ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่867



บทที่867

เจียงหมิงก็ตกใจจนตัวสั่น ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

หม่าจงเหลี่ยงก็ไม่อยากพูดกับเขามาก กลับเข้าไปใน รถPhaeton หลังจากเอาของส่วนตัวออกมาหมดแล้ว ก็เอา กุญแจรถโยน ให้เลี้ยงหมิง

“รถคันนี้ยังมีกุญแจสำรองอีกดอก พอมึงเอารถมาให้กู เดี่ยว กูเอากุญแจอีกดอกหนึ่งให้ถึงวางใจ ถึงแม้จะอยู่ในวงการ นักเลง แต่ก็ไม่เคยไปเอาเปรียบใคร ควรเป็นของกู กูก็เอา ไม่ ควรเป็นของกู กูไม่เอาทั้งนั้น ทำงานในวงการนี้ มีแค่คำ พิถีพิถัน”

“แต่ถ้ามึงไม่พิถีพิถันกับกล่ะก็ กูก็จะร้ายกับมึง! ” พูดจบ เขาก็โบกมือเรียกรถแท็กซี่ แล้วก็จากไป เพื่อนของเจียงหมิงเห็นดังนั้นอึ้งไปตามกัน

ในใจทุกคนก็ชื่นชมออกมาว่า “หม่าจงเหลียงคนนี้เป็นพี่ใหญ่ ในวงการนักเลงจริงๆ ทำอะไรก็เด็ดขาดมาก เอารถราคา2ล้าน กว่าทิ้งไว้นี่ แล้วก็จากไป มันเท่มากเลย”

แต่ว่า ตอนนี้เงี่ยงหมิงยังคงนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ที่พื้น

ตนเองจะไปเอาเงินมาจากไหน มาซื้อรถPhaetonคันใหม่? ต่อให้ขายรถที่ถูกชนไป ก็ยังไม่พอ!
แต่ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นคนใหญ่คนโต ถ้าตนเองไม่จัดการ ปัญหานี้ หลังจากอาทิตย์หนึ่งแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็อาจจะมาฆ่าตน เองจริงๆ ก็ได้

เจียงหนึ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนนี้รถสองคันก็จอดอยู่ตรง หน้าเขา ในใจคิดแม้กระทั่งอยากจะตายไปเสีย

พวกเพื่อนที่คอยประจบเขาอยู่ตลอดนั้น ในตอนนี้ก็เดินเข้ามา แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “พี่หมิง ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี? ”

เจียงหมิงออกแรงจับเส้นผมของตนเอง แล้วพูดอย่างใจสลาย ว่า “กูจะทำไงดีวะเนี่ย ใครจะไปรู้ว่าจะไปชนรถPhaetonเข้าให้ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมมีคนยอมจ่ายเงิน2ล้าน เพื่อซื้อรถที่มี รูปร่างเหมือนรถPassat!

พูดจบ เขาก็เอามือจับหัวร้องไห้

ในตอนนี้กลุ่มวีแชทของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็มีคนคุยกัน

กระจาย

หลังจากที่เจียงหญิงส่งคลิปวิดีโอนั้นลงไป คนในกลุ่มจำนวน มากก็ถามว่าเขาเป็นอะไรไหม? อาการเป็นอย่างไรบ้าง? มาด เจ็บหรือเปล่า?

เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็โตมาด้วยกัน แรกๆ ก็เอาสนุก แต่ พอรู้ว่าเงี่ยงหมิงเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนก็เป็นห่วงกันทั้งนั้น แต่เย่เฉินกลับรู้ดี ว่านี่จะต้องเป็นแผนของเจียงหมิงแน่ รถที่ตนเองขับ เป็นรถBMW760 เพียงแค่เหยียบคันเร่ง ก็สามารถทิ้งห่างรถเบนซ์ได้ในพริบตา สถานการณ์แบบนี้ใครๆ ก็ รู้ว่าเลี้ยงหมิงเอาชนะไม่ได้แน่

เจี่ยงหมิงเองก็รู้ดี

เขาคงไม่ยอมบริจาครถคันนี้ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแน่ ดัง นั้นก็เลยเลือกที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพื่อเป็นข้ออ้างในการหยุดการ แข่งขัน

จริงๆ แล้วถ้าหากว่ายึดตามกติกาจริงๆล่ะก็ ไม่ว่าระหว่างการ แข่งขันเขาจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงเขาถึงเส้นชัยทีหลังเยเฉิน ก็ เท่ากับว่าแพ้การแข่งขัน

แพ้แล้ว ก็ต้องยอมทําตามกติกา

แต่เย่เฉินก็รู้ดี ในเมื่อเจียงหมิงก็ได้เลือกแผนทำเป็นเกิด อุบัติเหตุ เพื่อหาทางหน้าตนเอง ตนเองก็ไม่อาจจะบีบเขาจน หมดหนทาง

คู่แข่งขันเกิดอุบัติเหตุ ถ้าตนเองยังไปบีบคั้นล่ะก็ ในสายตา เพื่อนคนอื่นๆ ตนเองก็จะดูเป็นคนไร้น้ำใจ

บนรถBMW ป้าหลีก็พูดอย่างกังวลว่า “รีบโทรไปหาเจียงหมิง สิ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ขออย่าให้บาดเจ็บเลย

หลี่เสี่ยวเฟินก็เบ้ปากพูดว่า “ป้าหลี่คะ หนูว่าเลี้ยงหมิงคงจะ ตั้งใจไปชนท้ายมากกว่า เขาคงจะรู้ว่ารถของตนเองนั้นสู้รถพี่ เย่เฉินไม่ได้ แถมยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ที่จะต้องบริจาครถ ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดังนั้นก็เลยใช้แผนนี้! ”
ป้าหลีก็รีบพูดว่า “เสี่ยวเฟิน อย่าไปปรักปรำว่าคนอื่นเขา ถ้า เกิดว่าเข้าใจเขาผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร แล้วอีกอย่างอุบัติเหตุ ตามท้องถนน ไม่มีอะไรสําคัญกว่าความปลอดภัยของผู้ขับขี่แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ