ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1049



บทที่ 1049

บนเส้นทางขึ้นเขาหลายสิบกิโลเมตร รถสองคันก็ขับตามกัน ไปติดๆ

รถสองคันนี้ เป็นเพียงรถสองคันเท่านั้น ที่ขึ้นเส้นทางขึ้นเขานี้

พื้นมีหิมะ ก็ขับไม่ค่อยสะดวก เพราะว่ามองออกไป ก็มีแต่สี ขาวที่ไฟส่องไป

ฟานหลินยวน ก็มึนหัวกับแสงสีขาวของหิมะที่ไฟส่องไป แล้วก็ พูดกับรําคาญว่า “ไอ้คนแซ่เย่นั่น แม่งเป็นไอ้เดรัจฉานจริงๆ ไอ้ สองพ่อลูกนั่นไปหาเรื่องมัน มันฆ่าไปก็จบแล้ว จะเอาพวกมันมา ไว้ที่สับปะรังเคแบบนี้ทำไมกันวะ? ตอนนี้ยังจะให้พวกกูมา ลำบากถึงที่นี่อีก ซวยจริงๆ ”

ชายคนที่ขับรถก็พูดขึ้นว่า “ก่อนมาที่นี่ ผมก็ได้หาข่าวไว้บ้าง แล้ว ไอ้หนุ่มแซ่เย่นั้น มันเหมือนเป็นปิศาจ มันไม่เพียงจะชอบส่ง คนมาขุดหาโสมที่นี่ แถมยังจะชอบส่งคนไปขุดถ่านหินในเหมือง ด้วย ผมได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้มันยังส่งเถ้าแก่ในเมืองคนหนึ่ง ไปทำงานเทปูนที่แคมป์ก่อสร้างด้วย

“มันอะไรกันวะ? ” ฟานหลินยวนพูดนิ่งๆ ว่า “พวกเอ็งลืมไป แล้วรึไงว่าคนสำนักขอทาน ตายกันยังไง? 10กว่าคนถูกจับรถไว้ ในรถ แล้วโยนทิ้งแม่น้ำ ตอนนี้ยังไม่ได้งมศพขึ้นมาเลย รู้ไหม ว่าการรอชะตากรรมของพวกเขาเป็นอย่างไรไหม? ”
คนขับรถก็บอกว่า “ตายหมดแล้ว ยังจะมีชะตากรรมอะไร ได้? ”

ฟานหลินยวนก็พูดว่า “ในแม่น้ำก็กุ้งหอยปูปลามากมาย รถ คันหนึ่งถูกเชื่อมปิด ให้กลายเป็นกรง จมอยู่ใต้แม่น้ำ ข้างในยังมี ศพอยู่10กว่าศพ ไม่นานก็คงถูกพวกกุ้งหอยปูปลากินกันไปหมด แล้วล่ะ ปลาตัวใหญ่ก็กัดกินเนื้อไป ปลาตัวเล็กก็กัดกินผิวหนังไป พวกเอ็งเคยไปทําสปาปลาไหมล่ะ? ปลาแบบนั้น แม้แต่เศษ ผิวหนังกําพร้า ก็ยังกินจนเกลี้ยง ไม่นาน เนื้อหนังของเขาก็คงไม่ เหลือ”

“โอ้โห!” ชายที่นั่งเบาะหลังก็พูดว่า “ถึงว่าคนในตระกูลถึง อยากจะฆ่ามันทิ้งไวๆ ไอ้หมอนี่มันโหดเหี้ยม ใช่เล่น! ”

ฟานหลินยวนก็พูดนิ่งๆ ว่า “พวกเราจะชะล่าใจไม่ได้ สงคราม

วันนี้จะต้องกลับออกมากันอย่างปลอดภัย”

คนชันรถก็พูดว่า “ศิษย์พี่ครับ พี่คิดว่าที่ภูเขาฉางไป จะมียอด ฝีมืออยู่ไหม? ”

“น่าจะไม่มี” ฟ่านหลินยวนบอกว่า “หลายชั่วโมงก่อนตงไห เพิ่งส่งคนมาล่วงหน้าแล้ว จากที่คนรอดคนเดียวมันบอกไว้ ฝั่ง ตรงข้ามไม่ได้เข้าประชิดตัวพวกมันเลย มีแต่ปืนที่ยิงโจมตี ดังนั้น ก็เลยเดาว่าน่าจะไม่มียอดฝีมือ มีเพียงบอดี้การ์ดพกปืนธรรม ดาๆ ”

“งั้นก็ดี” คนที่ขับรถก็ยิ้มพูดว่า “พวกเราเป็นพี่น้องกัน ฝึกวิชา ระฆังทองคุ้มกายแต่เด็ก ไม่อยากพูดว่าเป็นสุดยอดฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าในธรรมดาจะยิงเราเข้าได้ ดูเหมือนว่าคืนนี้ จะเป็น สงครามที่มาฆ่าหมาเล่นๆ คงจะเอาชนะได้ง่ายๆ แล้วนำชัยกลับ ไป หาง”

ชายอีกคนก็พูดว่า “ถ้าหากว่าไอ้เย่เฉินนั้น มันอยู่ด้วยก็ดี พวก เราจะได้ฆ่ามันไปด้วยเลย แล้วกลับไปรับรางวัลกับนายท่าน

ฟ่านหลินยวนก็พูดว่า “ไอ้เย่เฉินมันไม่น่าจะอยู่ที่นี่ด้วย ทาง ตระกูลอู่ตรวจสอบแล้ว ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทาง พวกมันยัง อยู่ที่จินหลิง”

พูดจบ ฟานหลินยวนก็เสริมว่า “ถ้ามันอยู่ด้วยก็ดีเลย จะได้รับ ถือหัวมันกลับไปรับรางวัลกับนายท่าน นายท่านคงจะให้พวก เราสักหลายร้อยล้าน

คนขับรถก็พูดว่า “เอ่อศิษย์พี่ครับ ในเมื่อไอ้เย่เฉินมันร้ายแบบ นี้ แล้วที่ก่อนหน้านี้ที่คุณชายรองตระกูลอู๋ป่วยโรคประหลาด มัน จะเกี่ยวข้องกับไอ้เย่เฉินนี่ด้วยหรือเปล่า? ”

ฟานหลินยวนก็ส่ายหัว “อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ว่าอาจ

จะเป็นไปได้”

พูดไปดังนั้น เขาก็ถอนหายใจว่า “โรคประหลาดของคุณชาย รอง ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน นานแล้วก็ยังรักษาไม่หาย และ อาการก็ไม่เบาลงเลย มันน่าแปลกมาก

ในตอนนี้ เย่เฉินที่อยู่บนเนินเขา ก็ยืนกุมมืออยู่ท่ามกลางพื้นหิมะ

ด้านหลัง มีเงินจื้อข่าย หงห้าและเว่ยเลี่ยง ก็หนาวจนสั่นไป ตามกันแล้ว หน้าซีดขาวไปหมด

เฉินจือข่ายก็ถูมือไปมา พร้อมสบกด่าออกมาว่า “ไอ้ราชาทั้ง แปดตูดหมา มาช้าจังวะ! อีกชั่วโมงเดียวฟ้าก็จะสว่างหมด แล้ว!

หงห้าก็มองเเฉิน แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณชายครับ คุณใส่เสื้อผ้าน้อยแบบนี้ ไม่หนาวหรือครับ? ”

เย่เฉินก็ส่ายหัวเบาๆ เขาในตอนนี้ ไม่เกรงกลัวต่อความหนาว เย็นแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงว่าให้เขายืนอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง ต่อให้เขายืนอยู่ที่

น2วัน หรือเป็นเดือน ก็ไม่มีทางหนาว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ