ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 2495



บทที่ 2495

เมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่าตนเองไม่เคยไปสหรัฐอเมริกามาก่อน เซียวจางควนก็รู้สึกเกลียดหม่าหลั่นอย่างไม่รู้ตัว

เขานั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ แล้วสบถค่าสารพัดว่า “ทั้งชีวิต ของฉันถูกหม่าหลั่นผู้หญิงบ้าคนนี้ทำทั้งหมด ถ้าไม่เป็นเพราะ เธอ ตอนนี้ฉันคงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่อเมริกาไปแล้ว ดี ไม่มีฉันอาจจะกำลังเป็นศาสตราจารย์ของสถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเซตส์อะไรนั่น ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในอเมริกาแล้ว ก็ได้! ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็พูดบ่นอย่างโกรธเคือง สรุปแล้วไง! สรุปแล้วฉันฟังเรียนจบจากมหาลัย ก็ถูกหม่าหลันที่เป็นถังขยะ ใบหนึ่งขังไว้ จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถหลุดพ้น

เย่เฉินพูดปลอบอย่างอดไม่ได้ “เอาล่ะครับคุณพ่อ บางเรื่อง คุณพ่อก็ไม่สามารถนึกถึงในแง่ดีอย่างเดียวนะครับ ดูสิตอนนี้ถึง จะแต่งงานกันไปแล้วไม่ค่อยมีความสุข แต่อย่างน้อยสุขภาพร่าง หายยังแข็งแรง คุณพ่อลองคิดในมุมกลับกันดูนะครับ ถ้าโชค ชะตากำหนดให้คุณพ่อพบเจอกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อเมริกา หรือตายในเหตุการณ์ปล้นชิงที่อเมริกา คุณแม่ยังพ่ออยู่ใน ประเทศ นั่นก็เท่ากับว่าเปลี่ยนเป็นคนช่วยชีวิตคุณพ่อไว้นะครับ

เชียงฉางควนพูดด้วยสีหน้าหดหู”นายอย่ามาหลอกฉันให้ยาก เลย ตอนที่เรายังเป็นเด็กการศึกษาที่เราได้รับคือวัตถุนิยมและทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์ ไม่เชื่อในโชคชะตา ตอนนั้นเราเคยร้องเพลง เพลงหนึ่งในการปฏิวัติโซเวียต ไม่เคยมีผู้ช่วยให้รอด ไม่ต้อง หวังพึ่งพิงเทพยดาใดๆทั้งสิ้น ทั้งชีวิตของฉันต้องพังอยู่ในมือ ของหม่าหลับ!

เย่เฉินยิ้มอย่างทําอะไรไม่ได้ แล้วพูดขึ้นมาว่า”พ่อครับ งั้นเรา พูดถึงเธอหย่วนเจียงคนนั้นกันดีไหมครับ

เซียวฉางควนเอามือกอดอก แล้วถามอย่างโกรธเคือง เขามี อะไรดีให้พูดถึง? แค่การศึกษาสูงหน่อย ไม่มีอะไรน่าชื่นชมสัก หน่อย? อีกอย่างก็คือ หน้าตาหล่อหน่อย รูปร่างดีนิดหนึ่ง ตัวสูง หน่อย แล้วดูหนุ่มกว่าฉันนิดหน่อยเอง นอกจากสิ่งนี้แล้ว เขามี อะไรที่ดีกว่าฉันกัน?

เย่เฉินพูดอย่างอึดอัดใจ”นี่มันคือข้อดีภายนอกทั้งหมดเลย ไม่ใช่หรอครับ? ”

เซียวฉางควนนวดคลึงขมับไปมา เห้อ…………จริงๆเลย นี่

เย่เฉิน นายว่าเขามีลูกมีเมียรึยัง? ”

เย่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างจริงจังไปว่า “ออกมาวิ่ง ดึกๆดื่นๆขนาดนี้ ผมคิดว่าเขาน่าจะยังไม่มีเมีย แต่เขาอายุ ตั้ง55ปีแล้ว ผมคิดว่าต้องมีลูกแล้วแน่ๆ ถ้าวิเคราะห์อย่างนี้ น่า จะเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน แต่จากที่เห็นน่าจะอยู่ใน สถานภาพโสดครับ

“จบกัน! “เซียวฉางควนพูดอย่างเศร้าสร้อย ฉันเห็นเขามอง คุณน้าหานของนายสายตาดูผิดปกติ ไอ้หมอนี่ต้องชอบคุณน้าทานของนายแน่ๆ อีกทั้งพวกเขายังโสดด้วยกันทั้งคู่ ยังเป็น เพื่อนร่วมงานกันในมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุอีก แล้วยังเคยใช้ชีวิต ที่อเมริกามานานหลายปีกันทั้งคู่ แล้วยังชอบออกกำลังกาย เหมือนกันอีก ถ้าวิเคราะห์อย่างนี้ พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วม กันจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับ ฉันแล้วน่ะสิ! ”

พูดจบ เซียวฉางควนก็บ่นออกมาว่า “นายว่า เขาเป็นถึง ศาสตราจารย์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ดั้นด้นมา สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์จินหลิง เขา บ้าไปแล้วรึเปล่า? ”

เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “ยังเป็นถึงศาสตราจารย์ ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มีส่วนผสมของทองคำเนื้อ แท้

เชียวฉางควนถามอย่างแปลกใจ นายรู้จักสถาบันเทคโนโลยี

แมสซาชูเซตส์ด้วยหรอ?

“นิดหน่อย”เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง เนื่องจากแมสซาชูเซตส์ เป็นอันดับหนึ่งของโลก ในช่วงสองปีที่ผ่าน แต่สิ่งที่แมสซาชูเซต ส์เก่งที่สุดไม่ใช่เรื่องเศรษฐศาสตร์และการจัดการ แต่เป็นสาขา วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์เทคโนโลยี การบินและอวกาศ การจัดการเศรษฐกิจที่ดีที่สุดน่าจะเป็นสแตนฟอร์ดและฮาร์วาร์

เซียวฉางควนถามอย่างแปลกใจทำไมนายถึงรู้เยอะขนาดนี้ล่ะ ฉันจําได้ว่านายเรียนมหาวิทยาลัยแค่หนึ่งปีเองหนิ เยเงินจึงพูดผ่านๆว่า “เห้อ! ไม่เคยกินเนื้อหมู เรายังไม่เคย

เห็นหมูวิ่งหรอครับ?

อันที่จริงในตอนที่เยเฉันยังเด็ก เขาก็เป็นที่รักของ มหาวิทยาลัยในอเมริกาแล้ว

ไม่ใช่ว่าเขามีความปรารถนาในสหรัฐอเมริกามากแค่ไหน แต่ เป็นเพราะแม่ของเขาโตที่อเมริกา อีกทั้งยังเป็นนักศึกษาชั้นดีที่ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดยังอยู่ใกล้กับซิลิคอน แวลลีย์ ซึ่งเป็นฐานอุตสาหกรรมไฮเทคที่มีชื่อเสียงใน สหรัฐอเมริกา

ยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของซิลิคอนแวลลีย์ ต่างศึกษาที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดก่อน หลังจากที่เรียนจบค่อยไปเริ่มต้น ทำธุรกิจที่ซิลิคอนแวลลีย์

ผู้ประกอบการรุ่นแรกในซิลิคอนแวลลีย์ส่วนใหญ่ ที่สำเร็จการ ศึกษาจากสแตนฟอร์ด ในช่วงต้นทศวรรษ90 มีคนส่วนมากต่าง เป็นเพื่อนร่วมชั้นแม่ของเยเฉิน

ตอนที่เย่เฉินยังเด็ก มักจะฟังคุณแม่พูดถึงจุดเด่นของ มหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสแตนฟอร์ด และ มักได้ยินเธอพูดถึงบ่อยๆ

เย่เฉินจำได้ว่าตอนที่ตนเองอายุห้าหกขวบ เดินทางตามคุณแม่ไปเยี่ยมญาติที่สหรัฐอเมริกา เธอยังเคยพาตนเองไปเยี่ยมชม ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ