ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 875



บทที่ 875

แต่ไหนแต่ไรมา เย่เฉินก็ไม่อยากเป็นคนดีเท่าไรนัก

บางครั้งเขาเห็นคนอื่นน่าสงสาร ก็เลยอยากจะช่วย แต่อย่างน้อย ฝั่งตรงข้ามก็ต้องรู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง ถ้าอีกฝั่งไม่รู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง เขาก็คงไม่ช่วยแบบ เนื้อไม่ได้ กินหนังไม่ได้รองนั่ง แล้วเอากระดูกไปแขวนคอหลอก

บางคนก็ดื้อรั้น ไม่สู้ให้เขาได้ไปลองลิ้มรสชาติของผลลัพธ์ที่ ตนเองก่อขึ้นเองดีกว่า

เพราะถึงอย่างไรเขาก็ทำตัวเอง อนาคตพอตกหลุมพรางแล้ว

ตัวมาโอดครวญก็ไม่มีใครช่วยได้

ดังนั้นเขาก็อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยไปเสีย แล้วพูดว่า “ถ้าพวก คุณอยากจะธุรกิจด้านการเงินกัน เดี๋ยวไว้ค่อยสร้างกลุ่มคุยกันก็ แล้วกัน วันนี้เรามาเชิญป้าหลี่กินข้าว ตั้งนานแล้วยังไม่ได้สั่ง อาหารเลย”

เจียงหมิงก็อารมณ์ดีขึ้นมา พูดยิ้มตาหยีว่า “มาๆๆ เอาเมนู อาหารให้ป๋าหลีเลย ให้ป้าหลี่เป็นคนสั่ง

ป้าหลี่ก็รีบโบกปัด แล้วพูดว่า “ไม่ต้องๆ ป้าไม่เคยมาสถานที่ ดีๆ แบบนี้ จะให้สั่งอาหาร ป้าสั่งไม่เป็นหรอก พวกเธอหนุ่มๆ สาวๆ ก็สั่งกันเลยเถอะ”
เจียงหมิงก็รับเอาเมนูมาเอง แล้วยิ้มพูดว่า “งั้นก็ให้ผมสั่งแล้ว กันครับ!”

จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาทันที แล้วพูดว่า “มา สั่งอาหาร พนักงานก็เข้ามา เจียงหมิงก็รีบสั่งอาหาร แต่ครั้งนี้เขามีแผน อยู่ อาหารที่สั่งก็เอาแพงๆ ทั้งนั้น

อย่างแรก ก็สั่งหอยเป๋าฮือให้ทุกคน คนละตัว เมนูนี้ ก็มีราคา คนละ1888 หยวน

จ้าวโจวเหลือบไปเห็นเมนู ก็ตกใจพูดว่า “โหพี่หมิง เมนูนี้มัน แพงไปหน่อยรึเปล่าพี่ แค่เมนูนี้เมนูเดียวก็จะ2หมื่นแล้วนะ! พวกเรา….จ่ายไม่ไหวหรอกพี่! ”

เนื่องจากอาหารมื้อนี้เจียงหมิงเสนอว่าจะจ่ายเองครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็ให้ทุกคนหารกัน ก็คือว่าทุกคนจะต้องควักจ่าย เหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาบอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง

แต่ว่าอาหารมื้อนี้มันแพงมาก ต่อให้เจียงหมิงออกเงินไปครึ่ง หนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้น สำหรับคนอื่นๆ แล้ว ก็ต้องจ่ายเยอะอยู่ เหมือนกัน

ตอนนี้เงี่ยงหมิงก็มองจ้าวโจวเยวด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วพูด ว่า “ถึงว่าล่ะ ว่าที่แม่ยายของเอ็งถึงได้ไม่ยอมลดค่าสินสอด ก็ เพราะเอ็งขี้เหนียวอย่างนี้นี่แหละ แค่ออกมากินข้าวก็ตกใจขนาด นี้ แม่ยายเอ็งเลยต้องเอาสินสอดเยอะๆ เพื่อลูกสาวเขาจะได้ไม่ ลำบากไงล่ะ! ถ้าวันนี้ต้องเชิญแม่ยายเองมากินข้าว แล้วเอ็ง ตกใจจนไม่กล้าสั่งอาหาร แล้วจะทำอย่างไร? พวกเขาจะมองเอ็งยังไงห้ะ? ”

จ้าวโจวเยวก็หน้าเสีย แล้วก็พูดอย่างกลุ้มใจว่า “พี่หมิง ผมไม่ ได้มีเงินแบบพี่ บอกตามตรง ตอนนี้ผมใช้อาทิตย์ละ100หยวน เพื่อประหยัดเงิน ทุกวันนี้ก็กินหมั่นโถวกับน้ำเย็นในบริษัททุกวัน แม้แต่หม้อต้มน้ำร้อนผมยังอดใจไม่ซื้อเลย

เจียงหมิงก็พูดเสียงเย็นว่า “ถึงว่าเอ็งถึงได้จนนัก ก็ความคิด แบบเอ็งนี้ ไม่ยอมเสียเงินซื้ออะไรเลยแบบนี้ จะไปหาเงินได้ อย่างไร เอ็งไม่จนแล้วใครจะจนล่ะวะ? ”

นิ่งไป แล้วเลี้ยงหมิงก็พูดว่า “เงินมันเป็นยังไงรู้ไหม? มันต้อง ใช้จ่ายถึงจะได้มันมาอีก ถ้าไม่ใช้จ่ายแล้วจะเป็นไง? ใส่ไว้ใน กระเป๋าก็เป็นแค่กระดาษ เอาไว้ในธนาคารก็เป็นแค่ตัวเลข อีก อย่าง พี่ก็ได้บอกเอ็งแล้วว่าจะช่วยหาเงิน ถ้าเอ็งมาทำเป็นไม่ ยอมกับค่าอาหารแค่นี้ งั้นพี่ก็ไม่คบค้าสมาคมกับเองแล้วล่ะ โทษ ทีนะ”

พอจ้าวโจวเยว่ได้ยินดังนั้น ก็รีบหุบปากของตนเองทันที

เขาได้เอาเจียงหนึ่งเป็นคนที่จะช่วยชีวิตเขาแล้ว ดังนั้นไม่ว่า อย่างไรก็ตาม เขาก็จะไม่หักหน้าเจี้ยงหมิงเด็ดขาด

ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ชีวิตของตนเอง ก็จะไม่มีความหวังอะไรอีกเลย ตอนนี้คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าอาหารที่เจียงหมิงสั่งไป ราคามันสูงไป แต่พอได้ยินคำที่เขาสั่งสอนจ้าวโจวเยวแล้ว ทุกคนก็ไม่อยากจะ ส่งเสียงอะไรออกมาอีก
ล้วนรู้สึกว่าเขาก็ได้ออกเงินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้ ทุกคนออก ถ้าทุกคนยังบอกว่าจนอีกล่ะก็ ก็จะเสียหน้าไม่น้อย

ในตอนนี้เจี้ยงหมิงก็พูดกับพนักงานว่า “กุ้งมังกร หนัก5กิโลกรัม เอามาให้พวกเราตัว

พนักงานก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “คุณครับ กุ้งมังกรอย่างดีของ เราที่นี่ ราคากิโลกรัมละ688หยวน ได้ไหมครับ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ