ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 915



บทที่ 915

เรื่องมาถึงตอนนี้ หลิ่วจ้าวเฉินก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ของเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

ไม่อย่างนั้น จะมีรถใหญ่มากมายขนาดนี้ มาล้อมรอบรถของ ตนไว้ตรงกลางอย่างไร้มูลเหตุได้ยังไง

อีกทั้งดูจากท่าทีพวกเขาแล้ว ไม่อยากให้ตนเองหนีไปได้โดย สิ้นเชิง ถึงได้ตีขนาบเข้ามาพร้อมกันแบบนี้

มีรถอุดไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใต้สะพานก็เป็นสายธาร ไหลเชี่ยว หากว่ามีเป้าหมายที่ตัวเขาจริง เขาก็คงไร้หนทางหนี คิดถึงจุดนี้แล้ว เขาก็อดตื่นกังวลขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยปากกล่าว

“หรือว่าคนเหล่านี้จะมีเป้าหมายที่เด็กพวกนี้ ไม่น่าใช่นี่นา พวก

เขาก็เป็นแค่เด็กกำพร้ากลุ่มหนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ”

“ใช่แล้ว!” พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินก็เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ “อีกอย่างนะ ตำรวจก็ยังไม่ตามมาหาเลย แล้วคนพวกนั้นจะมา ทําไมกัน”

เห็นสองขบวนรถใกล้เข้ามาทุกที พี่ชายหลิ่วจ้าวเฉินก็ได้แต่ ต้องหยุดรถชั่วครู่

คนทั้งรถต่างพากันตื่นตระหนก รวมถึงเจียงหมิงด้วย ขณะนี้เจียงหมิงบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่น ในเบื้องลึกของหัวใจ ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจิน หลงไปกว่าเขาอีกแล้ว หากเด็กเหล่านี้หายไป มากสุดก็แค่มี ตำรวจออกหน้าตามหาสักหน่อย ในหมู่ชาวบ้านไม่มีทางมีกอง กำลังแข็งแกร่งขนาดนี้มาตามพวกเขา

แต่ว่า มีเพียงข้อยกเว้นหนึ่ง ที่ทำให้เขารู้สึกเครียดกังวลอย่าง มาก

ข้อยกเว้นนั้น ก็คือเย่เฉินที่ทำเสียเขาย่ำแย่ไปเมื่อวาน

ในความไม่อาจคาดเดา เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะสลัด ความเกี่ยวข้องกับเย่เฉินไปไม่พ้น เมื่อย้อนนึกไปถึงเเฉินที่มักมี ท่าทีอันลึกล้ำสุดหยั่งถึง เขาก็อดลอบไตร่ตรองไม่ได้ “หรือว่าคน พวกนี้ เป็นเย่เฉินที่ส่งมา

ในขณะที่รถ Iveco คันนี้จอดนิ่งแล้วนั้นเอง รถใหญ่นับไม่ถ้วน ก็เริ่มเข้าห้อมล้อมเขาไว้อย่างแน่นหนา ผู้ใหญ่เจ็ดคนภายในรถ ล้วนหวาดหวั่นเหลือคณาอย่างมิอาจกดข่ม

หลิ่วจ้าวเฉินหยิบมีดออกมาจากหน้าอก เอ่ยอย่างตึงเครียด “หากมีใครคิดร้ายต่อพวกเรา พวกเราก็สู้กับมันสุดชีวิตไปเลย!”

พี่สาวของเขาเอ่ยอย่างหวาดหวั่นหาใดเปรียบ “พวกเรามีกัน แค่เจ็ดคน ส่วนพวกเขาแค่คนขับรถก็ปาไปหลายสิบคนแล้ว ต่อ ให้ทุ่มสุดชีวิตก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของพวกเขาเลยนะ!

หลิ่วจ้าวเฉินลุกลนอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยอย่างเครียดข็ง “พวกพี่ ดึงผ้าม่านหน้าต่างด้านหลังไว้ ถ้าพวกเขาจะเข้ามา ผมจะสู้สุด ชีวิตกับพวกมัน!”
เพื่อให้สามารถส่งเด็กน้อยไปได้อย่างปลอดภัย พวกเขาจึง แขวนผ้าม่านอย่างหนาที่หน้าต่างรถด้านหลังหลายแถวเอาไว้ แล้ว หากมองจากด้านนอกเข้ามาด้านใน ไม่มีทางมองเห็นสภาพ การณ์ภายในได้เลย และยิ่งไม่มีทางมองเห็นเด็ก ๆ ที่สลบไสลไม่ ได้สติอยู่ด้านในด้วย

คนทั้งหลายรวมถึงเจียงหมิง ต่างรีบร้อนดึงผ้าม่านไว้อย่าง แนบแน่น

หลิ่วจ้าวเฉินเอ่ยกับพี่ชายทั้งสองของตนและเลี้ยงหมิงว่า “พวกพี่รีบชักมีดออกมาเร็ว! ตอนนี้รถคงถอยออกไปไม่ได้แล้ว แน่ ๆ ได้แต่ต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว

วันนี้ขณะลงมือก่อนฟ้าสาง หลิ่วจ้าวเฉินได้มอบมีดให้พวกเขา คนละเล่ม เดิมทีนึกว่าเพียงแต่เอามาพักไว้พอให้ใจฮึกเหิม คิด ไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะได้ใช้มันจริง ๆ แล้ว

เจียงหมิงลนลานใจอย่างยิ่ง เขากับหลิ่วจ้าวเฉินแตกต่างกัน มาก หลิ่วจ้าวเฉินทำงานมือเปื้อนเลือดมาตลอดหลายปี ไม่อย่าง นั้นเขาคงไม่ถูกคนเขานั่นมือขวาไปทั้งมือหรอก

แต่ว่าตัวเจียงหมิงนั้นพูดตามตรงแล้วเป็นแค่พวกต้มตุ๋น เท่านั้น หลอกคนเฒ่าคนแก่ผู้กระหายในทรัพย์สินเงินทองที่ บริษัทของโจวหัวซินไปวัน ๆ หากจะให้เขาถือมีดไปสู้กับคนอื่น เข้าจริง ๆ เกรงว่าเขาไม่ได้มีความกล้าพอจะทำเรื่องแบบนี้เลย

ขณะนั้นเองเขาก็หยิบมีดออกมาอย่างสั่นเทา เอ่ยถามอย่าง ตื่นกังวล “จ้าวเฉิน นายไปล่วงเกินใครเข้าหรือเปล่านะ
ในขณะนั้นพี่ชายหลิ่วจ้าวเฉินก็เอ่ยอย่างตึงเครียด “นายดูรถ ใหญ่พวกนี้สิ พวกเขาเพียงแต่ล้อมเราเอาไว้ แต่ไม่มีใครลงมา พูดอะไรเลย ไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร

หลิ่วจ้าวเฉินขบคิดดูแล้วก็ลดบานหน้าต่างฝั่งคนขับลงเป็น ร่องสายหนึ่ง เปล่งเสียงตะโกนออกไปด้านนอก “พวกนายเป็น ใครกันแน่ คิดจะทำอะไร

ด้านนอกรถไม่มีใครตอบกลับมา

หลิ่วจ้าวเฉินตึงเครียดเหลือคณา ถูกรถมากมายขนาดนี้ล้อม กรอบตนเองไว้ ทั้งคนพวกนี้ก็ไม่เอ่ยปากสักประโยคอีก ยิ่งทำให้ พวกเขารู้สึกแปลกใจระคนหวาดหวั่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ