บทที่ 1979
เมื่อเย่เฉินและซ่งหวั่นถึงบินกลับมายังตัวเมืองโตเกียวด้วย เฮลิคอปเตอร์ของตระกูลอิโตะ ซึ่งทรงที่อยู่กรมตำรวจนครบาล โตเกียวก็รู้สึกกระวนกระวายใจและไม่สามารถนั่งนิ่งๆอีกต่อไป
ในเวลานี้ เขารู้สึกประหม่ามากๆ และคิดอยู่ในใจ “จนถึงตอน นี้ก็ยังไม่รู้ว่าซึ่งหวั่นถึงตายแล้วหรือยัง ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยัง หาเบาะแสไม่ได้ ถ้าหากรอต่อไปแบบนี้ อีกไม่นานฟ้าก็จะสว่าง แล้ว ถ้าถึงเวลานั้นยังหาเธอไม่เจอ งั้นเรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องยุ่ง ยากอย่างแน่นอน!”
“ศพของซ่งหวั่นถึง น่าจะอยู่ในรถตู้คันนั้น แต่เธอกลับหายตัว ไป หายไปในภูเขาอันกว้างใหญ่ และไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้ว?”
ซึ่งทรงกังวลใจมากๆ เพราะเขากลัวว่าซึ่งหวั่นถึงยังไม่ตาย
ถ้าซ่งหวั่นถึงยังไม่ตาย คำโกหกก่อนหน้านี้ของฮาชิโมโตะชิน คิจิที่เป็นรองประธานบริษัทนิปปอนสตีพูดกับซ่งหวั่นถึง ก็จะถูก เปิดโปงทันที
เพราะเรื่องนี้ฮาชิโมโตะชินคิจิตัดสินใจดำเนินการด้วยตัวเอง ด้านหนึ่งเพื่อต้องการให้บริษัทนิปปอนสติได้กำไรมากที่สุด ส่วน อีกด้านก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ดังนั้น เขาก็เลยร่วมมือกับซุงหรง และหลอกลวงซึ่งหวั่นถึงบอกให้เธอไปเซ็นสัญญากับท่านประธานที่เขตนิชิทามะโตเกียว อันที่จริงท่านประธานของบริษัทนิปปอนสติไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ถ้าซ่งหวั่นถึงยังมีชีวิตอยู่ และตำรวจถามเธอว่าไปทำอะไรที่
เขตนิชิทามะโตเกียว เรื่องทั้งหมดก็จะถูกเปิดโปงทันที เมื่อถึงเวลานั้น ตำรวจของญี่ปุ่นจะจับกุมตัวฮาชิโมโตะชินคิจิ
ทันที
การฆาตกรรมเป็นหนึ่งในคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดใน ญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้นคือครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ฮาชิโมโตะชิน คิจิคงไม่ลังเลที่จะหักหลังซึ่งทรงอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องที่ซ่งหรง พ่อลูกคู่นี้ต้องการสังหารซึ่งหวั่น ถึง ก็จะถูกเปิดโปงทันที
ในเวลานี้ ฮาชิโมโตะชินอิจิก็เดินไปมาอยู่ในบ้านด้วยความ
ประหม่า
ทีมที่รับผิดชอบในการลอบสังหารซึ่งหวั่นถึง ก็ยืนอยู่หน้าเขา
ในเวลานี้
คนเหล่านี้ยืนหน้ากระดานอยู่ด้านหน้าโซฟา ทุกคนก้มศีรษะ และไม่กล้ามองหน้าฮาชิโมโตะชินคิจิ
ฮาชิโมโตะชินคิจิเพิ่งโทรศัพท์ไปถามเพื่อนที่อยู่ในกรม ตำรวจนครบาลโตเกียวว่าเหตุการณ์คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่แน่ใจว่าซึ่งหวั่นถึงตายแล้วหรือ ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็กังวลใจมากๆเหมือนกับซึ่งทรง
เขารู้ตัวดี ถ้าซ่งหวั่นถึงยังมีชีวิตอยู่ ตัวเองคงต้องซวยเป็นคน แรก!
ดังนั้น เขาเดินไปยังด้านหน้าของคนเหล่านี้ด้วยความโกรธ และตบหน้าพวกเขาทุกคนและพูดด้วยความโกรธจัด “พวกเจ้า มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์จริงๆ! ฉันเลี้ยงพวกเจ้าไว้ทำไม? เรื่องง่ายๆ แบบนี้ก็ทำไม่สำเร็จ!
คนเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล้าเปิดปากพูด
เมื่อฮาชิโมโตะชินคิจิเห็นพวกเขาไม่พูด เขาโกรธมากๆและ กัดฟันตัวเอง:”พวกเจ้ามันเศษสวะ ผู้หญิงเพียงคนเดียวก็กำจัด ไม่ได้! สร้างปัญหาใหญ่หลวงมาให้ฉัน! แม่งเอ๊ย ถ้าฉันโดนเปิด โปงจริงๆ พวกเจ้าก็หนีไม่พ้นเหมือนกัน!
ผ่านไปยี่สิบนาที
เฮลิคอปเตอร์กำลังลงจอดอย่างช้าๆ ที่คฤหาสน์ของตระกูลอิ
โตะ
นางาฮิโกะอิโตะที่สูญเสียขาทั้งสองข้าง ถูกน้องสาวที่ชื่อเอมิ อีโตะเข็นออกมา และรออยู่ที่ลานหน้าบ้าน
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนพื้น เอมิ อีโตะก็เป็นนางาฮิโกะอิ โตะมาที่ด้านหน้าของห้องโดยสาร
ในเวลานี้ เย่เฉินพึ่งก้าวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ และเอื้อมมือ ไปช่วยพยุงซ่งหวั่นถึงลงมา
อิโตะนานาโกะเดินตามซึ่งหวั่นถึงลงจากเฮลิคอปเตอร์ เมื่อ เห็นเย่เฉินเอื้อมมือไปพยุงซ่งหวั่นถึง เธอก็รู้สึกหึงหวงเล็กน้อย เพราะเธออิจฉามากกว่า
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ