ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1151



บทที่ 1151

ในเวลานี้ เสียงดุด่าที่ชั้นบนได้ทวีความรุนแรงขึ้น

หญิงวัยกลางคนผู้นั้นต่าด้วยความโมโหและผิดหวัง “ทำไม ฉันจะต้องให้กำเนิดสิ่งขาดทุนอย่างนี้อย่างเธอด้วย ฉันทํางาน อย่างลำบากเพื่อให้เธอได้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย สองปีเธอ ยังไม่เคยหาเงินให้ครอบครัวเลย ก็ต้องมาคลอดลูกให้คนอื่น ถ้า รู้มาก่อนว่าเธอเป็นคนไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอย่างนี้ ตอนที่ เธอเกิดมาก็ควรจะโยนเธอทิ้ง”

หญิงสาววัยรุ่นร้องไห้พลางพูดว่า “แม่ ฉันเข้าเรียน มหาวิทยาลัย ทั้งหมดพึ่งเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา จนถึงตอนนี้ก็ยัง ต้องคืนเงินกู้อยู่ เวลานั้นแม่ไม่อยากให้ฉันเรียนมหาวิทยาลัย แม่ อยากให้ฉันอายุ18ปีก็แต่งงานเลย แล้วยังพูดอีกว่ายิ่งแต่งเร็วยิ่ง มีค่า”

“ฉันพยายามสุดความสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม่ก็จะ เป็นจะตายไม่ยอมให้ฉันเข้า จนเกือบจะฉีกหนังสือแจ้งการรับ เข้าเรียนของฉัน อีกทั้งขู่ว่าถ้าฉันเข้ามหาวิทยาลัยเงินสักสตางค์ เดียวแม่ก็จะไม่ให้เรื่องพวกนี้แม่ลืมมันหมดแล้วเหรอ”

“ตอนนี้แม่บอกว่าลำบากเพื่อให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัย แม่ให้ ฉันเงินฉันสักแดงเดียวไหม

หญิงวัยกลางคนผู้นั้นด่าด้วยความโกรธ “แม่คลอดเธอออก มาก็เป็นพระคุณที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเธอแล้ว เธอสักนิดก็ไม่รู้จักความกตัญญู แล้วยังมาขึ้นเสียงดังใส่ฉันไม่หยุด เธอเริ่มจะต่อ ต้านแล้วใช่มั้ย”

หญิงสาวร้องไห้พูดว่า “ฉันไม่ได้ต้องการขึ้นเสียงใส่คุณ ฉัน แค่อยากอธิบายเหตุผล!

“สี่ปีนั้นที่ฉันเรียนมหาลัยมันไม่ง่ายเลย เงินที่ใช้ในชีวิตประจำ

วันล้วนมาจากการที่ฉันทำงานพิเศษหาเงินมาทั้งนั้น

“แต่ฉันก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สุขภาพร่างกายก็ไม่ใช่ ว่าจะดีมาก อีกทั้งยังป่วยบ่อย ถึงจะทำงานพิเศษหาเงินเล็กน้อย ล้วนแต่ไม่พอใช้”

“ในโรงเรียนถ้าไม่ใช่เพราะซุนหงเหว่ย คอยช่วยดูแลฉันมา ตลอดฉันก็คงจะไม่มีทางเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ ไม่งั้นก็คงหิว ตายไม่ก็ป่วยตายแล้ว!”

“ตอนนั้นซุนหงเหว่ยรู้สถานการณ์ของครอบครัวของเรา แต่ เขาไม่เคยที่จะดูถูกฉันเลย ดังนั้นขอเพียงเขาขอแต่ง ฉันก็พร้อม จะยินยอม ถึงแม้ไม่มีเงินสินสอด ฉันก็ยังยินยอมที่จะแต่ง

ชายกลางคนด่าด้วยความโกรธ “เธอมันเป็นสิ่งที่น่าอับอาย เธอเข้าใจว่าของหมั้นเป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจได้เองหรอ เธอคิด ว่าว่าของหมั้นให้เธอรึไง? ของหมั้นนั้นคือเงินที่จะให้น้องชาย เธอซื้อบ้าน หลังจากนี้น้องชายเธอจะต้องแต่งงาน คลอดลูก เงิน จํานวนนี้จําเป็นต่อการสืบทอดของตระกูลจาง ถ้าไม่มีแม้สัก สตางค์เดียวไว้หมั้น แล้วแต่งงานทั้งอย่างนี้ เธออยากให้ฉันกับ แม่เธอตายหรือไง? ”
หญิงสาววัยรุ่นพูดอย่างถือทิฐิว่า “ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ฉันก็จะ แต่งกับซุนหงเหว่ย แม้ว่าจะต้องนั่งรถแท็กซี่ไปจินหลิง หรือแม้ กระทั่งจะต้องเดินไปแต่งงาน ฉันก็จะแต่ง!”

เสียงดังปังที่ผ่านเข้ามาอย่างชัดเจน

ชายกลางคนคนนั้นโมโหง่าว่า “ฉันจะตีแกให้ตายพวกของ ไม่มีค่าหน้าไม่อาย เธอออกไปเลยไป ให้พวกเราอยู่กันที่นี่แค่ สามคนพอ พวกเราก็มีแค่บ้านที่อยู่มา 30 ปี หลังจากนี้จะมีอะไร ให้ภรรยาน้องชายเธอแต่งงานคลอดลูก?”

เซียวซูหนเพียงได้ยินข้างบนเริ่มแล้ว ก็รีบดึงเย่เฉินพร้อมพูด ว่า “พวกเรารีบเข้าไปเถอะ!

แต่ไหนแต่ไรมาเซียวซูหนคิดว่า สมาชิกในครอบครัวทั้งสี่

คนโต้เถียงกันเองคนนอกเข้าไปยุ่งคงไม่เหมาะนัก ตอนนี้ข้างบน

คงจะกระอักกระอ่วนไม่น้อย

แต่เมื่อได้ยินข้างบนมีการลงไม้ลงมือ เขาก็ไม่สนเรื่องเหล่านั้น แล้ว

สามีภรรยาสองคนรีบเดินไปชั้นห้า เซียวซูหนรีบยกมือเคาะ ประตูห้อง ห้อง501

หลังจากนั้นไม่นาน

ชายหนุ่มที่เอะอะโวยวายคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมา มองที่ เซียวซูหนกับเย่เฉิน “พวกเธอสองคนมาหาใคร?”

เชียวชหรับพูดว่า “คุณคือเสี่ยวเฟิงใช่ไหม? ฉันเป็นเพื่อนพี่สาวของเธอชื่อเซียวซูหน เธอยังจำฉันได้ไหม?

ชายหนุ่มผู้เอะอะโวยวายพอได้ฟังปุ๊บ ก็อดประหลาดใจที่จะ พูดไม่ได้ว่า “อ้าว พี่ชูหน ผมต้องจำคุณได้แน่นอนอยู่แล้ว พี่ช รันสองสามปีไม่เจอกันเลย คุณสวยกว่าแต่ก่อนเยอะเลย!

เย่เฉินมองเจ้าเด็กนี่ที่มองภรรยาตนด้วยความดุดัน ชั่วขณะ หนึ่งมีความไม่พอใจ เปิดปากถามเซียวซูหน “ภรรยาจ๋า เจ้า เด็กนี่คือ…”

เซียวหวั่นแนะนำ “นี่คือน้องชายจางเสี่ยวม่านเพื่อนมัธยม ปลายของฉันชื่อจางเสี่ยวเฟิง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ