ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 435



บทที่ 435

ซ่งหรง ไม่ค่อยเข้าใจในความเคารพที่คุณมีต่อเย่เฉิน

คุณท่านซึ่งนับถือเย่เฉินอย่างกับเทพเจ้า เหตุผลก็พอๆกับซื้อ เทียนฉี พวกเขาทั้งสองล้วนแต่เป็นชายชรากันแล้ว ยิ่งอายุปูนนี้ก็ ยิ่งรู้ชะตากรรมดี และก็ยิ่งกลัวชะตากรรม พูดง่ายๆก็คือกลัวตาย

แต่ว่า ปีนี้ซึ่งทรงยังไม่ถึงสามสิบปีเลย ถ้าพูดกับเขาแล้ว มี ใครมาทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกห้าปี เขาคงจะดูถูกดูแคลนอย่าง มาก แต่สําหรับคนแก่อายุเยอะแล้ว ถ้ามีใครมาทำให้มีชีวิตอยู่ ต่อได้อีกห้าปี นั่นก็คือพระเจ้าที่แท้จริงในสายตาของเขา เปรียบ กับพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่

ซึ่งหวั่นถึงเข้าใจความคิดของคุณไม่มากก็น้อย ถึงอย่างไร ตัวเองก็ต่างกับซุงหรง ตัวเองก็มียาวิเศษที่เย่เฉินมอบให้ ยา เม็ดนั้นตัวเองเก็บซ่อนไว้ในรถมาโดยตลอด นอกจากตัวเองและ เย่เฉินแล้ว ก็ไม่มีใครรู้

มียาเม็ดนั้นอยู่ ซึ่งหวั่นถึงยิ่งรู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเธอรู้ว่า ถ้าตัวเองเจอเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิด ขอเพียง แค่มียาเม็ดนั้นอยู่ในมือ ตัวเองก็จะมีโอกาสผ่านวิกฤต เอาชีวิต รอดได้

โอกาสแบบนี้ เพียงแค่พูดให้คนอื่นฟัง ใครๆต่างก็ไม่ได้รู้สึก ว่ายอดเยี่ยมอะไร นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขารู้ โอกาสแบบนี้ไม่มี ทางที่จะมาเกี่ยวข้องกับตัวเอง
ซึ่งทรงก็เหมือนกัน

เขารู้ว่ายาวิเศษของเยเฉินมีค่าอย่างมาก ถ้าตัวเองได้มาสัก เม็ด ก็คงเอามาใช้ประจบคุณท่านได้ เพื่อให้คุณท่านเห็นตัวเอง อยู่ในสายตาบ้าง ไม่แน่ในอนาคตตัวเองอาจจะได้สืบทอดทรัพย์ สมบัติมากยิ่งขึ้นจากตระกูลซ่ง เขาไม่มีทางเหมือนกับซึ่งหวั่นถึง เก็บยาไว้ที่ตัวเอง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซ่งหวั่นถึงอกตัญญูต่อคุณท่านนะ บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกว่า ยาเม็ดนี้ แสดงถึงความห่วงใยที่เเฉินมี ต่อตัวเอง

เย่เฉินต้องอยากให้ตัวเองเก็บยาเม็ดนั้นไว้กับตัว ดังนั้น ในใจ ลึกๆของเธอ ไม่อยากทำให้เยเฉันผิดหวังกับตัวเอง ซึ่งไม่อยาก ใช้สิ่งของที่เก๋เฉินมอบให้ตัวเอง เพื่อให้ได้รับคำชมจากคุณปู่

ในเวลานี้ จู่ๆคุณท่านซึ่งก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ พูดคุย : “จริง สี หรง ซึ่งหวั่นถึง เดี๋ยวถ้าพวกแกสองคนกินข้าวเสร็จแล้วไม่มี ธุระต่อละก็ไปโรงพยาบาลโรคจิตชิงซานกันหน่อยนะ

“โรงพยาบาลโรคจิตชิงซาน? ! “ซึ่งทรงถามด้วยความ ประหลาดใจ : “คุณปู่ ให้เราไปที่นั่นทำไม? มีเรื่องอะไรเหรอ?”

คุณท่านซ่งพูดว่า : “ลูกหลานของตระกูล แห่งซูหางมาที่จีน หลิง ได้ยินมาว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกหลานของคนในตระกูลนิด หน่อย ดังนั้นจึงต้องรีบไปดู”

พูดแล้ว คุณท่านซ่งก็พูดอีกว่า : “คนที่มาคืออู่ตงไห่ลูกชายคน โตของตระกูลอู๋ รุ่นเดียวกับพ่อของแก แต่ว่าตอนนี้พ่อของแกไม่ได้อยู่ที่จินหลิงแล้ว ฉัน ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส จะไปก็ไม่เหมาะ สม ดังนั้นจึงให้แกกับหวั่นถึงไปเยี่ยมหน่อย ถึงอย่างไรความ สัมพันธ์ของเราทั้งสองตระกูลก็ดีกันมาโดยตลอด

ซึ่งทรงพยักหน้า คิดได้ทันที พูดว่า : “ผมนึกออกแล้ว ก่อน หน้านี้เด็กที่มีอาการป่วยทางจิตหยิบกินไปทุกที่ในตึกตอก เหมือนว่าจะเป็นลูกหลานของคนตระกูลอื่นะ? ”

“ไอ้หยา….”งหวั่นถึงวางตะเกียบลง พูดอย่างจนใจ : “กิน ข้าวอยู่นะ ทำไมพี่ต้องพูดถึงเรื่องที่น่าขยะแขยงนั้นด้วย…….

ซึ่งทรงยิ้มแหะๆ พูดว่า : “ขอโทษๆ ปากไวไปหน่อย

คุณท่านซึ่งก็เคยดูคลิปวิดีโอนั่น ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็น ขยะแขยงขึ้นมาทันที พร้อมกับวางตะเกียบลง พูดว่า : “ได้ยินมา ว่าลูกหลานของคนในตระกูล สองวันมานี้อยู่ที่โรงพยาบาล โรคจิตชิงซานมาโดยตลอด ดังนั้นพวกแกก็ไปทักทายปราศรัย หน่อย หลักๆก็ทักทายกับอู่ตงไห่ บอกเขาว่าพ่อของแกไม่ได้อยู่ นหลิง จึงมาเยี่ยมไม่ได้ อย่าให้เขาถือโทษอะไรเลย แล้วถือ โอกาสถามไถ่ถึงท่านปู่ของพวกเขาแทนฉันด้วย”

“ได้ครับคุณปู่”ซ่งหรงรีบพยักหน้าทันที

ตระกูลอู่แห่งซูหาง เป็นครอบครัวอันดับแรก ในเจียงหนาน มี อำนาจมากกว่าตระกูลซึ่งแล้ว ตระกูลซงติดห้าอันดับแรกใน เจียงหนาน แต่ไม่ติดสามอันดับแรก

ตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ การไปมาหาสู่และติดต่อกันค่อนข้าง ที่จะสนิทสนมกันมาก ปกติแล้วเวลาใครมาถิ่นของตัวเอง เจ้าถิ่นจะต้องต้อนรับอย่างเต็มที่ แสดงความจริงใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ