ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1886



บทที่ 1886

กระทั่งเพื่อเงินแล้ว แม้แต่ร่างกายของตัวเองก็ขายได้

แต่ชิวอี้นั้นไม่เหมือนคนพวกนั้น

เงินสำหรับเธอแล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเลยสักนิด

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่เธอได้พบกับเย่เฉินอีกครั้ง ก็ได้มี การวางแผนว่าจะออกจะวงการบันเทิงแล้วด้วยซ้ำ

เธออยากจะออกจากวงการบันเทิงก่อน หลังจากนั้นก็รอให้เย เฉินจัดการปัญหาเรื่องแต่งงานที่ยังคาราคาซังในตอนนี้ให้ เรียบร้อย ก็จะแต่งงานตามสัญญากับเเฉิน จากนั้นก็ตั้งใจจะ เป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูก

แม้กระทั่ง เธอได้คิดไว้แล้วว่า เมื่อถึงเวลาเปิดคอนเสิร์ตใน ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย ก็จะประกาศให้ทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน ว่าจะลาออกจากวงการ

ลาออกจากวงการดนตรี วงการภาพยนตร์และรายการ โทรทัศน์อย่างสิ้นเชิง

ฉะนั้น ที่ซูจือหยูพูดถึงการร่วมมือในเรื่องอย่างนี้ เธอยิ่งไม่มี ความสนใจเลยสักนิดเดียว

เพราะฉะนั้น เธอจึงพูดออกไปตรงๆว่า “ขอโทษด้วยนะจือหยู การทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ของฉัน ไม่ได้คิดจะหาสปอนเซอร์อ อีกอย่างสื่อโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมทก็จัดทำเรียบร้อยแล้ว มี แพลทฟอร์มออนไลน์บางเว็บไซต์ก็เริ่มโปรโมทแล้ว จะมาเซน สัญญาสปอนเซอร์ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว จะแก้ไขสื่อโฆษณาที่ใช้ โปรโมทก็ไม่ทันอีกเหมือนกัน”

ซูจือหยูรีบพูดขึ้นว่า “จะเป็นไปได้อย่างไรพี่ซิวอี้ ขอเพียง พยักหน้าตกลง แม้ว่าพวกเราจะโผล่มาขึ้นรถกลางทางก็ไม่เป็น ปัญหา

พูดแล้ว เธอก็รีบส่งสายตาให้กับซูจือเฟยทันที

ซูจือเฟยที่อยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นทันทีว่า “คืออย่างนี้นะครับคุณ วอี้ ผมอยากจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับการทัวร์คอนเสิร์ตของคุณ ในครั้งนี้ จากนั้นก็ทำการโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ในรูปแบบของ การกุศล ขอเพียงคุณตกลง ในทุกรอบการแสดงคอนเสิร์ตของ คุณผมสามารถช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายให้เป็นเงินสิบล้าน จาก นั้นเงินจำนวนทั้งหมดสิบล้านนี้จะถูกใช้ในนามของคุณ เพื่อ บริจาคให้กับองค์การการกุศลต่างๆ และจุดประสงค์หลักของ เงินจำนวนนี้ คือการช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงพัฒนาสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่และการศึกษาของเด็กกำพร้า คุณคิดว่าเป็นไงบ้าง

กู้ชิวได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกลังเลอยู่บ้าง

เดิมที เธอแน่ใจแล้วว่า จะปฏิเสธแน่นอน ตาคิดไม่ถึงว่า จือเฟยจะใช้วิธีการกุศลเพื่อร่วมงานกับเธอ

อีกอย่าง ยังเป็นการทำการกุศลกับเด็กกำพร้า โดยเฉพาะ ข้อนี้เองที่แตะโดนจุดที่อ่อนที่สุด ในใจของเธอ
ตอนแรก ที่ได้พบหน้าเยเงินอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับรู้ว่าเเฉิน นั้นเติบโตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาสิบปี กู้ชิวเย่รู้สึกสงสาร กับชีวิต ในสิบปีที่ผ่านมาที่มีช่วงระยะเวลาในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นที่ แสนจะลำบากของเยเฉิน

ตัวคนเดียว ถ้าหากเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เดินเข้าไปใช้ชีวิต ในสังคม ลำบากหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง

แต่ว่า ในวัยเด็กหากเจอความลำบากมากเกินไป ไม่ว่ากับ ใครแล้ว เกรงว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมได้ไปชั่วชีวิต

เพราะว่า วัยเด็กเดิมทีเป็นช่วงเวลาที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์ เป็น เวลาที่สดใสงดงามที่สุด ในวัยนี้ไม่ว่ากับใคร ที่สำคัญที่สุดแล้ว

ถ้าหากมีชีวิตที่ดีในช่วงวัยเด็ก แม้จะถึงวัยใกล้ฝั่งอายุเจ็ด

แปดสิบปีแล้วเมื่อหวนคิดถึง ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความสุขนั้น

ถ้าหากมีวัยเด็กที่ลำบาก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงจะถูกขังอยู่ใน เงามืดที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่ง ไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้

เพราะว่ารู้สึกสงสารเย่เฉิน ฉะนั้นในใจของชิว ก็สงสารเด็ก กำพร้าคนอื่นๆที่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับเย่เฉินเช่นกัน

วินาทีนี้ เธอเองก็เกิดความกระดากใจขึ้นมาไม่น้อย อดไม่ได้ที่ จะตำหนิตัวเองในใจ “ฉันนี่มันโง่จริงๆ ที่จริงควรจะคิดทำ ประโยชน์ให้กับเด็กกำพร้าคนอื่นๆตั้งนานแล้ว ทำไมต้องรอให้ คนอื่นมาย้ำเตือนด้วย
คิดถึงตรงนี้ เธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้นะคะคุณ ใน เมื่อเป็นการกุศล ใช้เงินของคุณ ใช้ชื่อเสียงของฉัน ฉันรู้สึก ละอายใจไม่กล้ารับ ไม่รู้ฉันกับแบรนด์เครื่องสําอางของคุณเรา มาร่วมมือกันทำเรื่องนี้ดีกว่า ในทุกการแสดงคอนเสิร์ต บริษัท เครื่องสําอางของคุณบริจาคสิบล้าน ตัวฉันเองก็บริจาคสมทบอีก สิบล้าน ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ