ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 892



บทที่ 892

นอกจากหลี่เสี่ยวเฟิน ป้าหลีแล้ว จ้าวเท้าเป็นคนแรกที่ เพราะ ว่าตัวเองบริจาคเงินให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงมาชนเหล้า กับตัวเอง

พวกคนอื่นๆเหล่านั้น ที่พวกเขาชนแก้วกับตัวเอง ไม่ใช่เพราะ ว่าตัวเองบริจาคเงิน ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เป็นเพราะว่า พวกเขาค้นพบว่าตัวเองเหมือนว่าจะเป็นคนรวยคนหนึ่ง

นี้เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งสองแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้า มาชนแก้วเหล้าให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีความห่วงใยต่อ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจริงๆ ชนแก้วเพื่อเข้าหาตัวเอง ล้วนแต่ หวังที่จะสามารถไต่ระดับความสัมพันธ์กับตัวเองได้

ถึงอย่างไรสำหรับพวกเพื่อนๆเหล่านี้แล้ว คนที่สามารถนำเงิน 1 ล้านบริจาคให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ตามอำเภอใจ จะ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน มันได้เกินความรู้ความเข้าใจของพวก เขามากแล้ว

เย่เฉินดื่มเหล้ากับจ้าวเท้าหนึ่งแก้ว จ้าวเท้าพูดออกมาด้วย ความจริงใจว่า : “เย่เฉิน เห็นนายสามารถมีทุกอย่างเช่นทุกวันนี้ ได้ ฉันล่ะดีใจกับนายอย่างมากจริงๆ! ตอนนั้นฉันยังรู้สึกว่า นายไม่เหมือนกับพวกเราทุกคน ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกว่านายใน ตอนนั้นถึงสุดยอดมาก คิดว่านายต้องมีอนาคตที่สดใส แน่นอน ! คิดไม่ถึงว่านายยังจะใจกว้างอย่างนี้อีก
เย่เฉินยิ้มอย่างนิ่งๆ พูดว่า “ตอนนั้นที่เราสองคนนอนที่ไซต์ ก่อสร้าง ในทุกๆวันสามารถกินข้าวอิ่มท้องได้ก็มีความสุขมาก แล้ว ทุกเดือนที่เงินเดือนออก เราสองคนก็สามารถสุรุ่ยสุร่ายได้ นิดหน่อย ซื้อเครื่องเคียงสองอย่าง ซื้อเบียร์สักสามสี่ขวด ดื่ม กันที่ไซต์งานก่อสร้าง สำหรับฉันก็พอใจมากแล้ว”

เพียงครู่หนึ่ง เย่เฉินก็พูดอีกว่า “เป็นเพราะว่ามี

ประสบการณ์ช่วงเวลานั้น ตอนนี้ฉันจึงไม่มีความต้องการทาง วัตถุนิยมมากเกินไป กินให้ดี สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีๆ ใช้ของใช้ดีๆ มีที่อยู่ที่ดีหน่อย จริงๆแล้วสำหรับฉัน ไม่ได้มีความหมายอะไร จริงๆ “

จ้าวเห้าพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า : “เพื่อน สิ่งเหล่านี้ที่นาย พูดฉันเข้าใจ ตอนนั้นเราสองคนทำงานเหมือนกัน แต่เงินที่ฉันได้ มาก็เก็บออมไว้ทั้งหมด หวังว่าจะสามารถกลายมาเป็นเงินทุนที่ ใช้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต แต่เงินที่นายได้มา ล้วนแต่บริจาคให้ แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่า ทั้งชีวิตของ ฉันคงสู้นายไม่ได้ เพราะว่าทัศนคติของนายมันยิ่งใหญ่กว่าฉัน มาก ! ”

พูดจบ จ้าวเท้าก็ถอนหายใจเบาๆ หัวเราะให้กับตัวเองพร้อม พูดว่า : “ความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ฉันไม่ได้มีอนาคตที่สดใส อะไร”

เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า “เพื่อน ไม่ว่ายังไงก็อย่าดูถูกตัวเอง จนเกินไป ขอแค่นายสามารถทำได้ เราไม่ละอายต่อฟ้าดิน ไม่ ละอายต่อมโนธรรม ไม่ละอายต่อตัวเอง แม้ว่าทรัพย์สินเงินทองจะไม่ได้มีมากมาย นายก็เป็นคนที่มีความสุขคนหนึ่ง

พูดแล้ว เขาก็พูดอีกว่า : “นายดูบนโลกใบนี้สิ มีคนรวยเท่า ไหร่ที่พึ่งการกระทําความชั่วจนทำให้ครอบครัวเกิดร่ำรวยขึ้น มี คนจนกว่าเท่าไหร่ ที่พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อพยายามแย่งชิง ขโมย หลอกลวง เอารัดเอาเปรียบจากคนอื่น คนที่ไม่ได้ทำผิด มโนธรรมนะ มีน้อยมาก! ”

เชียวชหรับฟังเย่เฉินพูดอย่างเงียบๆ จู่ๆก็รู้สึกว่าภาพของสามี คนนี้ที่อยู่ในตอนนี้ ภายในใจของตัวเอง เปลี่ยนเป็นเจิดจ้าเปล่ง ประกายขึ้นมา

ตั้งแต่ที่เขาบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกระทั่ง ตอนนี้พูดจาแบบนี้ออกมา ล้วนแต่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนมุมมอง ใหม่ทั้งหมด

จ้าวเท้าดื่มเหล้านิดหน่อย ค่อนข้างมึนหัว ดังนั้นในเวลานี้จึง ค่อนข้างนุ่มบ่าม เขาจับมือของเยเฉิน พูดด้วยแววตาที่แดงก่ำว่า : “เย่เฉิน ฉันโง่เขลาเบาปัญญามากว่า 20 ปี วันนี้นายทำให้ฉัน เข้าใจ ตอนนี้คิดดูแล้ว ตอนนั้นฉันไม่ควรที่จะออกไป ฉันไปเมือง ไห่ ก็เพราะตอนนั้นในใจของฉันคิดว่าตัวเองจะต้องพลิกตัว จะ ต้องร่ำรวย กลายเป็นคนที่สุขสบายหลังจากที่ลำบากมานาน หลายปีมานี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะกลับมายังสถานเลี้ยง เด็กกำพร้าที่เคยเลี้ยงดูฉันจนเติบโต ตอนนี้เมื่อกลับมาคิดแล้ว ในใจของฉันรู้สึกผิดมากจริงๆ….……..

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย : “จ้าวเช้า คนเราจะต้องรักตัวเองก่อน แล้วถึงจะช่วยเหลือสังคม ถ้าหากแม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ฉันก็ ไม่อยากให้นายเอาเงินที่มีจำกัดมาบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็ก กําพร้า เพราะงั้นนายต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เราล้วนแต่ผ่าน ความยากลำบากกันมา ไม่มีครอบครัว ไม่มีที่พึ่งพิง มีเพียงตัว เราเองเท่านั้นที่พึ่งพาได้ ในเวลาแบบนี้จะต้องดูแลตัวเองให้ดี หน่อย ให้ตัวเองได้มีชีวิตที่ดีก่อน ”

จ้าวเท้าร้องไห้ออกมาทันที สลักพร้อมพูดว่า “นายแนะนำ ให้ฉันทำแบบนี้ ทำไมตัวนายเองถึงไม่ทำแบบนี้ด้วยละ? ฉันรู้นะ ตอนที่ป้าหลี่ป่วย นายเอาเงินทั้งหมดที่ตัวเองหามาได้มอบให้ป้า หลี่หมดเลย ในตอนนั้น ทำไมนายถึงไม่คิดที่จะให้ตัวเองมีชีวิตที่ ก่อนละ? ”

เยเฉินพูดอย่างเก้ๆกังๆว่า : “สถานการณ์ของเราสองคนไม่ เหมือนกัน ฉันแต่งงานแล้ว แต่นายยังไม่ได้แต่งงาน

พูดแล้ว เย่ฉันก็จับมือเซียวซูหนมา พูดกับจ้าวเห้าว่า : “ทั้งจิ นหลิงต่างก็รู้กันหมด ฉันมีเสียงโด่งดังเรื่องเกาะผู้หญิงกิน ฉัน กินของๆภรรยา ฉันดื่มของๆภรรยา ฉันใช้ของๆภรรยา ฉันอยู่ บ้านของภรรยา มีภรรยาที่ดีขนาดนี้ ฉันไม่ต้องจ่ายเงินเองสัก บาทเดียว แถมยังกินอิ่มนอนหลับ ในสถานการณ์เช่นนี้ เอาเงิน มาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ”

เชี่ยวชหนที่อยู่ๆก็โดนเย่เฉินจับมือไป ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้น มาทันที

และได้ยินที่เย่เฉินพูดแบบนี้ขึ้นมาอีก ในใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

เธอรู้สึกว่าตัวเอง ในเวลานี้ เข้าใจสามีของตัวเองคนนี้มากขึ้น แล้ว

แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกว่า ในเวลานี้ เหมือนว่าตัวเอง ไม่รู้จักสามีของตัวเอง หลายอย่างเลย

ก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดว่าสามีของตัวเองคนนี้ไม่ได้มีอนาคต อะไร ไม่มีความทะเยอทะยาน เป็นแค่คนที่ขี้ขลาดตาขาวไร้ความ สามารถที่ถูกคนอื่นด่าทอก็ไม่กล้าตอกกลับ ถูกคนตีก็ไม่กล้าคืน หมัด

แต่ตอนนี้ เธอกลับคิดว่า สามีของตัวเองคนนี้ เหมือนว่าจะลึก ซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกกว่าเขาคนนั้น ในจินตนาการของตัวเองซะอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ