ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1761



บทที่ 1761

“เห็นแก่หน้า?”

เมื่อซูเฉิงเฟิงได้ยินคำพูดนี้ ก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงปลงๆ บน โลกใบนี้ อันที่จริงแล้วไม่ว่าอะไรก็สามารถนำมาตีเป็นราคาได้ ทั้งนั้นแหละ คนพูดกันว่าความแค้นฝังหุ่นยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แกก็ ให้เขาพันล้าน หมื่นล้าน หรือแสนล้านดูสิ มันต้องมีสักราคาล่ะที่ สามารถทําให้เขาหวั่นไหวได้

ขณะที่พูดจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อ “แต่ว่า! ที่สำคัญก็ต้องดูด้วย ว่าเห็นแก่หน้าที่ว่า ตกลงแล้วต้องจ่ายเงินเท่าไหร่? ถ้าหากต้อง จ่ายพันล้าน ไปจนถึงหมื่นล้าน แกยังอยากที่จะจ่ายอยู่ไหม?”

ซูโสบู่เต้าตกอยู่ในความเงียบทันที เขาอยากช่วยชูรั่วหลีจริงๆ

ในด้านความสัมพันธ์ เธอคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ต่อให้ เขาจะใจร้ายมากแค่ไหนก็ทำร้ายลูกตัวเองไม่ลงหรอก เขาจะทน มองเธอไปตายต่อหน้าต่อตาได้ยังไง?

ในด้านเหตุผล เธอคือยอดฝีมือของตระกูลซู อีกอย่างอายุก็ ยังน้อยๆอยู่ด้วย ถ้าหากช่วยเธอออกมาได้ อนาคตเธอก็ยังจะ สามารถอุทิศสิ่งยิ่งใหญ่ให้ตระกูลซูได้

แต่ไม่ว่าจะด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล ก็ต้องชั่งน้ำ หนักราคาที่ต้องจ่ายให้ดี แล้วค่อยมาคำนวณแผนจัดการทีหลัง
ถ้าหากต้องจ่ายราคาพันล้านหมื่นล้านจริงๆ ตระกูลอาจจะ ไม่ตกลง ถึงยังไงนอกจากเขากับคุณท่านแล้ว ก็ไม่มีใครในตระกูลซูรู้ ว่ารั่วหลีเป็นลูกของเขา ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นลูกน้องของ

ตระกูลซูเท่านั้น

เสียเงินแค่สิบล้านเพื่อลูกน้องก็ยังพอรับได้ แต่กับคนฝีมือดี อย่างซูรั่วหลี เสียให้ตั้งร้อยกว่าล้าน คงต้องกัดฟันจ่ายแล้วล่ะ

แต่ถ้าต้องจ่ายเงินมากกว่านี้จริงๆล่ะก็ ในสายตาคนอื่นก็จะ มองว่ามันเสียสมดุลอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ทุกคนจะฝืนยอมรับ ได้ แต่ก็ต้องเกิดข้อสันนิษฐานว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไร แน่นอน

ซูเฉิงเฟิงเห็นเขาเงียบไป จึงพูดปลอบขึ้นมาว่า “โส่วเต้า รั่ว หลีเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลซู เป็นลูกสาวของแก แล้วก็ เป็นหลานสาวของฉัน ฉันเองก็ต้องหวังอยากให้เธอปลอดภัยอยู่ แล้ว แต่ว่าในเรื่องของธุรกิจ มันต้องชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียทุก ครั้ง ผลได้มากกว่าผลเสีย หรือผลได้เท่ากันกับผลเสีย มันยัง พอได้ แต่ถ้าผลเสียมากกว่าผลได้ แบบนั้นก็ไม่ต้องฝืนแล้วล่ะ

ซูโส่วเต้าเอ่ยถามอย่างเจ็บปวด “พ่อ พ่อบอกมาเถอะ ตระกูล ซูยอมจ่ายให้รั่วหลีได้ในราคาเท่าไหร่? ครั้งนี้ที่ช่วยชีวิตจือเฟ ยกับจือหยู เราก็เสียไปเยอะเหมือนกันนะ…”

ซูเฉิงเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ถึงยังไงรั่วหลีก เป็นลูกเมียน้อย ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ดังนั้นฉันไม่สามารถยกเธอมาเทียบกับจือหยุได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้ได้

ไม่เกินพันล้าน แบบนี้จะได้ปกปิดการเงินได้ง่าย ถ้าจ่ายสูงกว่า นี้ คนอื่นหรือเมียแกอาจจะสงสัย แบบนั้นมันจะยุ่งยาก ซูโส่วเต้าลังเลอยู่พักใหญ่ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้ งั้นผมจะ ลองดูก่อน เดี๋ยวผมจะบินไปที่โอซาก้า ไปดูว่าพอจะมีคนสำคัญ

ช่วยไกล่เกลี่ยให้ได้หรือเปล่า”

ซูเฉิงเฟิงเอ่ยพูด “แกไม่ต้องไปหรอก รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ว่าแกเป็น คนบงการอยู่เบื้องหลังตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ คิดที่จะเล่นงานตระกูล ดังนั้นถ้าจับคนลงมือทำได้ก็ไม่ต้อง ตามสืบให้ลึกมาก แต่ถ้าแกยังไม่ดูหน้าดูหลัง ไม่รีบหนีออก จากญี่ปุ่น ถ้าหลังจากนี้มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเกิดมีคนของเราพูด ชื่อแกออกมา ฉันกลัวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเปลี่ยนใจ มาลงดาบแก แทน!”

ซูโส่วเต้าขบคิดอยู่สักพัก เขาเองก็คิดว่าคำพูดของพ่อมี เหตุผล

สถานการณ์ในตอนนี้ ถือว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเห็นไว้หน้าตระกูล สุดๆแล้ว ขอแค่จับมือสังหารเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ พวกเขาก็จะไม่สืบสวนความผิดมาถึงตระกูล

แต่ถ้าเขายังไม่รู้จักเจียมตัว บินไปที่โอซาก้า ในเวลานี้ เพื่อ คิดหาวิธีช่วยเหลือ รัฐบาลญี่ปุ่นก็จะมองว่าอุตส่าห์เห็นแก่หน้า แต่ตระกูลซูกับไม่ไว้หน้ากัน

พอถึงตอนนนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นก็อาจจะแตกคอกับตระกูลซูก็เป็นได้

คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “ผมรู้แล้ว ครับพ่อ พรุ่งนี้เช้า ผมจะบินกลับจังหวัดอาโอโมริ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ