ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1942



บทที่ 1942

เมื่อไม่มีคนออกไปหาเงิน จึงไม่มีข้าวปลาอาหารเอาไว้ทํา กับข้าว ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงทำได้เพียงฝืนทนหิวเอาไว้

ตั้งแต่ที่เขียวฉางควานกับเซียวไห่หลงจับตัวเยฉางหมิ่นมาผิด จนถึงตอนนี้ คนครอบครัวตระกูลเดียวก็ซูบผอมลงถนัดตา แต่ละวันดำเนินไปอย่างน่าเวทนา

ด้านเย่เฉินและครอบครัว ในช่วงกลางวันของวันตรุษจีน ก็ เก็บของเตรียมพร้อม ขับรถมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์น้ำพุร้อนที่ เฉินจือข่ายจัดหาไว้ให้ ทั้งครอบครัววางแผนว่าจะมาพักผ่อนที่ คฤหาสน์น้ำพุร้อนสักสองสามวัน

ช่วงมาถึง เฉางหมิ่นนั่งอยู่ในห้องเช่าซอมซ่อ มองเกี่ยว น้ำที่สั่งเดลิเวอรี่มากินอย่างอัดอั้น

ตั้งแต่ที่เย่เฉินกักขังเธอไว้ที่เมืองจินหลง เฉางหมิ่นประทัง ชีวิตด้วยอาหารเดลิเวอรี่มาตลอด

และที่น่าโกรธก็คือ เย่เฉินไม่อนุญาตให้เธอเป็นคนสั่งเดอริเว อรี่เอง การสั่งอาหารในแต่ละครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นคนของหงห้า สั่งมาให้ทั้งนั้น อีกอย่างราคาอาหารโดยรวมในแต่ละมื้อก็ราคา ไม่เกินสามสิบหยวน

หลายวันมานี้ เฉางหมิ่นถูกบังคับให้ลองกินทั้งหลายอย่าง เป็นอาหารที่ในชีวิตนี้เธอไม่เคยลองกินเลยสักครั้ง
อย่างเช่นไก่พะโล้ ข้าวราดหมูผัดพริกเขียว ข้าวราดไก่หั่น ลูกเต๋าผัดซอส บะหมี่เส้นดึง เส้นมันฝรั่งอีสาน และแป้งทอดไส้ ลา

อาหารพวกนี้ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไงแล้ว ในสายตา ของคนตระกูลเย อาหารพวกนั้นก็คือขยะดีๆนี่เอง ปกติอย่าว่า แต่กินเข้าไปเลย แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว

แต่ว่าในตอนนี้ เฉางหมิ่นที่เคยสูงส่ง กลับทำได้เพียง ประทังชีวิตด้วยสิ่งเหล่านี้

เมื่อวานเป็นวันที่สามสิบของเทศกาลตรุษจีน จึงไม่สามารถ สั่งเดอลิเวอรี่ได้ ดังนั้นคนของหงห้าจึงส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฮอ ทด็อกกับไข่มาให้เธอ

เมื่อเห็นว่าต้องมากินอาหารขยะในช่วงเทศกาลตรุษจีนแบบนี้ แน่นอนว่าเยฉางหมิ่นโกรธจนแทบจะเสียสติ พร้อมทั้งหลุดปาก ออกมาว่า ถ้าหากวันปีใหม่เธอไม่ได้กินเกี่ยว เธอจะฆ่าตัวตาย มันซะเดี๋ยวนี้

ด้วยเหตุนี้ คนของหงห้าจึงเอาเกี่ยวที่ห่อเองมาให้เธอ

ไส้เกี๊ยวทำมาจากหมูและผักดอง เนื่องจากลูกน้องของหงห้า ส่วนใหญ่เป็นคนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นจึงชอบ รสชาตินี้เป็นอย่างมาก

แต่สิ่งที่เยฉางหมิ่นกินมาตั้งแต่เด็กๆล้วนแล้วแต่เป็นอาหาร ชั้นเลิศ เกี๊ยวที่เคยกินตอนอยู่ในตระกูลเย่ก็ไม่เคยมีไส้หมูมา ก่อน
เกี่ยวที่ตระกูลเกินบ่อยๆ ต่างก็เป็นไส้ที่ทำมาจากเนื้อกุ้งชั้น ตีผสมกับเนื้อปลาค็อกเกอร์สีเหลืองที่สับจนกลายเป็นเนื้อ ละเอียด จากนั้นยังมีการใช้กรรมวิธีนึ่งหูฉลามและหอยเช่าซื้อ ให้เนื้อเปื่อยแล้วจึงนำมาห่อ ราคาแค่มื้อเดียว อาจจะสูงกว่า ราคาที่คนทั่วไปกินกันตลอดทั้งปีเลยด้วยซ้ำ

แต่อาหารจําพวกผักดอง ตั้งแต่เด็กจนโตเยฉางหมิ่นยังไม่ เคยกินเลยสักครั้ง

สําหรับคนที่เติบโตมาในตระกูลชั้นสูงอย่างเธอแล้ว อาหาร จําพวกผักดอง เป็นสิ่งที่เธอจะไม่ยอมแตะเด็ดขาด อาหารแทบ ทุกอย่างที่ผ่านการหมักดองมา ในสายตาของเธอมันคือยาพิษ ทั้งนั้นแหละ

เธอกัดเกี๊ยวไส้หมูผักดองเข้าไปได้ไม่ทันไร ก็ต้องคายออกมา ทันที เธอล้วงคอออกอยู่หลายนาน กว่ารสชาติของผักดองจะ หมดไป

เยฉางหมิ่นเปิดประตูอย่างโมโห เอ่ยถามลูกน้องของหงห้าว่า “แกเอาอะไรมาให้ฉันกิน มันใช่ของที่คนกินกันแน่เหรอ?!

เมื่อคนนั้นได้ยินแบบนี้ ก็เดือดขึ้นมาในทันที ตอกกลับด้วย สำเนียงบ้านเกิดว่า “นังแก่ปากเหม็น พูดบ้าอะไรของแก? เกี่ยว นี้แม่ฉันห่อเองกับมือ แม่ฉันอุตส่าห์ทำมาให้ แกยังพูดจาแบบนี้ อีกเหรอ? คิดจะกวนโมโหหรือไง?! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ