ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1862



บทที่ 1862

เย่เฉินกลับไม่รู้ว่า ซูจือหยูในเวลานี้กำลังคิดทุกวิถีทางตามหา ตนเองให้เจอ

เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การตระเตรียมสิ่งของที่ต้องใช้

ในวันตรุษจีน

นี่คือวันตรุษจีนหนึ่งที่เย่เฉินรอคอยมากที่สุด หลังจากที่พ่อแม่ เสียชีวิต

หลายปีก่อนหน้านี้ เขาฉลองอย่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน วัน ตรุษจีนกับวันธรรมดาไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน ไม่เพียงแต่ไม่ได้ รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว กลับยังจะรู้สึกเศร้าเพราะคน อื่นต่างอยู่กับครอบครัวแทนเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่แต่งงานกับเซียวซูหน เขาก็ไม่ได้มีความสนใจ อะไรต่อการฉลองวันตรุษจีน เพราะว่าเมื่อก่อนฉลองวันตรุษจีน ล้วนฉลองรวมกับตระกูลเซียวครอบครัวใหญ่ และเย่เฉินเป็น ธรรมดาก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ทุกคนเสียงสีประชดประชัน บนโต๊ะ รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาในคืนก่อนวันตรุษจีนทุก ครั้ง เขาจะต้องถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจนรู้สึกละอายใจเป็นอย่าง ยิ่ง

เทียบกันแล้ว สถานการณ์ในปีนี้ดีกว่าเยอะมาก ดังนั้นนี่ก็ได้ กลายเป็นวันตรุษจีนหนึ่งที่ในใจรอคอยมากที่สุด นับจากที่พ่อ แม่ของเย่เฉินเสียชีวิตมา
เช้าวันถัดมา วันเตรียมส่งท้ายปีเก่าวันที่ยี่สิบเก้า

ทั้งครอบครัวทานอาหารบนโต๊ะอาหารพร้อมกัน เยเฉินนำ รายการสิ่งของที่ต้องซื้อลิสต์ออกมาให้กับภรรยารวมไปถึง พ่อตาแม่ยาย ทั้งยังทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามความเห็น ของทุกคน ได้เป็นแบบที่ได้รับการยืนยันแล้วในท้ายที่สุด

เพราะว่าขาของหม่าหลันก็ขาดอีก เซียวซูหนยังต้องยืนหยัด ทำงานในวันสุดท้ายให้เสร็จ ดังนั้นเเงินกับเซียวฉางควนกลาย เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออย่างไม่สามารถผลักภาระไปให้ผู้อื่นได้

พ่อตาลูกเขยสองคนเตรียมตัว รอจนทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ ออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของด้วยกัน

เซียวซูหนทานอาหารเช้าเสร็จ ลุกยืนขึ้นพร้อมกับเอ่ย “ที่รัก พ่อ แม่ หนูต้องไปบริษัทแล้วค่ะ วันนี้คือวันทำการวันสุดท้ายก่อน เทศกาล ฉันต้องไปสะสางสถานการณ์ของโครงการบางส่วนที่ อยู่ในมือสักหน่อย จากนั้นเปิดการประชุมกับพนักงานทั้งหลาย แจกถั่งเปาวันตรุษจีน”

หม่าหลันเอ่ยพึมพำอยู่ที่ด้านข้าง “พนักงานยังจะแจกนั่งเปา อะไรอีก? ไม่ใช่ต่างก็ให้เงินเดือนกับพวกเขาแล้วหรอ?”

เซียวซูหนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ทุกคนก็ลำบากมานานมาก แล้วเพื่อโครงการที่อยู่ในมือเหล่านี้ สิ้นปีจะไม่ให้นั่งเปาแสดง น้ำใจออกมาหน่อยได้ยังไงกันล่ะคะ ไม่ใช่แค่ต้องให้ยั่งเปา ยัง ต้องให้โบนัสส่งท้ายปีด้วย

หม่าหลันเสียดายไม่หยุด เอ่ยว่า “เงินที่ทั้งๆที่ก็ประหยัดลงมาได้ ดึงดันจะต้องเอาให้คนนอกให้ได้ ไม่รู้จะพูดยังไงกับแกดีแล้ว จริงๆ !

เย่เฉินในเวลานี้เอ่ยปากว่า “แม่ครับ บริษัทล้วนอาศัย พนักงานทั้งหลายทํางานอย่างซื่อสัตย์จริงจังถึงจะสามารถยิ่ง เดินยิ่งดีได้ เห็นว่าตรุษจีนแล้ว ชูหน ในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัท หากไม่มีการแสดงออกสักหน่อย ความรู้สึกที่พนักงานมีต่อเธอ เกรงว่าก็คงสิ้นหวังแล้ว หากฉลองตรุษจีนกลับมายื่นจะลาออก กันหมด บริษัทนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเครื่องไม่ขึ้นแล้วหรอครับ?”

เซียวฉางควน ในเวลานี้ก็เอ่ยเสริมขึ้น “ยังคงเป็นลูกเขยของ ฉันที่พูดถูก เธอยายแก่นึ่งกจะตาย หากให้เธอเป็นเจ้าของบริษัท จริงๆ เธอจะต้อง โหดกว่า โจวปาผนั่นอย่างแน่นอน!

หม่าหลันถลึงตาใส่เขา “เขียวฉางควน อาศัยแค่คุณก็ ปากมากขึ้นมาแล้ว ใช่หรือเปล่า? คุณลองพูดอีกสักประโยคดู ฉันขามีปัญหาก็ยังสามารถขวนหน้าแก่ๆนั่นของคุณให้เละได้ เหมือนเดิม! ”

เขียวฉางควนตกใจจนหดลําคอ เอ่ยอย่างโมโหเคียดแค้นว่า “ฉันสิ ขี้เกียจจะต่อปากกับเธอ

เซียวซูหนสายศีรษะอย่างจนปัญญา เอ่ยปากว่า “พอได้แล้ว

ค่ะพ่อ พ่อไปซื้อของกับเเฉินเถอะค่ะ หนูก็ต้องไปทำงานแล้ว

“ได้” เซียวฉางควนพยักหน้า เอ่ยว่า “ลูกไปก่อนเถอะ พวกเรา สองคนอีกสักครู่ก็จะไป

ในขณะที่กำลังพูด ด้านนอกดังสะท้อนเสียงกริ่งประตูเข้ามาเซียวฉางควนเปิดวิดีโออินเตอร์คอม ก็เห็นคนวัยกลางคนที่สวม ชุดสูทหลายคน กำลังยืนอยู่หน้ากล้อง

คนนั้นที่น่าทีมเอ่ยขึ้นอย่างเคารพนบนอบว่า “ขอโทษนะครับ ขอถามหน่อยว่า อาจารย์เอยู่บ้านหรือเปล่า?”

คนที่พูด ก็คือหงห้า

และที่ข้างกายของเขา ยังมีเฉินจือข่าย ฉันกาง หวังเจิ้งกาง และเว่ยเลี่ยง

ที่ด้านหลังของเขา ดูเหมือนยังมีอีกสองสามคน เพียงแต่เซียว ฉางควนก็เห็นไม่ชัดเจน สามารถมองออกเพียงแค่มีชายมีหญิง มีแก่มีเด็ก

ด้วยเหตุนี้ เขาเลยเอ่ยกับเย่เฉินอย่างร้อนรนว่า “ลูกเขย มีคน มีหน้ามีตามากมายมาหาเธอ! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ