ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 2297



บทที่ 2297

ซูจือหยก่อนหน้านี้ ในสมองกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องศักดิ์ศรีของ ตระกูลซ

แต่งว่า ซูจือหยูในวินาทีต่อมา ถึงนึกขึ้นมาได้ว่า “ถึงแม้ฉันจะ เป็นคนของตระกูลซู แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าวันนี้ฉันยืน หยัดอยู่ข้างๆแม่ ในตอนที่แม่เจอปัญหาแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นใน อนาคตข้างหน้าฉันแต่งงานออกไป แล้วเจอสถานการณ์เดียวกัน ก็คงไม่มีใครยืนข้างฉันหรอก!

“เรื่องนี้ จากต้นสายปลายเหตุ มันไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีหน้าตา ของตระกูลซู แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหลักการ

“ปัญหาเรื่องหลักการนี้ สิ่งที่เกี่ยวข้องจริงๆคือผิดหรือถูก ถูก

คือถูก ผิดก็คือผิด อย่าขอให้ผู้หญิงยอมรับ เพียงเพราะเป็น ความผิดของฝ่ายชาย! แล้วขอให้ฝ่ายหญิงต้องกล้ำกลืนแบก รับความน้อยใจเพื่อรักษาหน้าของฝ่ายชาย

“ดังนั้น วันนี้ หนูจะไปร่วมงานประมูลครั้งนี้นี้กับคุณแม่ด้วย

ค่ะ! ”

ซูจือเฟยที่เห็นแบบนี้ ในใจของเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก

ในฐานะที่เป็นหลานคนโตของตระกูลซู ความจริงแล้วเขาจะ ต้องแยกแยะข้อดีและข้อเสีย ให้ได้

เมื่อยืนอยู่ในมุมของตระกูลซู เขารู้สึกว่าในเวลาแบบนี้แม่ไม่ควรไปร่วมงานประมูล เพราะต้องเห็นแก่ส่วนรวมของตระกูล

แต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่แม่กับน้องสาวพูด ในใจของเขาก็คิด ได้ในทันที เขาจะยืนอยู่ในมุมของตระกูลซูไม่ได้ และมองข้ามแม่ ของตัวเอง

ดังนั้น เขาจึงถอนหายใจ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า”แม่ครับ ผมจะไปกับแม่ด้วยครับ”

ตู้ไซึ่งยิ้มอย่างสบายใจ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “จือเฟย ลูกไม่ ต้องไปกับแม่หรอก ให้จื้อหยไปกับแม่ก็พอแล้ว”

ซูจือเฟยรับถามทันที “แม่ครับ ทำไมแม่ถึงไม่ให้ผมไปด้วย ac? ”

ตู้ไห่ชิงพูดอย่างเคร่งขรึมไปว่า “ลูกเป็นหลานคนโตของ ตระกูลซู เวลาแบบนี้อย่าหาเรื่องให้ตัวเองจะดีกว่า ”

ซูจือเฟยรีบพูดขึ้นมาว่า “แต่จอหยูเธอ……. ตู้ไห่ซิ่ง โบกมือไปมา”ลูกกับจือหนูไม่เหมือนกัน” ความจริงในใจของซูจือเฟยรู้ดี

เขาเป็นหลานคนโต ในอนาคต จะต้องพยายามแย่งตำแหน่ง ผู้สืบทอดตระกูลช

ถ้าหากเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ในสายตาของคุณปู่ งั้นเขาก็ จะเสียโอกาสในการสืบทอดตระกูลซูในทันที

และตัวเขาเอง ไม่ได้เป็นคนใจกว้างเหมือนซูจือหยู
ซูจื่อหยูสามารถไม่สนใจทรัพย์สิน อำนาจรวมถึงตำแหน่ง สืบทอดของตระกูลซูได้ แต่ซูจือเฟยยังคงทำถึงจุดนี้ได้ เวลานี้เอง พ่อบ้านเองก็พูดเกลี้ยกล่อมว่า “คุณชายครับ

คุณชายเชื่อฟังคุณหนูรองเถอะครับ อย่าตามไปเลย ซูจือเฟยนิ่งเงียบไป แล้วทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างทำอะไร ไม่ได้ พลางเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ งั้นผม……..ผมไม่ไป กับแม่ก็ได้ครับ……..

พูดจบ ซูจือเฟยก็ก้มหน้าอย่างละอายใจ

เขารู้ดี ถึงแม่จะเป็นคนห้ามไม่หาตนเองไป แต่สุดท้ายตัวเองก็ ขี้ขลาด

ตู้ไม่ชิงราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา ว่า “จือเฟย ให้คนขับรถไปส่งลูกที่สนามบินเถอะ แม่จองเครื่อง ให้ลูกแล้ว ในเวลาสิบโมงตรงจะบินกลับไปที่เย็นจึง

“ห้ะ?! “ซูจือเฟยอุทานอย่างตกใจแม่ครับ ………ผมไม่ อยากกลับเย่นจิง……

ตู้ไห่จึงพูดอย่างจริงไปว่าไม่อยากกลับก็ต้องกลับ เวลาสิบ โมง แม่จะไปเข้าร่วมงานประมูล ลูกเดินทางกลับเย่นจิง นี่ เป็นการแสดงจุดยืนที่มีต่อตระกูล”

ซูจือเฟยร้อนรนมากยิ่งขึ้น จึงโพล่งออกไปว่า แสดงจุดยืน อะไรครับ? ! หรือผมต้องแสดงจุดยืนให้พวกเขาคิดว่าผมจงใจ แยกทางกับแม่น่ะสิ
“ใช่”ให้ชิงพยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่ปิดบัง “แม่หมายความ ว่า เรื่องที่แม่จะทำ เป็นเรื่องของแม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับลูก ลูกไม่ จําเป็นต้องยืนข้างแม่ก็ได้ และไม่จำเป็นต้องโดนลากมา เกี่ยวข้องด้วย ลูกกลับไปตอนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนต่อโลกภายนอก และแสดงจุดยืนให้คุณปู่ของลูก เพื่อลดผลกระทบที่แม่มีต่อลูก อีกทั้งสิ่งที่ไม่ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกเรา พังทลาย อะไร ทำไมลูกถึงไม่ทำมันล่ะ?”

ซูจือเฟยจึงพูดออกไปว่า “แต่ผมไม่อยากไปแสดงจุดยืนนั่น! ให้ชิงถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วยิ้มพลางพูดขึ้นมา ว่า”ลูกควรเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”

พูดจบ เธอก็มองไปยังพ่อบ้าน แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ลุง หวาง ลุงช่วยฉันส่งจือเฟยไปที่สนามบินหน่อยค่ะ

พ่อบ้านพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ได้ครับคุณหนูรอง

ซูจือเฟยรีบพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการที่ เมืองจินหลิง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ