ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1853



บทที่ 1853

นายหญิงใหญ่เชียวคาดไม่ถึงว่า เฉียนหงเป็นที่ถูกตัวเองกดขี่ อยู่มาโดยตลอด กลับกล้าที่จะท้าทายตัวเอง

ในขณะนี้ ในใจของเธอโกรธจนตั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ แต่เมื่อ นึกถึงว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีที่พึ่งพา ก็สูญเสียความมั่นใจไปใน ทันที และไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา

ถ้าตัวเองปฏิบัติต่อจางกุ้ยเฟินดีสักเล็กน้อยตั้งแต่แรก ถ้า อย่างนั้นตอนนี้พวกเธอทั้งสามคนก็เป็นคนขี้ประจบซื่อสัตย์ของ ตัวเอง เฉียนหงเล่นก็ย่อมไม่กล้าแผลงฤทธิ์เป็นธรรมดา

เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนนี้ตัวเองได้สร้างศัตรูกับจางกุ้ยเฟิน พวกเธอทั้งสามคน ในเวลานี้ถ้าหากทำให้เฉียนหงเป็นขุ่นเคือง ใจอีก ตัวเองก็ไม่สามารถหาผู้ช่วยได้แล้วจริงๆ

ดังนั้นเธอทำได้เพียงพูดด้วยความแค้นใจ “ฉันไม่อยาก ทะเลาะกับแก พวกเรารีบส่งฉางเฉียนกลับไปในห้อง ต่อจากนั้น ค่อยส่งไห่หลงเข้าไป

เซียวฉางเฉียนก็รีบร้องไห้แล้ว และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า

“แม่ แม่ยังจำผมได้อยู่เหรอ ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว…”

นายหญิงใหญ่เซียวรีบพูดว่า: “เวยเวยหงเย่น พวกแกรีบพา ฉางเฉียนกลับไปที่ห้อง ให้เขาพักผ่อนอย่างเต็มที่

ทั้งสองคนก็หามเขียวฉางเฉียนไปขึ้นลิฟต์อย่างใช้แรงมากเซียวเวยเวยออกแรงไม่ไหวจริงๆ และพูดกับจางกุ้ยเป็นว่า “พวกเธอสามคนก็มาช่วยไม่ได้เลยเหรอ? ยืนดูอยู่เฉยๆแบบนี้ เลยเหรอ?”

จางกุ้ยเฟินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ตอนที่พวกเราสามคน มา จะมาเป็นวัวเป็นม้าให้พวกเธอทั้งครอบครัวจริงๆ แต่ย่าของ เธอไม่ยินยอม ตอนนี้ พวกเราสามคนก็อยู่ในความสัมพันธ์ เพื่อนร่วมเช่ากัน ช่วยเธอคือไมตรีจิตความรักใคร่ต่อกัน ไม่ช่วย เธอคือภาระหน้าที่อันพึงกระทำ

เซียวเวยเวยพูดอย่างโกรธเคืองว่า “งั้นก็ยื่นมือมาช่วยหน่อย ไม่ได้เหรอ?”

จางกุ้ยเฟินส่ายหน้า: “ขอโทษด้วย ไม่มีไมตรีจิตความรักใคร่ ต่อกันแล้ว!”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็พูดกับนายหญิงใหญ่เชียวว่า: “ห้องที่ ใหญ่ที่สุดบนชั้นสาม นับจากนี้ไปจะของฉันแล้ว!”

นายหญิงใหญ่ยืมอยู่ที่เดิม ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา กลับกล้า

ที่จะโกรธในใจแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไร

เนื่องจากเป็นความกวนโมโหที่ตัวเองทำให้มันปะทุออกมา และทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธไว้

ไม่อย่างนั้น จางกุ้ยเฟื้นคงจะยังไม่วางมือยุติเรื่องราว จางกุ้ยเฟินตักเตือนนายหญิงใหญ่เซียวเสร็จแล้ว ก็พาหลีเยว่ ฉินและต่งหญ้หญิงขึ้นไปบนชั้นสาม
ผู้หญิงสามชั่วอายุคนของตระกูลเซียว ทำได้เพียงใช้แรงอย่าง สุดกำลังความสามารถ ย้ายเขียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงไปที่ ชั้นสอง

เพื่อที่จะสะดวกกับการดูแลพ่อลูกคู่นี้ เซียวเวยเวยและเรียน หงเช่น เอาพวกเขาสองคนพ่อลูกไปที่ห้องนอนใหญ่บนชั้นสอง และปล่อยให้พวกเขานอนบนเตียงเดียวกัน

และของใช้ส่วนตัวแต่เดิมของนายหญิงใหญ่เซียว ถูกจางกุ้ย เฟินโยนออกไปนอกประตูห้องชั้นสามตั้งนานแล้ว

นายหญิงใหญ่เชียวยังต้องการหาห้องต่างหากบนชั้นสามด้วย กลับคาดไม่ถึงว่า ห้องอื่นบนชั้นสามจะถูกผู้หญิงอีกสองคนครอบ ครองแล้ว

ภายใต้ความไม่มีทางเลือก คนของตระกูลเซียวทำได้เพียงขีด เส้นจํากัดกับพวกเธอทั้งสามคน จางกุ้ยเฟินพวกเธอสามคนพัก อยู่ห้องนอนใหญ่บนชั้นสาม เซียวเวยเวยและเฉียนหงเล่นพักอยู่ หนึ่งในห้องนอนบนชั้นสอง และอีกหนึ่งห้อง มอบให้นายหญิง ใหญ่เชียว

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จ ครอบครัวทั้งห้าคนก็เหนื่อย สายตัวแทบขาดและท้องร้อง

นายหญิงใหญ่เชียวอยากจะทานอาหารสักคำ ก็สั่งเฉียนหงเย นว่า “รีบไปทำอะไรกินหน่อย หิวจะตายอยู่แล้ว!”

เฉียนหงเย่นพูดเปล่งเสียงว่า “ทำกะผีนะสิ วัตถุดิบอาหารที่ เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถูกจางกุ้ยเฟินพวกเธอสามคนกินไปหมดแล้ว ตอนนี้ของใช้ประจำในห้องครัวก็ถูกคนของอู่ตงไห่เก็บไป หมดแล้ว ในบ้านก็มีข้าวครึ่งกระสอบ ขนาดหม้อหุงข้าวก็ยังไม่มี แล้ว ฉันจะเอาอะไรทำอาหารเหรอ?”

นายหญิงใหญ่เซียวถามอย่างหมดหวังว่า: “ในตู้เย็นก็ไม่มี อะไรที่กินได้เลยเหรอ? เอาไส้กรอกแฮมมาทานไม่กี่วันก็ดีกว่า หิวนะ!”

เฉียนหงเล่นพูดอย่างรำคาญว่า “แม่ความจำเสื่อมหรือเปล่า? ขนาดตู้เย็นก็ถูกคนลากไปแล้ว ฉันจะไปเอาไส้กรอกแฮมที่ไหน มาให้แม่เหรอ? ไม่งั้นแม่ให้เงินฉัน ฉันจะออกไปซื้อให้แม่เอา มั้ย?”

นายหญิงใหญ่เชียวถึงได้นึกขึ้นได้ว่า เมื่อกี้นี้คนของอู่ตงไม่ได้ ขนย้ายตู้เย็นทั้งหมดออกไปแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้ในคฤหาสน์หลังนี้ ขนาดหาของกิน ออกมาไม่ได้สักอย่าง ในเวลานี้เชียวไห่หลงน้อยใจเป็นอย่าง มาก ร้องไห้พูดว่า: “แม่…ผม…ผมหิวมาก ตั้งแต่ออกไปจนถึง ตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย….”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ