ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 212 ไว้หน้าให้มากพอแล้ว (2)



บทที่ 212 ไว้หน้าให้มากพอแล้ว (2)

เชียวหนรีบพูดออกมาทันที : “ไอ้หยา จะทำแบบนี้ได้ยังไงละ

ในเวลานี้เยเงินจับมือของเธอไว้ ยิ้มพร้อมพูด : “ที่รัก ในเมื่อ ประธานหวังมีใจอยากจะช่วยคุณ ทำไมคุณต้องปฏิเสธด้วยละ ไม่ให้เกียรติ ประธานหวังเลยนะ? ”

ชูหนรีบพูดออกไปทันที “ฉันไม่ได้จะไม่ให้เกียรติประธาน หวังนะคะ แค่รู้สึกว่าทำแบบนี้รู้สึกเกรงใจเกินไปแล้ว…….

เยเฉินรับเช็คในมือของสวีโป วางไปบนมือของเซียวซูหน พร้อมพูดว่า : “ในเมื่อประธานหวังต่างก็บอกแล้วว่าฟรีทั้งหมด งั้นคุณก็เก็บเงินกลับไปเถอะ เหากรุ๊ปเป็นองค์กรใหญ่ที่มีมูลค่า ทางตลาด จะมาสนใจเงินอันน้อยนิดของคุณได้อย่างไรกันล่ะ? อีกอย่าง ต่อไปก็ยังต้องทำงานร่วมกันกับคุณ คุณจะเห็นเป็น คนนอกแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ? ”

คำพูดนี้ของเเฉิน ทำให้ในใจของเซียวซูหนผ่อนคลายลง แล้ว

แน่นอนว่า เหากรุ๊ปเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในจินหลิง มีเพียง บริษัทเดียว ที่มีขนาดเทียบกับทั้งหมดของตระกูลข่ง

ถ้าหากเป็นเพราะค่าเช่าราคา 180000หยวนทำให้เขามอง หวังตงเสงี่ยนเป็นคนนอกล่ะก็ มีความเป็นไปได้มากที่จะทำให้หวังคงเสงี่ยนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเหตุผล

เธอจึงพยักหน้าอย่างรีบร้อน พูดอย่างซาบซึ้ง : “ประธานหวัง ขอบคุณคุณมากจริงๆค่ะ!

หวังคงเสงี่ยนยิ้มเล็กน้อย : “ทุกคนล้วนแต่เป็นพันธมิตรกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันมันก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว”

ซูหนรีบพยักหน้าทันที หลังจากนั้นก็ส่งเช็คให้เยเฉิน พูดว่า : “ฉันสวมชุดกระโปรงติดกันไม่มีกระเป๋าใส่ คุณช่วยฉันเก็บเช็ค ใบนี้ไว้ก่อนแล้วกันนะ”

“ได้! “เฮเฉินน่าเช็คใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง พูดกับเซียว หวั่นว่า “ไปกัน ผมจะพาคุณไปทักทายคุณซ่ง ช่วงนี้พวกตระ กูลซึ่งกำลังมีโครงการแต่งตกอยู่หลายโครงการ คุณสามารถพูด คุยกับเธอได้

เซียวซูหนตอบรับค่าแล้ว แต่ในใจกลับว่าไม่ค่อยอยากจะไป คุยกับซึ่งหวั่นถึงสักเท่าไหร่

เพราะว่า เธอรู้สึกตัวเองด้อยมากเวลาอยู่ต่อหน้าซึ่งหวั่นถึง

ที่สำคัญไปมากว่านั้นก็คือ เธอมักจะรู้สึกว่า เบื้องหลังของรอย ยิ้มที่กว้างขวางและฉลาดหลักแหลมของซึ่งหวั่นถึง เหมือนว่า แฝงเป็นด้วยความเป็นปรปักษ์บางอย่าง

ต่างก็พูดว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงแม่นยำมากที่สุด ในใจ ของซึ่งหวั่นถึงนั้นลึกมาก ในใจคิดว่าสักวันหนึ่ง จะเอาตัวเยเงิน ลูกเขยคนนี้ จากตระกูลเซียวย้ายมาอยู่ตระกูลข่งให้ได้ ดังนั้นจึงมีความคิดเป็นศัตรูกันเล็กน้อย

และเขียวหวั่น ได้รับรู้ถึงความเป็นศัตรูที่ซ่อนอยู่ลึกๆของช่า หวั่นถึงแล้ว

เพียงแค่ ตอนนี้เธอยังไม่แน่ชัด ต้นตอของความเป็นศัตรูกันนี้ มันเกิดขึ้นจากตรงไหน

ในเวลานี้ เซียวซูหนมองเวลา สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ไม่รู้ว่า ทำไมพ่อกับแม่ยังมาไม่ถึงอีก

ดังนั้นเธอจึงพูดกระซิบกับเเฉินเบาๆ “เย่เฉิน จนถึงตอนนี้ พ่อกับแม่ก็ยังมาไม่ถึงเลย คุณลองโทรหาพวกเขาหน่อย ถาม ว่าถึงไหนกันแล้ว”

เย่เฉินพยักหน้า พร้อมพูดว่า “น่าจะรถติดนะ……

เนื่องจากเขาและเซียวซูหนต้องเก็บกวาดออฟฟิศ เตรียมจะ ต้อนรับอะไรแบบนี้ ดังนั้นจึงตื่นกันมาแต่เช้าแล้ว และก่อนออก จากบ้าน ก็ได้พูดกับพ่อตาและแม่ยายแล้ว จะต้องมาถึงออฟฟิศ ก่อนสิบเอ็ดโมง เข้าร่วมพิธีเปิดกิจการพร้อมกัน

แต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ยังไม่เห็นเงาร่างของ

พ่อตาและแม่ยายเลย

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะกดโทร กลับได้ยินเสียง

โทรศัพท์ของเซียวซูหรืนดังขึ้นมาแล้ว

เมื่อหนเห็นสายเรียกเข้าเป็นหม่าหลันแม่ของตัวเอง เธอก็ รีบรับโทรศัพท์เลยทันที
เมื่อรับสายแล้ว ก็ได้ยินเสียงที่รีบร้อนของหม่าหลันแพร่ซ่าน เข้ามา “ดูหน แม่กับพ่อเกิดอุบัติเหตุบนถนนแล้ว พ่อของลูกได้ รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตกันอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชน ลูก รับมานะ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ