายกลัวแล้วหรือ? นายยังเป็นผู้ชายอยู่อีกมั้ย?”

เยเฉินตั้งใจปล่อยไก่และพูดว่า “โธ่เอ๋ย ก็บอกว่าฉันนายไม่ ได้หรอก ยังจะแข่งอะไรละ นายชนะแล้ว นายชนะโดยที่ไม่ต้อง ทําอะไร โอเคมั้ย?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ