ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1705



บทที่ 1705

กลางดึก เยเฉินขับรถยนต์พาอิโตะ นานาโกะ มุ่งหน้าวิ่งไป ระหว่างทางกลับสู่โตเกียว

ผ่านไปครึ่งทาง เฉินจือข่ายโทรหาเย่เฉิน สอบถามเขาว่าเขา

ทำงานเสร็จหรือยังและจะกลับโอซาก้าเมื่อไหร่

เยเฉันบอกเขาว่าตนไม่สามารถย้อนกลับไปได้ชั่วขณะ คาดว่า น่าจะกลับไปในตอนกลางวันของวันพรุ่งนี้

เฉินจือข่ายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่เฉิน แต่เขารู้ว่าเเฉินทรง พลังอย่างมาก ในญี่ปุ่นไม่สมควรที่จะมีใครสามารถข่มขู่เขาได้ ดังนั้นเขาจึงวางใจขึ้นมา

อิโตะ นานาโกะที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ตอนตลอดทางมีท่าที

ร้อนรนอย่างมาก ถึงแม้นางาฮิโกะ อิโตะจะพูดทางโทรศัพท์ว่า

เขาไม่เป็นอันตรายแล้ว แต่อิโตะ นานาโกะก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง

กว่าสามชั่วโมงต่อมา เยเฉันก็ขับรถกลับมาที่โตเกียวและ หยุดที่หน้าประตูของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโตเกียว โรง พยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยโตเกียว

โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลอันดับสูงสุดในโลกของ ญี่ปุ่น เป็นตัวแทนในการแสดงถึงระดับการแพทย์ที่สูงที่สุดใน ญี่ปุ่น

หลังจากที่รถหยุดนิ่ง อิโตะ นานาโกะก็แทบรอไม่ไหวที่จะเปิดประตูลงจากรถ แต่ก่อนจะลงจากรถ เธอก็หันมามองที่เยเฉิน และเอ่ยปากถามว่า “เย่เฉินซัง คุณอยากจะขึ้นไปกับฉันไหม คะ?”

เย่เฉินเอ่ยอย่างอึดอัดอยู่บ้าง “พ่อของเธออาจจะไม่อยากเจอ ฉันหรอกมั้ง?”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างจริงจังว่า “เย่เฉินซัง คุณช่วยชีวิตฉัน ไว้ ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดและขัดแย้งครั้งใหญ่กว่านี้ ฉันเชื่อว่า พ่อของฉันจะต้องไม่ถือสาเอาความแน่

เย่เฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ได้ อย่างนั้นฉันไปเธอก็ แล้วกัน”

อันที่จริง ความคิดของเยเฉินนั้นเรียบง่ายอย่างมาก ยังไงเสีย นางาฮิโกะ อิโตะก็เป็นพ่อของอิโตะ นานาโกะ หากสภาพ ร่างกายของเขามีปัญหาใหญ่จริงๆ บางทีตัวเขาเองอาจจะพอ ช่วยได้บ้าง

เมื่อทั้งสองมาที่ชั้นผู้ป่วยหนักพิเศษ ก็พบว่าตั้งแต่ลิฟต์เปิด ออกจนกระทั่งถึงโถงพักผ่อน ทางเดิน ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยคน ยืนอยู่

ในหมู่คน ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลอิโตะ ส่วนกลุ่มที่เหลือคือสมาชิกของทีมปฏิบัติการพิเศษที่ถูกส่งมา โดยกรมตำรวจนครบาล โตเกียว

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทุกคนด้านนอกก็มองไปที่ลิฟต์ อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าเป็นอิโตะ นานาโกะ และชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทุกคนก็ตื่นตะลึงประหลาดใจ

ในเวลานี้ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และถามด้วยความประหลาดใจ “นานาโกะ เธอมาที่นี่ได้ยังไง?! คนที่เอ่ยขึ้นคือ เอมิ นานาโกะ เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของนางา ชิโกะ อิโตะ และเป็นป้าของ อิโตะ นานาโกะ

ทันทีที่อิโตะ นานาโกะ เห็นเธอก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว และพูดว่า “คุณป้า คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ?

เอมิ นานาโกะ ดวงตาฉายแววความเศร้าโศก เธอเอ่ยถอน หายใจ “พี่ชายชีพจรของเขาคงที่อย่างมาก แพทย์บอกว่าเขาพ้น ขีดอันตรายแล้ว แต่ว่า…”

อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ยปากถามขึ้นทันที “แต่อะไรคะ?!”

“เฮ้อ…” เอมิ นานาโกะถอนหายใจและพูดอย่างจริงจัง “ซา ของพี่ชายได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อที่จะรักษาชีวิตของเขา แพทย์ จึงตัดขาตั้งแต่ใต้เข่าลงไปของเขาทิ้ง เกรงว่าครึ่งชีวิตที่เหลือ เขาคงได้แต่ต้องนั่งเก้าอี้รถเข็นหรือใช้ขาเทียมแล้ว….

“หา?!” อิโตะ นานาโกะน้ำตาไหลออกมา

เมื่อได้ยินว่าพ่อของเธอถูกตัดขาทั้งสองข้าง ในใจของเธอก็ เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาทันที

เธอรู้จักอุปนิสัยของพ่อเป็นอย่างดี ตลอดมาแข็งแกร่ง มั่นคง และหนักแน่น ให้คนเช่นหากชีวิตที่เหลือได้แต่ต้องนั่งอยู่บนรถ เข็นนี่ถือเป็นโจมตีอันหนักหน่วงอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง
นี่ก็เหมือนกับอาจารย์ผู้มีพระคุณของตนยามาโมโตะ คาซึกิ ที่ เรียนศิลปะการต่อสู้มาตลอดทั้งชีวิต แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะประเมินความแข็งแกร่ง ของเยเฉินไป จากเดิมที่เป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ได้ แต่ต้องนอนอยู่บนเตียงข้ามผ่านคืนวันไปอย่างยากลำบาก การ โจมตีแบบนี้ เรียกได้ว่าถึงชีวิต

ในเวลานี้เเฉินอดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้

โชคแบบนี้ของนางาฮิโกะ อิโตะ ไม่รู้จะถือว่าดีหรือร้ายกัน แน่

ถ้าบอกว่าเขาโชคร้าย แต่เขาก็ยังโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ไม่ อย่างนั้น ตอนนี้เกรงว่าคงได้อยู่คนละโลกกับอิโตะ นานาโกะไป แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ