ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 2149



บทที่ 2149

เมื่อได้ยินคำพูดของเยเฉิน เซียวเวยเวยก็รีบพยักหน้าทันที น้ำ เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ และเธอก็พูดอย่างจริงจัง “พี่เขย คุณ พูดถูกแล้ว…ตอนนี้ฉัน…ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้ว…ฉันจะไม่เป็นเหมือน เมื่อก่อนอีก จะไม่เป็นคนที่เย่อหยิ่ง ไม่ยอมเรียนรู้ และจะไม่เป็น ลูกคุณหนูที่ไม่มีความสามารถและชอบดูถูกคนอื่นอีก….”

ขณะพูด เธอก็เปิดซิปของเสื้อแจ็กเกตลงมาเล็กน้อย เผยให้ เห็นชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินที่อยู่ด้านใน และเอ่ยปากพูด “พี่เขย คุณดูสิ ตอนนี้ฉันเริ่มหางานด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้ฉันเป็น พนักงานต้อนรับ ในหมู่บ้านจูเจียงสิ่งที่เพิ่งเปิดใหม่…”

เย่เฉินถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงไปทำงานเป็น พนักงานต้อนรับ? ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณจบปริญญาตรีไม่ใช่เหรอ หางานอะไรก็ดีกว่าการทำงานเป็นพนักงานต้อนรับไม่ใช่เหรอ?”

เซียวเวยเวยรู้สึกละอายใจและกระซิบเบาๆ “คือ…พี่เขย…ฉัน

จะบอกตามตรง ก่อนวันตรุษจีนพ่อกับพี่ของฉันวางแผนทำร้าย

ป้าสอง และโดนอีกฝ่ายทำร้ายจนกลายเป็นคนพิการ ตอนนี้พวก

เขาสองคนยังนอนอยู่บนเตียงเลย พวกเขาสองคนทำอะไรไม่ได้

สักอย่าง คุณย่าของฉันก็อายุมากแล้ว ช่วงก่อนคุณย่าก็ยังโดน

ป้ารองยั่วยุจนไม่สบาย ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ ดังนั้นก็เลยออกมา

หางานทำไม่ได้ มีเพียงฉันคนเดียวที่ออกมาหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวเวยเวยก็พูดด้วยน้ำเสียง สะอื้น แต่…แต่ฉันไม่สามารถหางานประจำแบบนั้นทำได้ เพราะ งานแบบนั้นจะจ่ายเงินเดือนเมื่อถึงต้นเดือนหน้าเท่านั้น แต่พ่อ พี่ ชายและคุณย่าของฉัน พวกเขาสามคนยังนั่งรออยู่ที่บ้าน ฉัน ต้องหาเงินกลับไปทุกวันเพื่อซื้ออาหารให้พวกเขากิน…”

“ดังนั้น ดังนั้นฉันจําเป็นต้องทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่ จ่ายเงินรายวันเท่านั้น…

เยเฉันพยักหน้าเบาๆ

ก่อนวันตรุษจีน ตอนที่ฉันและพ่อตาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเราก็เห็นนายหญิงใหญ่เชียว ช่วยลูกค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต หยิบถุงพลาสติกใส่ของ

ตอนนั้นเขาก็รู้แล้วว่า ตระกูลเซียวตกอับและหมดอำนาจไป

แล้ว

เมื่อก่อนพวกเขาอาศัยบารมีของอู่ตงไห่ ที่มีชีวิตที่สุขสบาย เหมือนกัน

แต่หลังจากนั้นเซียวฉางเฉียนกับเซียวไห่หลงสร้างปัญหา ใหญ่ขึ้น พวกเขาได้ลักพาตัวเยฉางหมิ่นและหม่าหลันไปพร้อม กัน ทำให้อู่ตงไหล่วงเกินผิดใจกับเยฉางหมิ่น

สุดท้ายแล้ว อู่ตงไม่รู้ว่าฉันเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเย ดัง นั้นเขาก็เลยคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อขอให้ฉันไว้ชีวิตเขา

ตอนนี้ อู๋ตงไห้กลายเป็นสุนัขรับใช้ของหงห้า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอยากให้โอกาสตระกูลเซียวอีก

ถ้าไม่ใช่ตัวเองเหลือทางรอดสุดท้ายให้กับคนของตระกูล เซียว คนของตระกูลเซียวคงจะถูกตงไห่ไล่ออกจากคฤหาสน์ไป แล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่เยเฉินเหลือทางรอดสุดท้ายให้พวกเขา ไม่ใช่เพราะว่าสงสารพวกเขา

เขารู้สึกว่า ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกนักปราชญ์ได้ข้อสรุปว่า คนชั่วต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองเคยทำไว้

ดังนั้น แทนที่จะไล่พวกเขาออกไปจาก Tomson Riviera ให้ พวกเขาได้ลิ้มรสการตกนรกทั้งเป็นอยู่ที่Tomson Rivieraจะดี กว่า

ดังนั้น ตงไห้ใช้ความสัมพันธ์ของตัวเอง ช่วยจางกุ้ยเฟินและ คนอื่นๆออกมาล่วงหน้า

เย่เฉันเข้าใจนิสัยใจคอของนายหญิงใหญ่เซียวเป็นอย่างดี เขารู้ว่าถ้านายหญิงใหญ่เซียวเห็นจางกุ้ยเฟินและคนอื่นๆ เข้ามา พักที่คฤหาสน์เดียวกัน เธอคงจะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อไล่จางกุ้ย เฟินและคนอื่นๆออกไป เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะแตกคอกับจา งกุ้ยเงินอย่างแน่นอน

เป็นไปตามที่เขาคาดคิดไว้

เดิมทีจางกุ้ยเฟินและคนอื่นๆยังรู้สึกซาบซึ้งต่อนายหญิงใหญ่ เซียว ถ้านายหญิงใหญ่เชียวปฏิบัติต่อพวกเธอดีๆหน่อย พวกเธอก็คงจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของนายหญิงใหญ่ เขียวอย่างแน่นอน

ถ้าเป็นอย่างนี้ นายหญิง ใหญ่เซียวก็จะมีผู้หญิงสามคนที่มีรูป ร่างกายแข็งแรงค่อยช่วยเหลือ อย่างน้อยครอบครัวของเธอก็ คงกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบาย

แต่เย่เฉินเดาออกว่านายหญิงใหญ่เซียวจะไม่เลือกทางนี้อย่าง แน่นอน

ดังนั้น เขาก็เลยจงใจให้นายหญิง ใหญ่เซียวได้สัมผัสถึงความ รู้สึกของการยกก้อนหินขึ้นมาแล้วตกลงไปกระแทกโดนเท้าของ ตัวเอง

คนที่เคยเป็นผู้ช่วยของตัวเองกลายมาเป็นศัตรู สิ่งนี้ต้อง ทำให้นายหญิงใหญ่เซียวเจ็บปวดมากๆอย่างแน่นอน

และคนอย่างนายหญิงใหญ่เชียว ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง

ตอนนี้ นายหญิงใหญ่เซียวเพียงคนเดียวต้องเลี้ยงดูคนใน ครอบครัวทั้งสี่คน เห็นได้ชัดว่าเธอเลี้ยงไม่ไหว ดังนั้นเชียว เวยเวยจึงต้องแบกรับภาระในการเลี้ยงดูคนในครอบครัว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ